โครงการปรับปรุงรัฐสภา สัปปายะสภาสถาน

นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ประชาชนกำลังจับตามอง เมื่อ พริษฐ์ วัชรสินธ์’  สส.แบบบัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ได้ออกมาชี้แจงและตั้งคำถามเกี่ยวกับ 15 โครงการมูลค่าสูงที่จะถูกใช้ไปกับการปรับปรุง ติดตั้งระบบ และแต่งเติมอาคารรัฐสภา ซึ่งมูลค่ารวมของทั้ง 15 โครงการสูงถึง 2.7 พันล้านบาท เรื่องนี้นำมาสู่ข้อวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวางว่า ดูจะเป็นการใช้เงินที่ไม่สมเหตุสมผล และอาคารรัฐสภาที่เพิ่งเปิดใช้งานมาเพียงแค่ 4-5 ปี ทำไมถึงต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงที่สูงขนาดนี้

15 โครงการที่ว่ามานี้ สามารถจำแนกออกมาเป็น 10 โครงการที่ ครม. ได้จัดสรรงบประมาณในปี 2569 และอยู่ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2569 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยอดรวมอยู่ที่ 956 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 

  • โครงการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภา (รวมค่าจ้างที่ปรึกษา) : งบประมาณ 44 ล้านบาท 
  • พัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D ห้องบรรยายใหญ่ B1-2 : งบประมาณ 180 ล้านบาท 
  • ปรับปรุงไฟส่องสว่างเพิ่มเติมบริเวณห้องประชุมสัมมนาชั้น B1 และ B2 : งบประมาณ 117 ล้านบาท
  • ปรับปรุงศาลาแก้ว 2 หลัง : งบประมาณ 123 ล้านบาท 
  • ปรับปรุงห้องประชุมงบฯ : งบประมาณ 118 ล้านบาท 
  • ปรับปรุงพื้นที่ครัวของอาคารรัฐสภา : งบประมาณ 117 ล้านบาท 
  • ติดตั้งภาพและเสียงประจำห้องจัดเลี้ยง ชั้น B2 : งบประมาณ 99 ล้านบาท 
  • จัดซื้อจอ LED Display : งบประมาณ 72 ล้านบาท 
  • พัฒนาปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์ และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ : งบประมาณ 43 ล้านบาท 
  • ปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง ชั้น 1 โซน C : งบประมาณ 43 ล้านบาท

และอีก 5 โครงการที่หน่วยงานทำคำขอเข้ามา แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรในงบประมาณปี 2569 ยอดรวมอยู่ที่ 1,817 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 

  • ก่อสร้างอาคารจอดรถรัฐสภา (เพิ่มเติม) รวมค่าควบคุมงานและค่าจ้างที่ปรึกษา : งบประมาณ 1,529 ล้านบาท
  • ออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯในห้องประชุมสุริยัน : งบประมาณ 133 ล้านบาท
  • จัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย : งบประมาณ 74 ล้านบาท
  • ระบบป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และเสริมสร้างคุณภาพอากาศ : งบประมาณ 50 ล้านบาท
  • จ้างงานซ่อมแซมปรับปรุงเสาไม้สัก : งบประมาณ 31 ล้านบาท

‘สัปปายะสภาสถาน’ สภาแห่งความสงบร่มเย็นและปัญญา

รัฐสภาไทยถือเป็นสถาบันที่ทำหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยหากย้อนกลับไปในปี 2551 คณะรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลของ ‘สมัคร สุนทรเวช’ ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณในการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ว่า สมาชิกสภาผู้แทนฯ สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตามการขยายตัวของประชากรในประเทศ 

‘รัฐสภาแห่งใหม่’ จึงได้ถูกสร้างขึ้นบนเนื้อที่ประมาณ 123 ไร่ บริเวณราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยได้รับการออกแบบจากบริษัทสงบ 1051 ที่ชนะในการประกวดแบบอาคารรัฐสภา ต่อมาได้เริ่มต้นก่อสร้างในปี 2556 โดยมีบริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 22,987 ล้านบาท ลักษณะเป็นอาคารสูง 9 ชั้น บวกกับชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้น รวมเป็น 11 ชั้น จากนั้นก็ได้เปิดให้ใช้งานในปี 2564 

รูปแบบอาคารของรัฐสภาแห่งนี้เรียกว่า ‘สัปปายะสภาสถาน’ และได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากหลักการสถาปัตยกรรมไทยแบบไตรภูมิตามความเชื่อของศาสนาพุทธ โดยในทางธรรมแล้วคำว่า ‘สัปปายะ’ หมายถึง สถานที่สำหรับประกอบกรรมดี และ ‘สัปปายะสภาสถาน’ ก็หมายถึง สภาแห่งความสงบร่มเย็นและปัญญา

อ้างอิงข้อมูลจาก ‘คู่มือนำชมรัฐสภา’ ได้เปิดเผยให้เห็นถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในรัฐสภาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น โถงรัฐพิธี, ห้องประชุมสมาชิกผู้แทนราษฎร, ห้องประชุมสมาชิกวุฒิสภา, พิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตย, ลานริมแม่น้ำเจ้าพระยา, โถงรับรองสมาชิกรัฐสภา และลานประชาธิปไตย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสัปปายะสภาสถานถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่หลายครั้งเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของการใช้สอยพื้นที่ อาทิ บางคนเมื่อเข้าไปในรัฐสภาแล้วหลงทาง, บางคนรู้สึกว่าสระน้ำที่ตั้งอยู่ในโถงกลางมีความอันตรายเพราะอยู่ระนาบเดียวกับทางเดินและไฟมืด, ที่จอดรถไม่เพียงพอ และล่าสุดเป็นเรื่องงบประมาณสำหรับการปรับปรุงอาคารรัฐสภาทั้งที่เปิดใช้ไปได้เพียงไม่กี่ปี ก็นำมาสู่ข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเช่นกัน

โครงการปรับปรุงรัฐสภา สัปปายะสภาสถาน

อ้างอิง