ผ่านมาแล้วครึ่งปีแรกของ 2024 ยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว มาเร็ว ไปเร็ว ดังเร็ว เงียบเร็ว และไม่มีอะไรมั่นคงแน่นอนอีกต่อไป ตราบใดที่แวดวงนั้น ๆ ยังคงมีผู้ขับเคลื่อน และพยายามหาความก้าวหน้าให้กับมันอยู่เสมอ

บนเวที AP Thailand presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2024 “Creative Generation” ที่ผ่านมา Session หนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจอยู่เสมอ แม้จะมีงานนี้จัดขึ้นกี่ครั้งก็ตาม คือ ‘Trends’ เวทีที่ขมวดปมทุกความวุ่นวายหลายสิ่งของวงการสร้างสรรค์ใน 30 นาที ผ่าน 2 Speakers คนสำคัญในแต่ละหมวดหมู่

ที่ในปีนี้มาในธีมหลักที่ว่า ‘Half Year Trends’ หรือการสรุปเทรนด์ที่น่าสนใจในครึ่งปีแรก ว่าหากเราถอยหลังมาไกล ๆ แล้วเฝ้าดูทุกช่วงเวลาจนทำให้เห็นว่าทุกด้านทุกมุมของแต่ละประเด็นในวงการสร้างสรรค์ในปีนี้ มีอะไรกำลังถูกพูดถึง และควรจับตากันต่อในอีกครึ่งปีหลัง จนไปถึงปี 2025

SUM UP เลยขอขมวดเป็น 25 เทรนด์ ในวงการสร้างสรรค์ทั้ง 5 หมวดหมู่ Creativity, Marketing, Innovation, Business & Economy และ People มาให้คุณได้อ่านกันแบบครบ ๆ ในบทความเดียว มาดูกันว่าในครึ่งปีที่ผ่านมา และอนาคตข้างหน้าในแต่ละวงการมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

(จากซ้ายไปขวา) ฉวีวรรณ คงโชคสมัย – Moderator / ชนินทร์ นาคะรัตนากร – Burger King / ดิศรา อุดมเดช – Yell Advertising / สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม – Moderator

‘Creativity’ : 2024 Half Year Trends

ช่วงแรกนี้มี Speaker 2 คน ได้แก่ ‘ชนินทร์ นาคะรัตนากร’ Senior Digital Marketing Manager ของ Burger King เป็นตัวแทนของ ‘แบรนด์’ และ ‘ดิศรา อุดมเดช’ CEO & Founder ที่ Yell Advertising ในฐานะตัวแทนของ ‘เอเจนซี่โฆษณา’ ที่มาขมวดเรื่องราวในวงการ ‘Creativity’ ที่ต้องตามให้ทันทั้งแพลตฟอร์ม และคนดูที่เปลี่ยนพฤติกรรมกันอยู่เสมอ ซึ่งมีเทรนด์น่าสนใจที่ต้องตามกันเรื่อย ๆ 5 เทรนด์ ดังนี้

1. การกระจายตัวของโซเซียลมีเดีย (Social Fragmentation)

เพราะทุกความแตกต่างหลากหลายของความสนใจอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงท่าทีในการนำเสนอก็แตกต่างกันไป แบรนด์ที่ต้องการทำการตลาดในยุคนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษากลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจที่ซับซ้อนไม่เหมือนกัน เพื่อทำให้ ‘Big Idea’ เดิม ๆ ขยายไปสู่ท่าทีการเล่าเรื่องในแต่ละรูปแบบเพื่อนำเสนอบนแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. แบรนด์เล็กต้องกล้าให้ใหญ่

จากการกระจายตัวดังกล่าว ทำให้โอกาสในการเติบโตของแบรนด์เล็ก ๆ มีมากขึ้น หากย้อนกลับไปเมื่อก่อน แบรนด์เล็ก ๆ อาจไม่ทุนมากพอในการประชาสัมพันธ์แบบเดินขบวน หรือป้ายบิลบอร์ด แต่ตอนนี้พื้นที่โฆษณาที่สำคัญกว่านั้นล้วนกระจายตัวอยู่ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ และกระจุกตัวอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของคนดู หากแบรนด์เล็กกล้าคิด และกล้าที่จะ ‘ลอง’ สร้างสรรค์การสื่อสารให้ใหญ่ในแบบที่ถนัด ก็อาจจะสร้างแรงกระเพื่อมให้สังคมได้เช่นกัน

3. โฟกัสสิ่งที่ทำให้จริงจัง

หากแบรนด์เล็กจะกล้าลองคิด และกล้าลองทำบนความเสี่ยงที่รับได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อีกหนึ่งสิ่งสำคัญและจะทำให้คุณเป็นตัวเองได้อย่างแข็งแรงขึ้น คือการตั้งใจและโฟกัสกับความหลงใหลในสิ่งที่ทำให้มากเพียงพอ เพราะไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กแค่ไหน หากความ Geek ของแบรนด์ หรือคนทำมาเจอกับคนดู ย่อมส่งผลให้คนรักและเชื่อมั่นคุณได้อย่างเต็มใจ

4. อย่าหาแสง แต่ควรเป็นต้นกำเนิดแสง (ที่ดี) (Trend Setter)

ในโลกนี้มีเทรนด์ให้ตามเป็นร้อยพัน หากเรามัวแต่เป็นผู้ตามคนอื่น เราก็จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้น ถ้าจะให้ดี เราควรจะเป็น ‘Trend Setter’ หรือผู้เริ่มประเด็นนั้น (ในแบบที่ดี) มากกว่า ผ่านการใช้ความเป็นตัวเองของแบรนด์ หรือคนทำ ผสมกับ Insight หรือจิตสำนึกร่วมของความเป็นมนุษย์ที่พอจะเชื่อมโยงกันได้ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราต้องเข้าใจตัวเองและเข้าใจสังคมให้ถ่องแท้ก่อนด้วยเช่นกัน

5. องค์กรควรให้พื้นที่แก่ทุกความคิดสร้างสรรค์

ทุกวันนี้คนรุ่นใหม่เลิกฮิตอาชีพสาย Creative แต่หันไปฮิตการเป็น Influencer แทน ฉะนั้นองค์กรยุคนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้บุคลากรด้านความคิดสร้างสรรค์ได้มีพื้นที่เป็นของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่การใช้วัยวุฒิและการอาบน้ำร้อนมาก่อนเพื่อฆ่าทุกไอเดียที่เห็นต่าง แต่ควรสนับสนุนและส่งต่อมุมมองผ่านความคิดเห็นที่จะทำให้ความคิดสร้างสรรค์เหล่านั้นได้รับการต่อยอดที่ดีต่อไป

(จากซ้ายไปขวา) ฉวีวรรณ คงโชคสมัย – Moderator / สุธีรพันธุ์ สักรวัตร – SCBX / เจนคณิต รุจิรโมรา – Leo Burnett Thailand, Publicis Groupe Thailand / ศุภกร เทพวิชัยศิลปกุล – Moderator

‘Marketing’ : 2024 Half Year Trends

Speaker 2 คน ในช่วงที่สองนี้ ได้แก่ ‘สุธีรพันธุ์ สักรวัตร’ Chief Customer Officer ที่ SCBX เป็นตัวแทนของ ‘แบรนด์’ และ ‘เจนคณิต รุจิรโมรา’ Chief Strategy Officer แห่ง Leo Burnett Thailand / Publicis Groupe Thailand ในมุมมองตัวแทนของ ‘คนทำงานการตลาด’ โดยทั้งสองจะมาขมวดเรื่องราวในวงการ ‘Marketing’ ซึ่งมีเทรนด์น่าสนใจที่ต้องตามกันเรื่อย ๆ 5 เทรนด์ ดังนี้

6. ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับ Algorithm

อย่างที่รู้กันว่า Algorithm นั้นชวนปวดหัว และน่ากุมขมับสักแค่ไหน แต่เราก็ยังต้องวิ่งไล่ตามมัน สิ่งนี้ทำให้หน้าตาของรูปแบบการตลาดยุคนี้เหมือน ๆ กันไปหมด หนทางที่สำคัญของเรื่องนี้คือเราต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปให้มากขึ้น ในห้วงเวลาที่ทุกอย่างเหมือน เราจะกลายเป็นคนที่แตกต่างและโดดเด่นได้ หากรูปแบบการตลาดที่สร้างสรรค์นั้นอยู่ถูกที่ถูกเวลา

7. แบรนด์ยุคนี้เน้นทำการตลาดผ่าน Creator

ในการตลาดยุคเดิม เชื่อเหลือเกินว่า 100% ของบุคคลที่จะมีตัวตนบนป้ายบิลบอร์ด หรือโฆษณา 15 วินาที 30 วินาที หนีไม่พ้นดารา นักแสดง หรือนักร้องระดับแม่เหล็กกันทั้งนั้น แตกต่างจากยุคนี้ที่ผู้คนเหล่านั้นจะกลายเป็น Creator และ Influencer บนโลกออนไลน์ ซึ่งข้อดีของเรื่องนี้คือแบรนด์สามารถจะเลือกสรร Creator ที่มีความสนใจตรงกันกับแคมเปญได้มากกว่า และทำให้เรื่องราวที่จะสื่อสารออกไปเต็มไปด้วยประสิทธิภาพที่มากกว่าด้วย

8. การ Rebrand แม้เพียงเล็กน้อยก็สร้างภาพจำที่ดีได้

มีงาน Research เมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับการลงทุนด้าน Digital Marketing ในรอบ 30 ปี ข้อมูลพบว่า 20 ปีแรกผลตอบรับยังไม่ดีนัก อาจเพราะยังใช้งานกันไม่เป็น แต่หลังจากการอัพเดตข้อมูลใหม่พบว่าในขณะนี้กำลังอยู่ในขาขึ้น จากการที่แบรนด์หันมาลงทุนเรื่อง ‘Brand Building’ มากขึ้น ซึ่งทำให้กลุ่มเป้าหมายหลักที่คาดหวังให้ความสนใจกับแบรนด์ ดังนั้นหากอยากให้กลุ่มเป้าหมายสนใจคุณ การปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย และเฉียบคมอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญ

9. การให้ความสำคัญกับการตลาดแบบ DEI

DEI ย่อมาจาก ‘Diversity’ หรือความหลากหลาย, ‘Equity’ หรือความเท่าเทียม และ ‘Inclusion’ หรือการไม่แบ่งแยก กรอบเหล่านี้คือเรื่องสำคัญที่สังคมปัจจุบันกำลังขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ การทำการตลาดผ่านเรื่องนี้จากความเข้าใจและโอบรับแบบจริง ๆ ไม่ใช่การทำเพื่อให้มีคนสนใจจึงเป็นเทรนด์สำคัญ ณ ขณะนี้ และในขณะเดียวกันแบรนด์จะต้องเปิดกว้างทุกความแตกต่างหลากหลายอย่างไม่แบ่งแยกในองค์กรด้วยเช่นกัน จึงจะทำให้การตลาดประสบความสำเร็จได้จริง ๆ

10. การตลาดจะมีความเป็นระยะยาวมากขึ้น

เรื่องนี้อาจจะทำให้คนในวงการการตลาดทำงานยากขึ้นหน่อย แต่การเป็นตัวเองของแบรนด์ที่จำเป็นต้องมีภาพลักษณ์ที่แข็งแรงขึ้น จะส่งผลให้รูปแบบการตลาดเดิม ๆ เปลี่ยนไป จากการทำแคมเปญต่อแคมเปญ กลายเป็นการทำการตลาดในแบบ ‘Continuous Loop’ หรือการตลาดระยะยาวได้ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้แบรนด์เก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายได้เป็นระบบมากกว่า ว่าจะขยับตัวแบบไหน ตอนไหนในเรื่องนี้ หรือเราควรจะมี Creative Experience แบบไหนเพื่อเข้าถึงลูกค้า

(จากซ้ายไปขวา) ฉวีวรรณ คงโชคสมัย – Moderator / อรรถพล ทะแพงพันธ์ – iMoD / ธีระชาติ ก่อตระกูล – StockRadars / ศุภกร เทพวิชัยศิลปกุล – Moderator

‘Innovation’ : 2024 Half Year Trends

Speaker 2 คน ในช่วงที่สาม ได้แก่ ‘อรรถพล ทะแพงพันธ์’ Founder & CEO เจ้าของเพจ iMoD และ YouTube iMoD Official และ ‘ธีระชาติ ก่อตระกูล’ CEO ของ StockRadars โดยทั้งสองจะมาขมวดเรื่องราวในวงการ ‘Innovation’ ที่มีความก้าวหน้าอย่างไม่หยุดหย่อนอยู่เสมอ ซึ่งมีเทรนด์น่าสนใจที่ต้องตามกันเรื่อย ๆ 5 เทรนด์ ดังนี้

11. การจัดการความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยของ AI (AI TRiSM)

ในยุคที่ AI ฉลาดล้ำค้ำฟ้า เราในฐานะมนุษย์ ‘ผู้สร้าง’ มันขึ้นมาก็ควรที่จะมีการจัดการทางความเสี่ยงในหลาย ๆ ด้าน ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการคลาดเคลื่อนในการใช้งาน AI อย่างเช่นการใส่ ‘AI Watermark’ เพื่อบ่งบอกว่าเนื้อหานี้ คอนเทนต์นี้ ถูกสร้างขึ้นด้วย AI เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดอย่างกรณีของการ Generate ภาพเด็กสร้างสิ่งประดิษฐ์จากขวดน้ำ แล้วมีคนหลงเชื่อโดยไม่ไตร่ตรองอยู่มากมาย นี่จึงเป็นข้อน่ากลัวของ AI ในปัจจุบันที่ควรมีการระมัดระวังให้มากขึ้น

12. เรียนรู้ที่จะใช้ AI ให้ถูกทาง

แม้ AI จะดูใช้ประโยชน์ได้ไม่ลื่นไหลตามสายพานการทำงานบางอย่าง แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้เป็นสิ่งที่เราควรทำ ก่อนที่ AI จะเข้ามาอยู่ในชีวิตมนุษย์เป็น New normal ใหม่ได้จริง ๆ อาจจะเริ่มต้นจากการนำมาใช้ด้าน ‘Software’ หรือในส่วนของคำสั่ง เพื่อให้สายพานการทำงานไวขึ้น ก่อนจะลองขยับไปใช้ในฐานะ ‘Hardware’ ที่จะช่วยให้การทำงานนั้น ๆ มีประสิทธิภาพขึ้นตามลำดับได้

13. ลูกค้าใหม่กลายเป็นระบบ AI (Machine Customers)

ในฐานะแบรนด์ การทำการตลาดสู่กลุ่มเป้าหมายยุคนี้อาจจะไม่ใช่แค่กับมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่อาจหมายถึงการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่เป็น AI ที่ลูกค้าใช้ด้วย สิ่งนี้กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการสื่อสารการตลาด ที่เราจะต้องทำให้ AI ซื้อชุดความคิดเหล่านั้นที่เราป้อนเข้าไปสู่ระบบ เพื่อให้ AI จดจำ และกลายเป็น Brand Royalty ในแบบที่คล้ายคลึงกับคนได้

14. เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Technology)

เรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่ผู้คนกำลังขับเคลื่อนในทุกขยัก ตลาดสินค้าเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมกำลังค่อย ๆ ถูกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมาย อย่างเทคโนโลยีรถ EV ที่กำลังเติบโต หรือเป้าหมายของแบรนด์ยุคนี้ที่พยายามลดคาร์บอนในกระบวนการผลิตให้มากที่สุด ก็เป็นจุดร่วมที่ทำให้เทรนด์นี้น่าจับตามองกันต่อไป

15. ทำให้สินค้าผสมผสานกับ AI

การพัฒนาของสินค้ายุคนี้มีความย่ำอยู่กับที่ในวงโคจรแห่ง Safe Zone หนทางที่จะทำให้เราแตกต่างเลยคือการนำ AI มาใส่ให้ถูกจังหวะ เพื่อทำให้ขีดจำกัดของสินค้านั้น ๆ ทะลุไปสู่เส้นทางใหม่ที่มอบประสบการณ์ที่สะดวกง่ายดายต่อผู้ใช้ให้มากที่สุด อย่างการใส่ AI ใน Photoshop ที่ทำให้การแต่งภาพทำได้ง่ายขึ้น หรือการใส่ AI ลงไปในเครื่องซักผ้า ที่จะช่วยคำนวนผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มให้เหมาะสม รู้ว่าเนื้อผ้าที่ใส่ควรซักหนักเบายังไง อย่างนี้เป็นต้น

(จากซ้ายไปขวา) ฉวีวรรณ คงโชคสมัย – Moderator / ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ – Ookbee / ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ – PaySolutions, Creden.co และ Gash.ai / ศุภกร เทพวิชัยศิลปกุล – Moderator

‘Business & Economy’ : 2024 Half Year Trends

Speaker 2 คน ในช่วงที่รองสุดท้ายนี้ ได้แก่ ‘ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์’ CEO & Co-founder Ookbee และ ‘ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ’ CEO ของ PaySolutions, Creden.co และ Gash.ai โดยทั้งสองจะมาขมวดเรื่องราวในวงการ ‘Business & Economy’ ซึ่งมีเทรนด์น่าสนใจที่ต้องตามกันเรื่อย ๆ 5 เทรนด์ ดังนี้

16. ปี 2024 ยังคงท้าทายผู้ประกอบการอยู่เสมอ

จากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี 2024 พบว่า GDP ยังมีค่าน้อยอยู่ ในแง่การทำธุรกิจของผู้ประกอบการในอีกครึ่งปีที่เหลือถือว่ายังน่าสนใจและต้องตามกันต่อ เช่นเดียวกับในมุมประชาชนทั่วไป ที่แนวโน้มการหาหนทางให้เงินงอกเงยผ่าน ‘การลงทุน’ มีความเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น หากเราใช้เวลาอีกสักนิดในการศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน ทั้งในการลงทุนทำธุรกิจต่อของผู้ประกอบการ และการลงทุนให้งอกเงยของประชาชนทั่วไป โอกาสก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยากเกินไปนัก

17. คนไทยยังคงนิยมการ Subscription Model

สิ่งนี้ยังคงเป็นเทรนด์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เสมอมา จากการมี Streaming Platform มากมาย หรือบริการต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการใช้งานของคนทำงานในยุคปัจจุบัน อย่าง ChatGPT หรือ Adobe ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเม็ดเงินที่สนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับโลกใบนี้ เพียงแค่ว่าเงินที่เราเสียไปนั้นออกสู่ต่างประเทศเยอะไปหน่อย แต่ในสเกลของประเทศเรา การทำเศรษฐกิจดิจิทัลยังเป็นปัญหา เพราะยังไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำได้มาก่อน หากประเทศเราสนใจตลาดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้มากขึ้น หรือใช้เวลาเติบโตนานกว่าจะสำเร็จ

18. เพิ่มนวัตกรรมใหม่ ให้แบรนด์แตกต่าง

‘Brand Innovation’ คือสิ่งที่สำคัญมากขึ้นในการทำงานยุคนี้ การหยิบเอานวัตกรรมบางอย่างมาปรับใช้กับฟันเฟืองทุกภาคส่วนขององค์กรจะช่วยให้ภาพใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน อาจจะเริ่มจากการเพิ่ม ‘Specialist Innovation’ หรือการโฟกัสสิ่งพิเศษสักหนึ่งเรื่อง หรือเพิ่ม AI เข้าไปช่วยเหลือ เพื่อทำให้หน้าตาของนวัตกรรมที่จะมาขับเคลื่อนองค์กรในภาพใหญ่มันชัดขึ้นได้

19. ต้องกล้าเล่นบนตลาดออนไลน์ให้มาก

หากแบรนด์ไหนที่ยังเล่นในตลาดออนไลน์น้อยอยู่ บอกได้เลยว่าตกขบวน สิ่งที่แบรนด์ยุคนี้ควรทำคือการลงไปสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ให้มาก อย่าพยายามปิดกั้นตัวเองจากการมองว่าตัวตนบางอย่างเราอาจจะไม่เหมาะ เพราะสุดท้ายแล้วพื้นที่แห่งโอกาสเหล่านั้นอาจทำให้เราค้นพบวิธีการทำงานใหม่ที่ช่วยขับเคลื่อนการทำงาน และการเงินขององค์กรได้มากขึ้น อาจจะเป็นการทำ Affiliate Marketing ให้มากขึ้น หรือหาตัวตนของเราในแต่ละแพลตฟอร์มให้เจอ

20. ต้องเรียนรู้ ด้วยการทดลอง

กรณีศึกษาของ AI เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้ พอคนไทยยังมองไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอันว่า AI มันจะมาใช้ในชีวิตจริงได้ยังไงบ้าง ทำให้ภาพรวมของประเทศยังคงมีพัฒนาการในการรับรู้น้อยอยู่ หากทุกคนแค่ทดลองเริ่มต้นใช้งานมัน อย่างน้อยที่สุดมันทำให้เราเกิดการเรียนรู้ และการกล้าขยับเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในภายภาคหน้า

(จากซ้ายไปขวา) ฉวีวรรณ คงโชคสมัย – Moderator / ประสาน อิงคนันท์ – มนุษย์ต่างวัย / โศรดา ศรประสิทธิ์ – ปับลิซิส กรุ๊ป (ประเทศไทย) / ชญานิศ จำปีรัตน์ – Moderator

‘People’ : 2024 Half Year Trends

Speaker 2 คน ในช่วงที่สุดท้ายนี้ ได้แก่ ‘ประสาน อิงคนันท์’ Founder ของ มนุษย์ต่างวัย และ ‘โศรดา ศรประสิทธิ์’ CEO ของ บริษัท ปับลิซิส กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด โดยทั้งสองจะมาขมวดเรื่องราวในวงการ ‘People’ ว่าในฐานะผู้ประกอบการ องค์กรเอง หรือในฐานะคนทำงานเอง ต้องตามให้ทันสิ่งใดกันบ้าง ซึ่งมีเทรนด์น่าสนใจที่ต้องตามกันเรื่อย ๆ 5 เทรนด์ ดังนี้

21. ทั้งองค์กร และคนทำงานต้องสำรวจตัวเองให้ชัด

ความแตกต่างหลากหลายในยุคปัจจุบันนั้นคือเรื่องที่สำคัญ แม้แต่ตัวองค์กรหรือคนทำงานวงการสร้างสรรค์เอง การรู้อัตลักษณ์หรือตัวตนของตัวเองให้ชัดนั้นจะทำให้โอกาสที่ถูกต้องเหมาะสมวิ่งเข้าหาเรามากขึ้น ในโลกที่สิ่งแวดล้อมการทำงานเปลี่ยนไป หลายบริษัทลดจำนวนคนลง และในโลกที่ข้อมูลความรู้วิ่งควบคู่ไปกับเทรนด์โลก ทิ้งห่างกับมนุษย์ออกไปเรื่อย ๆ

22. เปิดรับทุกข้อมูลใหม่ ๆ ในแบบที่เป็นคุณ

ความเชื่อในการหาข้อมูลใส่ตัวอยู่ตลอดเวลาของคนทำงานยุคนี้ ที่อาจจะเป็นเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานก็ได้อาจจะไม่ถูกต้องนัก จากข้อที่แล้วที่เราต้องสำรวจตัวเองให้ชัด นั่นนำมาซึ่งวิธีการเก็บเกี่ยวความรู้ในรูปแบบบจังหวะชีวิตที่เป็นเรา เพื่อให้สุดท้ายเราในฐานะคนทำงานจะได้เจอองค์กรที่สอดรับกับข้อมูลที่เรามี ซึ่งสะท้อนผ่านวิธีคิด และตัวตนของเราอีกทอดหนึ่ง

23. ลดช่องว่าง Generation Gap อย่างเข้าใจ

ในแง่ขององค์กร ช่องว่างระหว่างวัยยังคงเป็นปัญหามาอยู่เสมอ แม้จะมีกรณีศึกษาหลายรูปแบบให้หยิบมาปรับใช้ แต่ความแตกต่างหลากหลายของมนุษย์ก็ทำให้สิ่งนี้ยากขึ้นเสมอ หากองค์กรสามารถสร้าง ‘คุณค่า’ ร่วมกันของคนทำงานโดยไม่เกี่ยงช่วงอายุได้ จะทำให้ทั้งพนักงานเห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง และองค์กรจะสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมั่นคง

24. องค์กรควรสร้างรากฐานให้พนักงานรู้สึกมั่นคง

ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงมีความผันผวน องค์กรต้องหยิบเอาวิกฤตนั้นมาพลิกเป็นโอกาสให้เป็น จากการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ที่นำมาสู่ความเหนื่อยล้าของการต้องวิ่งบนกงล้อแฮมสเตอร์ตลอดเวลาแบบไม่ได้หยุดพัก องค์กรต้องสร้างรากฐานการทำงานที่ดีเพื่อให้พนักงานรับมือกับ ‘การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน (Constant Change)’ และต่อยอดสู่การรับมือกับ ‘การเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง (Continue Change)’ ให้ได้ต่อไป เพื่อทำให้สุขภาพของพนักงานและองค์กรยังคงแข็งแรง ไม่หวั่นแม้วันวิกฤตมามาก

25. องค์กรต้องรักษาคนเก่งให้เป็น

คนทำงานคือฟันเฟืองชิ้นสำคัญ โดยเฉพาะกับยุคนี้ที่องค์กรมีขนาดเล็กลงมากขึ้น การเสียฟันเฟืองไปหนึ่งตัวคือความหายนะต่อสายพานการทำงาน ฉะนั้นองค์กรจึงควรให้ความสำคัญกับพนักงานที่เก่งให้เป็น ผ่านการสื่อสารที่เคลียร์ สร้าง Career path ให้คนทำงานได้เติบโต มีการจ่ายเงินที่เป็นธรรม รวมถึงบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ผ่านการให้ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อรักษา Talent ให้คงอยู่ และทำให้เขามองเห็นคุณค่าการทำงานในองค์กรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

และทั้งหมดนั้นคือ Session ‘Half Year Trends’ ความยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งที่เรานำมาสรุปให้คุณได้อ่านกันแบบครบ ๆ แต่ยังมีอีกหลาย Session ที่น่าสนใจบนเวที AP Thailand presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2024 “Creative Generation” ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าหากคุณเป็นคนทำงานในวงการสร้างสรรค์ หรือกำลังงุนงงสงสัยว่าฉันจะเอายังไงต่อกับชีวิตการทำงานในเรื่องต่าง ๆ เนื้อหาบนเวทีนี้ทั้ง 2 วัน 50 Sessions อาจจะเป็นคำตอบให้คุณได้

กดซื้อบัตรเพื่อดูย้อนหลังทุก Sessions ในงานนี้แบบครบ ๆ เป็นเวลา 6 เดือน (9 มิถุนายน – 9 ธันวาคม 2567) ได้แล้วในราคา 1,490 บาท สนใจสามารถกดสั่งซื้อได้ทาง https://bit.ly/4aPf235 และติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page ของ CREATIVE TALK หรือทุกช่องทางการติดตาม

CREATED BY

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป