หากย้อนกลับไปในอดีตเราอาจจะคุ้นเคยกับหลักกับกลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 4P (Product, Price, Place, Promotion) ที่ถูกใช้กันมาอย่างช้านานในแวดวงการตลาด แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป กลยุทธ์การตลาดแบบเดิมอาจจะไม่เวิร์คเท่าเมื่อก่อน ต้องมีการปรับเปลี่ยนนำมาพัฒนาเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย จึงทำให้เกิด กลยุทธ์การตลาดแบบใหม่อย่าง “4E” ขึ้น
กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 4E เปรียบเสมือน กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 4P ที่ถูกปรับปรุงให้เหมาะกับยุคสมัยมากขึ้น และมีองค์ประกอบดังนี้
“Experience”
ที่ถูกต่อยอดมาจาก Product ที่มุ่งเน้นต่อการนำเสนอสินค้าและบริการ แต่ในยุคสมัยนี้อาจไม่เพียงพอแล้ว เพราะลูกค้าหรือผู้บริโภคล้วนต้องการประสบการณ์ที่ดีจากสินค้าและบริการเช่นกัน ยกตัวอย่าง ร้านอาหารสไตล์ “โอมากาเสะ” ที่สร้างประสบการณ์พิเศษในการรับประทาน เช่น บางร้านที่มีเมนูพิเศษที่จัดทำเฉพาะสำหรับลูกค้าบางกลุ่ม รวมถึงการตกแต่งร้านให้ดูดีสวยมีเอกลักษณ์ ก็นับว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเช่นกัน
“Exchange”
ที่ถูกต่อยอดมากจาก Price ที่มุ่งเน้นต่อการตั้งราคาสินค้าและบริการ เช่นการตัดราคา หรือการตั้งราคาที่ถูกกว่าเพื่อสร้างยอดขาย ซึ่งปัจจุบันอาจไม่ต้องทำแบบนั้นเสมอไป เพราะของที่มีราคาสูงก็สามารถสร้างยอดขายได้ หากมันทำให้ลูกค้าหรือผู้บริโภครู้สึกถึง ”ความคุ้มค่า” ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือ “iPhone” ที่ถึงจะราคาสูง แต่ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปี โดยที่ยังมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการให้อยู่ตลอด
“Everywhere”
ที่ถูกต่อยอดมาจาก Place ที่สินค้าและบริการนั้นต้องสามารถเข้าถึงลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ง่าย เช่น อยู่ในทำเลที่ลูกค้าสามารถเดินทางมาได้ง่าย มีที่จอดรถรองรับ แต่สมัยนี้อาจต้องมีการเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้จากทุกที่ ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหารที่ขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถทานได้ทั้งที่ร้าน และสามารสั่งอาหารจากแอปพลิเคชันเพื่อมาทานที่บ้านได้
“Evangelism”
ที่ถูกต่อยอดมาจาก Promotion การอัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม เพื่อสร้างให้เกิดยอดขาย เช่น การซื้อ 2 ชิ้นลดเพิ่ม 50% โดย “Evangelism” คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้บริโภคหรือลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเหล่านั้นเป็นลูกค้าประจำและมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ อย่างเช่นการจัดเวิร์คช็อปสุดพิเศษให้กับลูกค้าประจำ
สุดท้ายนี้กลยุทธ์การตลาดแบบ “4E” จะใช้ไม่ได้ผลเลย หากสินค้าและบริการของคุณไม่มีคุณภาพแต่แรก เพราะหัวใจหลักของการทำธุรกิจทุกประเภทคือเรื่องของ “คุณภาพ”