การรักษาความสัมพันธ์

ในหนึ่งความสัมพันธ์แต่ละคนแต่ละคู่ก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเกมสั้น ๆ หวือหวา ตื่นเต้น และมีอายุไม่นานราวกับอายุยุงลาย แต่สำหรับบางคนก็อาจจะมองว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องของเกมยาวที่อยากจะรักษามันเอาไว้ให้ได้นานมากที่สุด และแน่นอนว่าเมื่อความสัมพันธ์มีอายุมากเท่าไหร่ รายละเอียดในความสัมพันธ์มันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น 

ทีนี้พอพูดถึงการรักษาความสัมพันธ์ หลายคนก็อาจจะจินตนาการถึงการพาคนรักไปเที่ยวต่างประเทศ การพาไปดำน้ำ ปลูกปะการัง หรือการเซอร์ไพรส์ที่ใหญ่โต แต่ทาง ‘มาร์ก ทราเวอร์ส’ (Mark Travers Ph.D.) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้บอกไว้ว่า เอาเข้าจริง ๆ แล้วการรักษาความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมใหญ่โตเสมอไป เพราะบางกิจกรรมใช้เวลาเพียง 60 วินาที ก็สามารถทำให้คนรักของเรารู้สึกมีความหมายและทำให้สัมพันธ์ของพวกเราดีขึ้นมาได้ 

กิจกรรมสั้น ๆ ที่ว่านี้ ยกตัวอย่างเช่น ‘การกอดกัน’ ซึ่งการกอดกันเพียง 20 วินาทีก็สามารถช่วยลดระดับคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียดได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มออกซิโทซินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมสัมพันธ์ โดยข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า ผู้หญิงที่กอดคู่รักของตัวเองก่อนที่จะทำอะไรเครียด ๆ มีการตอบสนองต่อคอร์ติซอลต่ำกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้กอดคนรัก ดังนั้นจึงอาจจะพูดได้ว่า การกอดกันเพียงแค่ 1 นาทีหรือมากกว่านั้นน่าจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยทำให้ความเครียดลดลงได้จริง ๆ 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอย่าง ‘การแสดงความรู้สึกขอบคุณอีกฝ่าย’ ซึ่งหากคู่รักต่างแสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ความสัมพันธ์นั้น ๆ มีความยืดหยุ่นทางอารมณ์มากขึ้น และทำให้คนสองคนมีความเชื่อมโยงทางอารมณ์กันมากขึ้น ในทางกลับกัน หากความสัมพันธ์นั้น ๆ เต็มไปด้วยการตำหนิอีกฝ่าย หรือพูดจาแย่ ๆ ใส่กัน แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลเสียและทำให้ความสัมพันธ์นั้น ๆ ขาดความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน

สำหรับกิจกรรมอย่าง ‘การพูดคุยกันสั้น ๆ ในตอนเช้า’ ก็คงเป็นสิ่งที่ดีต่อความสัมพันธ์ เพราะมันอาจจะช่วยให้วันนั้น ๆ กลายเป็นวันที่อีกฝ่ายรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกว่ามีอีกคนที่คอยสนับสนุนหรือเป็นเบาะรองให้กับเขาอยู่ ซึ่งการพูดคุยก็คงเป็นการถามสัพเพเหระ เช่น มีอะไรกังวลไหมช่วงนี้, ที่ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง, มีอะไรอยากเล่าไหม หรือมีอะไรอยากให้ช่วยไหม เป็นต้น ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามพื้นฐานง่าย ๆ และแน่นอนว่ามันใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ใช้เวลาไม่นานอย่าง การนอนจับมือกัน, การพักหายใจด้วยกันสั้น ๆ หรือการเอาหน้าผากชนกัน ก็สามารถสร้างความใกล้ชิดทางอารมณ์ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดเลยแม้แต่คำเดียว

หากถามต่อว่า แล้วทำไมกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้เวลาสั้นแค่นี้ถึงช่วยให้ความสัมพันธ์นั้น ๆ มีประสิทธิภาพขึ้นมาได้ ทราเวอร์สก็ได้อธิบายเพิมเติมเอาไว้ว่า นั่นเป็นเรื่องของจิตวิทยาและชีววิทยา จากงานวิจัยของนักวิจัยด้านความสัมพันธ์อย่าง จอห์น กอตต์แมน’ (John Gottman) ระบุว่า การมีปฏิสัมพันธ์เล็ก ๆ ในแต่ละวัน ช่วยให้ความรักเติบโตขึ้น ซึ่งการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกในความสัมพันธ์เหมือนเป็นการใส่เงินเข้าไปใน ‘บัญชีธนาคารอารมณ์ความรู้สึก’ ซึ่งการไม่สนใจหรือเพิกเฉยใส่คู่ก็จะเหมือนเป็นการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารอารมณ์ความรู้สึก ดังนั้นยิ่งมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวันก็เท่ากับว่าความสัมพันธ์นั้น ๆ ถูกเติมเงินเข้าไปอยู่เรื่อย ๆ ทั้งยังเป็นแต้มต่อในช่วงที่ความสัมพันธ์มีปัญหาหรือมีอุปสรรคเกิดขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ กอตต์แมนยังได้อธิบายว่า ‘Bids’ คือการสื่อสารทางอารมณ์ขั้นพื้นฐาน ซึ่งมันอาจจะแสดงออกมาในรูปแบบของคำพูด หรือลักษณะทางกายภาพต่าง ๆ อาทิ การยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ, การกอดเบา ๆ หรือการลูบหัว เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่เพื่อขอการเชื่อมต่อกับอีกฝ่าย และจากการทดลองของกอตต์แมนพบว่า คู่รักที่ยังอยู่ด้วยกันจะหันไปตอบต่อ Bids กับคู่ของตัวเองกว่า 86% ในขณะที่คู่รักที่หย่าร้างกันตอบสนองต่อ Bids เพียงแค่ 33% ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ Bids ถูกเพิกเฉยหรือปฏิเสธ สิ่งที่ตามมาก็อาจจะเป็นความห่างเหินหรือความไม่พอใจในความสัมพันธ์ ดังนั้นกิจกรรมเล็ก ๆ น้อยเพียงหนึ่งนาทีจะช่วยทำให้ Bids ได้รับการตอบสนอง และช่วยไม่ให้ความสัมพันธ์ห่างเหินมากจนเกินไป 

อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า ในหนึ่งความสัมพันธ์รายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นการรักษาความสัมพันธ์ด้วยกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกมองเห็นและรู้สึกว่าความสัมพันธ์นี้มีความหมาย ซึ่งมันไม่ต้องใช้ต้นทุนทางเวลาหรือเงินทองอะไรมากมาย จึงช่วยทำให้สามารถทำมันได้อย่างต่อเนื่อง และมันก็อาจจะสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแรงในระยะยาวได้อีกด้วย

อ้างอิง