ผู้บริหารเลี่ยงจ้างเด็กจบใหม่

แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้วหลังวิกฤติโควิด แต่สถานการณ์การแรงงานในไตรมาสแรกของปี 2568 ยังคงเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งในเรื่องการจ้างงาน แนวโน้มตลาดแรงงาน และความคาดหวังจากนายจ้างในอนาคตที่ต้องการบุคลากรที่มีความพร้อมและทักษะในการทำงาน ถือเป็นโจทย์ความท้าทายของเด็กจบใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ ท่ามกลางตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันแข่งอย่างดุเดือด

โดยข้อมูลจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเผยสถานการณ์แรงงานไตรแรกปี 2568 พบว่า ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.4 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่ 0.5% เป็นผลมาจากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องที่ 3.1% แต่นอกภาคเกษตรกรรมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยที่ 0.5% โดยเฉพาะสาขาโรงแรมและภัตตาคารยังคงขยายตัวได้ที่ 3.5% แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเริ่มลดลง เช่นเดียวกับสาขาการขนส่งและเก็บสินค้าที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.5% 

ขณะที่การจ้างงานในสาขาการผลิตเริ่มหดตัวลงเล็กน้อยที่ 0.4% ส่วนในภาพรวมชั่วโมงการทำงานของแรงงานลดลงอยู่ที่ 40.8% ขณะที่การจ้างงานในสาขาการผลิตเริ่มหดตัวลงเล็กน้อย 0.4% สำหรับผู้ทำงานล่วงเวลาลดลง 5.0% ขณะที่ผู้ทำงานต่ำระดับลดลง 7.9% ส่วนอัตราการว่างงานไตรมาสแรกปี 2568 ลดลงมาอยู่ที่ 0.88% จากไตรมาสแรกปี 2567 ที่อยู่ที่ 1.01% ซึ่งมีผู้ว่างงาน จำนวน 3.6 แสนคน ลดลงในกลุ่มที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่า เช่นเดียวกับผู้ว่างงานระยะยาวที่ลดลง 14.3% หรือมีจำนวน 6.8 หมื่นคน โดยกลุ่มผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนกว่า 74.3% ว่างงานเพราะหางานไม่ได้ ผู้เสมือนว่างงานมีจำนวน 4.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าถึง 14.6% 

จากผลการสำรวจผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลในสหรัฐอเมริกาของ Hult Internatinal Business School ร่วมกับ Workplace Intelligence พบว่า ผู้บริหารถึง 89% มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งมองว่าเด็กจบใหม่ยังขาดประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง 50% ไม่มีทักษะที่เหมาะสม 51% ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม 55% และมีมารยาททางธุรกิจไม่ดีนัก 50% โดยเลือกที่จะจ้างฟรีแลนซ์หรือพนักงานที่เกษียณไปแล้วทดแทน หรือปล่อยให้ตำแหน่งว่าง ดังนั้นเพื่อให้มีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน แรงงานจบใหม่จึงควรเตรียมความพร้อมให้เหมาะสมในด้านทักษะที่ทำเป็นต่อสายงานและทัศนคติต่อโลกการทำงาน ส่วนภาคการศึกษาต้องเร่งปรับการเรียนการสอนให้สอดรับกับความต้องการของตลาด รวมถึงฝึกงานเพื่อสร้างประสบการณ์ทำงานจริงให้แก่นักศึกษา

โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เด็กจบใหม่มีแนวคิดอีกแบบหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับ เวิร์ก ไลฟ์ บาลานซ์ (work–life balance) และอยากหันไปเป็นผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น โดยมองว่ากลุ่มที่จะเข้าไปทำงานในระบบการจ้างงานกับบริษัทต่าง ๆ ควรต้องมีองค์ประกอบ ดังนี้  

  1. ต้องเข้าใจระบบการทำงานจริง ซึ่งเมื่อเกิดการจ้างงานแล้วต้องทำงานอย่างเต็มที่  
  2. ทักษะการทำงานเป็นทีมและการติดต่อสื่อสาร รวมถึงมารยาททางธุรกิจถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการฝึกฝน 
  3. ต้องมีความสามารถในการทำงานในอาชีพที่เลือกสมัครงาน
  4. การคิดวิเคราะห์และการคิดเชิงสร้างสรรค์ทำให้งานดีขึ้นก็ถือว่าสำคัญ
  5. ควรมีความยืดหยุ่นในการทำงานระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์แรงงานปี 2568 ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับภาคธุรกิจ SMEs ที่จะต้องปรับตัวท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ รวมถึงกลุ่มแรงงานใหม่ที่ต้องปรับตัวทั้งทักษะและทัศนคติ ตลอดจนปรับความยืดหยุ่นเพื่อให้สอดรับกับลักษณะงานมากขึ้น เพื่อให้มีงานทำท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในปัจจุบัน