ร่างกฎหมาย ‘One Big Beautiful Bil’ หรือร่างกฎหมายลดภาษีและงบใช้จ่ายที่ ‘ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์’ พยายามผลักดันได้ผ่านขั้นวุฒิสภาไปอย่างฉิวเฉียด ด้วยคะแนนเสียงที่เสมอกัน 50:50 เสียง โดยมีเสียงชี้ขาดสุดท้ายที่ให้กฎหมายนี้ไปต่อจากรองประธานาธิบดี ทำให้ตอนนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎร เพราะมีการปรับปรุงร่างกฎหมายในชั้นวุฒิสภา ส่วนขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการลงนามโดยประธานาธิบดี ซึ่งทรัมป์ได้ขีดเส้นเอาไว้ว่า จะต้องส่งร่างกฎหมายฉบับสุดท้ายให้เขาลงนามภายในวันที่ 4 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
หากยังพอจำกันได้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ดูเหมือนจะเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ทรัมป์กับ ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งบริษัท Tesla และ SpaceX แตกคอกัน เพราะมัสก์ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ และเขามองว่ามันจะทำให้ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นและทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น ทีนี้หากถามว่าในร่างกฎหมายฉบับนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง คำตอบก็คือ มีหลายประเด็น โดยมีรายละเอียดสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้
ภาษีประกันสังคม
ในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ว่า เขาจะยกเลิกการเก็บภาษีประกันสังคมเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้พิการและผู้สูงอายุ แต่ทว่าในร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถทำตามคำสัญญาได้ 100 เปอร์เซ็นต์เสียทีเดียว แต่ก็มีการปรับเพิ่มการลดหย่อนภาษีชั่วคราวเป็นเงิน 4,000 ดอลลาร์ สำหรับบุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2025-2028 นอกจากนี้ วุฒิสภาของพรรครีพับลิกันก็ได้มีการอนุมัติขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีประกันสังคม รวมถึงได้เพิ่มการลดหย่อนภาษีเป็นเงิน 6,000 ดอลลาร์ สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 75,000 ดอลลาร์ต่อปี
เพิ่มการหักลดหย่อนภาษีของรัฐและท้องถิ่น (State and Local Tax Deduction-Salt)
ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้เพิ่มเพดานการหักลดหย่อนภาษีของรัฐและท้องถิ่นเพิ่ม จากเดิม 10,000 ดอลลาร์เป็น 40,000 ดอลลาร์ โดยจะมีผลเพียง 5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นจะกลับมาที่เพดานเดิมคือ 10,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงภาษี Salt มาจากแรงกดดันของสมาชิกพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นค่อนข้างสูง ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในรัฐนั้น ๆ ต้องเสียภาษีรัฐและทรัพย์สินในอัตราที่สูง
เครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาด
ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้เตรียมที่จะค่อย ๆ ยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาด โดยมีการกำหนดให้บริษัทที่ก่อสร้างในปีนี้อาจยังคงรับเครดิตภาษีเต็มจำนวนได้ แต่เครดิตจะลดเหลือ 60 เปอร์เซ็นต์หากเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และเครดิตจะเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์หากเริ่มก่อสร้างในปี 2027 และจะหมดสิทธิ์รับเครดิตในปี 2028
ไม่เก็บภาษีจากทิป ภาษีค่าทำงานล่วงเวลา และอื่น ๆ
ข้อกำหนด ‘ไม่เก็บภาษีจากทิป’ ในร่างงบประมาณฉบับนี้ ถือเป็นการทำตามคำมั่นสัญญาอีกหนึ่งข้อที่ทรัมป์ได้ให้ไว้ระหว่างที่มีการหาเสียง ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้แทนราษฎร ณ ขณะนี้ จะอนุญาตให้บุคคลทั่วไปหักค่าทำงานล่วงเวลากับค่าทิปออกจากฐานภาษีได้ แต่ก็มีข้อเสนอให้สิทธิประโยชน์นี้ค่อย ๆ ลดลงตามระดับรายได้ของแต่ละบุคคล โดยมาตรการนี้จะหมดอายุภายในปี 2028
ปรับข้อกำหนดใหม่เกี่ยวกับโครงการ Medicaid
โครงการ Medicaid เป็นโครงการด้านสุขภาพสำหรับชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อยหรือเป็นผู้พิการ ข้อกำหนดที่มีการปรับเปลี่ยน อาทิ บุคคลที่อายุตั้งแต่ 18-65 ปี ไม่มีบุตรและไม่มีความพิการ จะต้องทำงานอย่างน้อย 80 ชั่วโมง/เดือน เพื่อที่จะเข้าถึงสิทธิ์ในโครงการนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันว่าคม 2026 เป็นต้นไป, อีกข้อเสนอคือการปรับเปลี่ยนระบบการลงทะเบียนโครงการนี้ใหม่จากเดิมที่ลงทะเบียนปีละครั้ง ให้ลงทะเบียนทุก ๆ 6 เดือน และผู้ที่มาลงทะเบียนจะต้องแสดงหลักฐานเกี่ยวกับรายได้และที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม เป็นต้น ทั้งนี้ ว่ากันว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับโครงการ Medicaid เป็นข้อกำหนดที่เข้มงวดมากที่สุดที่รีพับลิกันเสนอมาและมันมีความเสี่ยงที่จะทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงโครงการดังกล่าวได้
นอกจากนี้ ในร่างกฎหมายยังได้มีการเสนอให้เพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางอีก 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่าที่สภาผู้แทนราษฎรอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการเพิ่มเพดานหนี้จะทำให้รัฐบาลสามารถใช้จ่ายเงินไปกับโครงการเหล่านี้ได้ ทั้งนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในร่างกฎหมาย ‘One Big Beautiful Bill’ ของทรัมป์ แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ก็ได้สร้างความกังวลว่าจะเป็นการลดภาษีคนรวยและไปตัดสวัสดิการคนจนหรือไม่ เพราะ Tax Foundation รายงานว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้อาจส่งผลประโยชน์ให้กับชาวอเมริกันเพียง 1% ที่มีรายได้ราว 663,000 ดอลลาร์ต่อปี ขณะที่สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ประเมินว่า มาตรการเหล่านี้อาจทำให้ชาวอเมริกันกว่า 12 ล้านคนไม่มีประกันสุขภาพ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละนโยบาย แต่ละมาตรการเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่อยู่พอสมควร อาจจะต้องมาติดตามความคืบหน้าว่าทิศทางของร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
อ้างอิง
- https://www.bbc.com/news/articles/c0eqpz23l9jo
- https://www.bbc.com/news/articles/clyzzzdj15vo
- https://www.bangkokbiznews.com/world/1181573
- https://moneyandbanking.co.th/2025/181872/