เคยสงสัยมั้ยว่าตัวตนของ YOUNGOHM หน้าตาเป็นยังไง

หรือรสชาติของชีวิตการเป็น Rapper ของ F.HERO จะเผ็ด แสบ เค็ม หวาน เปรี้ยวขนาดไหน

แบรนด์ขนม ‘Rap Snacks’ จากสหรัฐอเมริกาตอบคำถามนี้ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว เพราะแบรนด์ของกินเล่นยี่ห้อนี้เคยทำทั้งรสชาติ ‘O.G. Bar-B-Que Cheddar’ ของ ‘Snoop Dogg’ หรือรสชาติ ‘Bar-B-Quin’ With My Honey Heat’ ของ ‘Lil Baby’ อีกทั้งรสชาติอื่น ๆ ที่ Collab กับชาว Hip Hop อีกกว่า 30 รสชาติ

แล้วทำไมเราถึงต้องชิมรสชาติของแรปเปอร์เหล่านี้กันนะ วันนี้ SUM UP จะพาไปรู้จักกับแบรนด์ของกินนี้กัน

เจมส์ ลินด์เซย์ (James Lindsay) – ภาพจาก Rap Snacks

‘Rap Snacks’ คือแบรนด์ขนมขบเคี้ยวแนวฮิปฮอปที่เกิดจากไอเดียของ ‘เจมส์ ลินด์เซย์ (James Lindsay)’ นักธุรกิจชาวฟิลาเดเฟีย สหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าที่เขาจะมาทำธุรกิจนี้ของตัวเอง เขาเคยเป็นผู้จัดการในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคที่ ‘Johnson Products Company (JPC)’ เจ้าของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและเครื่องสำอางสำหรับชาวแอฟริกันอเมริกันอย่าง Afro Sheen และ Ultra Sheen รวมถึงยังเคยทำงานใน ‘Warner-Lambert’ บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติอเมริกัน

หลังจากเจมส์ออกจากการทำงานในตำแหน่งใหญ่ของทั้งสองบริษัท เขาจึงมีแนวคิดอยากทำแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ผ่านความหลงใหลในสองสิ่งที่เขามีอย่างเต็มเปี่ยม นั่นคือ ‘ของว่าง’ และ ‘ดนตรี’

“ตอนเด็กๆ ผมมองว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารว่าง” เจมส์กล่าว ในวัยเด็กเขาเป็นเหมือนนักวิทยาศาสตร์ จากการที่เขามักหยิบขนมขบเคี้ยวหลายประเภทมาผสมรวมกันในถุงเดียวเพื่อค้นหารสชาติใหม่ ๆ ที่น่าสนใจกว่าสินค้าที่มีอยู่ในตลาดยุคนั้น

อีกทั้งความสนใจด้านดนตรี โดยเฉพาะในวงการเพลง Hip Hop เคยทำให้เขาได้ไปเป็นผู้จัดการศิลปินให้กับ ‘Meek Mill’ Rapper และเพื่อนร่วมรัฐจากฟิลาเดเฟียนานกว่า 5 ปี จากการทำงานตรงนี้ ทำให้เขายิ่งมองเห็นพลังของความเป็นศิลปินมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความหลงใหลอย่างเต็มเปา

ไอเดียของ ‘Rap Snacks’ จึงเกิดขึ้นด้วยการอยากนำสองสิ่งนี้มาขมวดรวมกัน ให้กลายเป็นสินค้าที่สามารถขับเคลื่อนได้ทั้งวงการขนมขบเคี้ยว และวงการฮิปฮอปของคนผิวสีไปพร้อม ๆ กัน หลังจากนั้นเขาจึงหาเงินมาลงทุนในโปรเจกต์นี้ผ่านการเล่าไอเดียให้คนในครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขาได้ฟัง เขาไม่ได้คาดคิดด้วยซ้ำว่าแต่ละคนจะมีเงินเท่าไหร่ แต่จากการเสนอแนวคิดเหล่านี้ ทำให้เขาได้เงินก้อนรวมกัน 10,000 ดอลลาร์บ้าง 15,000 ดอลลาร์บ้าง จนกลายเป็นเงินตั้งต้นธุรกิจที่ 40,000 ดอลลาร์

“มันน่ากลัวมาก กับการเริ่มต้นทำธุรกิจโดยที่ไม่มีเงินทุน ดังนั้นเมื่อฉันเริ่มเล่าเรื่องนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาคิดว่าแนวคิดนี้มันยอดเยี่ยมมาก ผมได้รับเงินมา 40,000 เหรียญ ซึ่งไม่ใช่เงินจำนวนมากในตอนนั้น แต่ผมต้องหาผู้ผลิตมาผลิตสินค้า ผมต้องซื้อเครื่องปรุงให้ได้ในช่วงแรก” เจมส์กล่าวกับ AFROTECH

ภาพจาก Egerton

อย่างไรก็ตามการลงทุนจากครอบครัวและเพื่อนฝูงของเขาก็ไม่เสียเปล่า ในการวางจำหน่ายครั้งแรกช่วงปี 1994 เขาตั้งราคาสินค้าของเขาไว้ที่ห่อละ 25 เซนต์ และขายเขาสามารถขายสินค้าไปได้กว่า 800 ลังภายใน 2 ชั่วโมง

จากความพิเศษของแต่ละรสชาติที่อยู่ในแบรนด์ของเขา อย่างเช่น ‘รสบาร์บีคิวน้ำผึ้ง’ ที่ Rap Snacks สามารถเคลมได้เลยว่านี่เป็นรสชาติสูตรพิเศษของเขาคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้แบรนด์แรกที่ผลิต ‘รสบาร์บีคิว’ คือ ‘Herr’s’ แบรนด์ขนมจากเพนซิลเวเนียในปี 1958

และจากความพิเศษจากการที่แบรนด์ของเขาออกแบบภาพลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ให้แตกต่างจากห่อขนมทั่วไปในยุคเดียวกัน สร้างความน่าดึงดูด และความน่าสนใจพอที่จะหยิบจากเชลฟ์ อีกทั้งเจมส์ยังคงพิจารณาแรปเปอร์ผิวสีหลายคนว่าใครกำลังดัง หรือกำลังจะดัง เพื่อติดต่อให้ Collab และเซ็นสัญญากับแบรนด์นี้

โดยที่ผ่านมามีศิลปินผิวสีระดับแม่เหล็กหลายคน ทั้ง Ol’ Dirty Bastard, Master P, Meek Mill, Yung Joc, Bell Biv Devoe, Lil Baby, Big Tymers, Pretty Willie, Ms. Toi, Mack 10, Pastor Troy, Lil’ Romeo, Nicki Minaj, Snoop Dogg, Cardi B, NBA Youngboy, Lil Boosie, Lil Durk, Rick Ross, Migos, Fabulous และแรปเปอร์คนอื่น ๆ อีกมากมาย

รูปแบบการ Collab คือการที่พวกเขาจะได้ร่วมออกแบบหน้าตาของ Chips หรือชิ้นขนมว่าอยากให้มีหน้าตาแบบไหน อยากให้เป็นมันฝรั่งทอด ข้าวโพดแท่งอบกรอบ หรือแผ่นตอร์ติลา ใส่เครื่องปรุงแบบไหน เผ็ด เค็ม มัน เปรี้ยว หวาน และชิมรสชาติในห่อของตัวเองจริง ๆ ก่อนวางจำหน่าย และมีหน้าของพวกเขาวางบนห่อขนมเคียงคู่รสชาติของตัวเองอีกด้วย

จากยุคแรกในปี 1994 จนถึง 2011 ที่ ‘Rap Snacks’ วางขายเฉพาะในวอชิงตัน ดีซี บัลติมอร์ และฟิลาเดลเฟียเท่านั้น พวกเขาก็ได้หุ้นส่วนใหม่อย่าง ‘Master P’ แรปเปอร์ที่เคยร่วม Collab กับแบรนด์มาก่อน และเห็นถึงความหลงใหลอย่างเข้าเส้นของเจมส์ พวกเขาจึงร่วมมือกันและทำการตลาดใหม่ เพิ่มสินค้าประเภทอื่นอย่างป็อปคอร์น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซีเรียล หรือเสื้อผ้า เพื่อขยายตลาดออกไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นในอเมริกา จนพวกเขาเติบโตและกลายเป็นธุรกิจมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐได้ในที่สุดในปัจจุบัน

สำหรับเจมส์แล้ว เขามองว่าวัฒนธรรมฮิปฮอปไม่ได้มีความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งกับอาหารเท่านั้น แต่ที่สินค้าสุด Niche ของเขาทำการตลาดได้เป็นเพราะวัฒนธรรมฮิปฮอปนั้นแทรกซึมอยู่ในทุก ๆ ที่ บนโลกใบนี้

“ผมคิดว่าฮิปฮอปเป็นแนวเพลงที่เปิดกว้างมาก มันไม่เคยมีข้อจำกัดใด ๆ มาครอบ และฮิปฮอปยังสามารถเชื่อมโยงกับความเป็นแบรนด์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้ เพราะฮิปฮอปเป็นแนวเพลงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในปัจจุบัน ทุกคนต่างก็แรปเพลงกันหมด ไม่ว่าคุณจะมีสีผิวอะไรและมีภูมิหลังอย่างไร ฮิปฮอปเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงออกในแบบที่จริงใจและตรงไปตรงมา” 

ที่มา

AUTHOR

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป