“วาฬและโลมา เป็นเพื่อนกัน
โลมาและวาฬ เป็นเพื่อนกัน
และต่อไปนี้ ขอเชิญทุกท่านพบกับ
วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ”
สิ้นเสียง Interlude ที่สร้างจาก AI และหลังจากสมาชิก Back up ประจำที่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มสมาชิกวงดนตรีเจ้าของเวทีนี้อย่าง ‘ปอ-กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ’ และ ‘น้ำวน-วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ’ ก็เดินเข้าที่พร้อมเสียงกรี๊ดจากคนดูเบื้องล่าง
เป็นเวลาเกือบ 8 ปี ที่พวกเขาทั้งสองคนร่วมงานกันในฐานะศิลปินของ ‘Whal & Dolph’ วงดนตรีอินดี้ป๊อบที่ใช้เวลาเพียง 3 ปี ในการมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกเป็นของตัวเอง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ พวกเขาเบนเข็มทิศทางการทำเพลงแบบเดิม ๆ จากอดีตวงที่พวกเขาเคยอยู่ มาทำเพลงป็อบจนประสบความสำเร็จ
SUM UP ขอพาทุกคนแหวกว่ายไปกับวงที่มีชื่อเป็นเจ้าสัตว์น่ารักในท้องทะเลตลอดเวลาที่ผ่านมากัน ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ พวกเขาผ่านอะไรกันมาบ้าง
ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เพจเล็ก ๆ เพจหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา พร้อมกับการปล่อยเพลงใหม่เพลงแรก ‘ยิ้ม (Your Curve)’ ที่มีคำเปิดสุดฮิตอย่าง “บ็อบ มาร์เลย์ เคยกล่าวไว้ว่า ส่วนโค้งเว้าที่สวยงามที่สุดของผู้หญิง ก็คือรอยยิ้มของพวกเธอนั่นแหละ” พร้อมเสียงกีตาร์สบายหูที่ดังสวนขึ้นมา นั่นคือสิ่งแรกที่ทำให้ผู้คนรู้จักพวกเขาในฐานะวงดนตรีอินดี้ใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Whal & Dolph’ ซึ่งจริง ๆ เป็นวงดนตรีที่ถือกำเนิดขึ้นจากไอเดียของการเป็น Side Project ของพวกเขาเท่านั้น
ก่อนหน้าการเกิดขึ้นของวงนี้ ‘ปอ – กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ’ คือ Frontman ของวงดนตรีแนว Alternative Rock ‘The Jogging Boys’ (2555 – 2557) และวง ‘Fits’ (2557 – 2560) วงดนตรีทรีโอแนว Rock & Roll ที่เน้นการนำเสนอดนตรีผ่านสไตล์ Garage Blues เป็นหลัก ส่วน ‘น้ำวน – วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ’ ก็เป็นมือกีตาร์ของ ‘The Public Mansion’ (2555 – 2559) วงดนตรีแนว Alternative Rock ที่เคยได้เข้าสังกัดค่ายเพลง Spicydisc อยู่ราว 2 ปี
และในขณะที่พวกเขากำลังเป็นศิลปินในวงของตัวเองอยู่นั้น ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกัน เห็นกันและกันในวงการดนตรีอินดี้อยู่ตลอดในช่วงนั้น อีกทั้งยังร่วมงานกันในฐานะทีม Production ที่ทำทั้งงานถ่าย งานตัดต่อ มีช่วงหนึ่งที่ปอไปเป็นพนักงานตัดต่อของ RS คอยตัดต่อรายการที่ออกอากาศในช่วงนั้น อย่าง เกมดารา…ชะลาล่า (2556 – 2558) หรือรายการอื่น ๆ ในเครือ หลังเลิกงานในช่วงดึก เขาก็จะกลับหอพักมาเพื่อฝึกแต่งเพลงไปเรื่อย ๆ
จนมีวันหนึ่งที่ปอกลับห้องมาแล้วพบว่าน้ำท่วม Macbook ตัวเก่งที่เขาใช้แต่งเพลงโดนน้ำจากท่อบนเพดานร่วงใส่จนพัง และไม่มีเงินซ่อม วันนั้นเขาเลยปณิธานกับตัวเองเลยว่า “กูจะต้องประสบความสำเร็จให้ได้ว่ะ ไม่งั้นกูจะต้องเป็นคนจนแบบนี้ตลอดไป” วันถัดมาเขาจึงไปลาออกจากงานประจำที่นั่น และออกมาหางานของตัวเองจริงจัง
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ปอและน้ำวนเริ่มต้นทำงานเก็บเงินเพื่อมาทำเพลงด้วยกัน ช่วยรุ่นพี่ตัดต่อของ RS ที่มาทำบริษัท Production ของตัวเองที่ชื่อ ‘F/8 Production’ ซึ่งหลายคนอาจคุ้นเคยในฐานะผู้สร้าง MV เพลง แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว (2558) ของแจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก หรือเพลงเซ็งมันเซ็ง (2559) ของบอล เชิญยิ้ม และเล่นดนตรีกลางคืนบ้างตามแต่โอกาส
หลังจากเก็บเงินก้อน และพัฒนาฝีมือการแต่งเพลงให้มากขึ้น เขาเลยมาร่วมกันทำเพลงป็อบด้วยกันเพลงแรกอย่าง ‘ยิ้ม (Your Curve)’ จาก 2 – 3 ไอเดียหลัก คืออยากให้มีแฟนเพลงผู้หญิงบ้าง จากที่ผ่านมาเขาทั้งสองคนทำวงที่ร้องเพลงแนวหนัก ๆ มาโดยตลอด และอยากทำงานให้มีคุณภาพบ้าง ฟังแล้วดูเป็นงาน Official ที่ไม่ใช่งานอัดคุณภาพรอง เลยตั้งใจจะเอาเงินเก็บไปเช่าห้องอัดดี ๆ สำหรับการอัดเพลง
ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนั้นพวกเขาได้ถ่าย Rehab Session ของ แม็กซ์ เจนมานะ พอดี ปอและน้ำวนเลยติดต่อขอใช้พื้นที่นั้นในการอัดเพลงจริงจังเป็นครั้งแรกด้วยกัน ส่วน MV พวกเขาก็ถ่ายกันด้วยมือถือแบบง่าย ๆ และได้กุ๊กไก่-ภาวดี คุ้มโชคไพศาล, ตี๋เล็ก นักแสดงโฆษณาที่รู้จักกัน และ หลิน-รินลดา พรสมบัติเสถียร ช่างภาพชื่อดังมาช่วยเล่นให้
เมื่อทั้งหมดมาประกอบรวมกันกลายเป็นผลงานออกสู่สายตาผู้คน ยอดวิวก็เริ่มต้นเล็ก ๆ จากหลักพันสู่หลักหมื่นในเวลาอันรวดเร็ว จากความตั้งใจว่าจะทำสิ่งนี้เป็นแค่ Side Project 1 เพลงถ้วน ก็เริ่มมีไฟอยากทำต่ออย่างจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดมาเป็นเพลง ‘พ’ และ ‘นานนาน’ (2017) ซึ่งทำให้พวกเขาเริ่มเห็นลู่ทางของการเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันก็หาลู่ทางทำเงินด้านอื่นอยู่เช่นกัน ทั้งทำเสื้อของวงขายในงาน Cat T-Shirt บ้าง ทำ Production บ้าง
จนวันหนึ่งมีเบอร์ปริศนาโทรมาหาน้ำวน เขาคือ ‘เมื่อย – ธวัชพนธ์ วงศ์บุญศิริ’ สมาชิกวง Scrubb ติดต่อมาให้ไปเล่นคอนเสิร์ตอินดี้เล็ก ๆ ของเขา และที่งานนั้น ทีมงาน What The Duck มาดูกันทั้งค่าย ก่อนที่โอกาสจะค่อย ๆ พาพวกเขาลื่นไหลไปตามสายน้ำให้ได้เป็นศิลปินของค่ายในเวลาต่อมา พวกเขาก็เลิกทำ Production และมาร่วมกันทำงานในฐานะ ‘ศิลปิน’ อย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปี ‘Whal & Dolph’ โดดเด่นในฐานะศิลปินอินดี้ที่ใช้คำว่า ‘อินดี้’ ได้แบบจริง ๆ ซึ่งโด่งดังในระดับ Mass ได้อย่างเป็นระบบ ค่อย ๆ ไต่เต้าความสำเร็จขึ้นมาเรื่อย ๆ ในระยะเวลาไม่นาน จากรูปแบบของเพลง และเนื้อหาที่หยิบเอาประเด็นความสัมพันธ์ในแง่มุมที่น่าสนใจมาแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างเพลง ‘ไม่รู้ทำไม’ (2563) เพลงที่เล่าเรื่องความเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของฝ่ายหนึ่ง ที่ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร หัวใจที่เคยรักจึงกลับกลายเป็นไม่รักเสียอย่างนั้น
หรือ ‘มีความจริงบางอย่างที่เธอไม่ควรรู้’ (2562) เพลงที่ผู้เล่าต้องการบอกกับคนรักอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาเลยว่าด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ทำให้เขาเผลอรักใครอีกคนเข้าไปแล้ว จะให้ทนฝืนไม่บอกก็คงไม่ไหว ขอโทษที่ต้องบอก แต่อย่าโกรธเราเลยนะ แม้เนื้อเพลงจะดูแสดงถึงความใจร้ายใจดำในฐานะเจ้าของเรื่องราวในความสัมพันธ์ แต่ลีลาและจังหวะของท่วงทำนองที่เนื้อหาเหล่านี้สื่อสารออกมานั้นทำให้ทุกอย่างซอฟต์ลง และกลายเป็นเพลงที่เข้าถึงความรักวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี จนมีแฟนเพลงที่รักและชื่นชอบพวกเขามากมาย
จนพวกเขามีอัลบั้มเต็ม และอัลบั้ม EP รวมกันกว่า 5 อัลบั้ม และคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกไปแล้วเมื่อปี 2562 และในอนาคตอันใกล้ พวกเขาเพิ่งบอกแฟนเพลงว่ากำลังจะมีอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ออกมาให้ฟังกัน และทันทีที่ปล่อยอัลบั้มเรียบร้อย คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 2 ก็จะเปิดตัวต่อทันที สำหรับชาวด้อมของสองสัตว์น้ำสุดน่ารักนี้ที่กำลังเฝ้ารอทั้งสองสิ่งอย่างใจจดใจจ่อ ขอให้เกาะจอรอประกาศจากพวกเขาอีกครั้ง เพราะเราเชื่อว่าผลงานใหม่ ๆ ที่กำลังจะออกมานี้จะไม่ทำให้เราผิดหวังอย่างแน่นอน

ที่มา