แม้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันตกของประเทศ หรือในประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง พม่า ลาว และอินโดนีเซีย แต่คงไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งไหนที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่คนไทยมากเท่ากับแผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว แรงสะเทือนจากจุดศูนย์กลางใกล้เมืองมัณฑะเลย์ก็ยังเคลื่อนที่ไปไกลกว่าพันกิโลเมตรจนถึงกรุงเทพมหานคร นำไปสู่โศกนาฏกรรมอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังก่อสร้างพังถล่มลงมา รวมไปถึงความเสียหายตามอาคารสูง ระบบขนส่งมวลชน จนทั่วทั้งเมืองหลวงตกอยู่ในภาวะอัมพาตเกือบทั้งวัน
เมื่อย้อนกลับไปในอดีต ประเทศไทยเคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่มีขนาดมากกว่า 6 ริกเตอร์ถึง 2 ครั้ง เท่าที่มีการบันทึกไว้ในยุคสมัยใหม่อย่างละเอียด คือแผ่นดินไหวที่จังหวัดน่าน ขนาด 6.5 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 และล่าสุดแผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย ขนาด 6.3 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 และหากย้อนออกไปไกลกว่านั้น ได้มีการจดบันทึกถึงเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทยในอดีต แต่คงไม่มีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงจนถึงขั้นทำลายล้างเมืองทั้งเมืองให้หายสาบสูญได้ภายในคืนเดียว เหมือนเหตุการณ์ ‘เวียงหนองหล่ม’
ในตำนานสิงหนวัติกุมาร ตำนานเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นทางภาคเหนือได้เล่าถึง ‘เมืองโยนก’ เมืองโบราณของชาวไทที่ตั้งขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 12 บริเวณลุ่มแม่น้ำกก ซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายปัจจุบัน และตำนานได้เล่าว่าเมืองดังกล่าวล่มสลายลงเมื่อเกิดอาเพศขึ้น ชาวเมืองได้จับปลาไหลเผือกมากิน ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนเมืองทั้งเมืองล่มสลายจมลงใต้พื้นพิภพ
จากการสำรวจทางโบราณคดีทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า เมืองโบราณดังกล่าวคือ ‘เวียงหนองหล่ม’ ซึ่งอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอแม่จันและอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำและมีการค้นพบโบราณวัตถุอย่าง กลองมโหระทึก ที่มีอายุเก่าแก่หลายพันปี อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวยังตั้งอยู่บนรอยเลื่อนใต้ดินอีกด้วย
จากข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี หากมีการเคลื่อนตัวของทั้งสองแนวรอยเลื่อนย่อมจะทำให้เกิดแรงดึง เกิดการยุบตัวของพื้นที่ระหว่างรอยเลื่อนย่อยทั้งสอง และกลายเป็นหนองน้ำหรือแอ่งที่ลุ่มต่ำ ลักษณะภูมิประเทศดังกล่าวเป็นลักษณะธรณีสัณฐานแบบหนองหล่ม หรือ Sag Pond นั่นเอง
จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่เวียงหนองหล่มได้กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเกิดหลุมยุบ 6 หลุมในพื้นที่ไร่สวนของชาวบ้านที่บ้านแม่สุริน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในเมียนมาที่สะเทือนมาถึงไทยในช่วงปลายเดือนก่อน โดยหลุมที่ใหญ่ที่สุดมีความกว้างถึง 22 เมตร ยาว 27 เมตร ซึ่งจากการสำรวจโดยเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า หลุมยุบดังกล่าวตั้งอยู่บนหินปูนและรอยเลื่อน เมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวใหญ่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำใต้ดินจนทำให้เกิดหลุมยุบขึ้น
จากเวียงหนองหล่มถึงหลุมยุบที่ขุนยวม รวมไปถึงความเสียหายจากหายนภัยครั้งล่าสุด ถือเป็นเครื่องเตือนใจว่าแผ่นดินไหวไม่ใช่ภัยธรรมชาติที่ไกลตัวคนไทย และถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่คนไทย ไม่ว่าจะภาครัฐจนถึงภาคประชาชนจะต้องศึกษา ทำความเข้าใจ และเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหว เพื่อป้องกันความสูญเสีย เมื่อถึงคราวเกิดภัยพิบัติขึ้น
ที่มา
- https://www.facebook.com/DMRTH/posts/เจาะ-ดิน-เวลาหาอดีตของเวียงหนองหล่มเวียงหนองหล่มหรือเมืองโยนกนาคพันธ์-ที่ล่มสลาย/541242068196970/
- https://www.finearts.go.th/promotion/view/26134-เมืองโยนก-นครในตำนานล้านนา
- https://www.thaipbs.or.th/news/content/350944
- https://www.tnnthailand.com/earth/195366/
- https://www.thaipbs.or.th/news/content/350681
- https://www.thaipbs.or.th/now/infographic/429