บันทึกลับของแอนน์แฟรงค์

หากพูดถึงหนังสือเล่มหนาหลายร้อยหน้าอย่าง ‘บันทึกลับของแอนแฟรงค์’ บางคนอาจจะเคยหยิบขึ้นมาอ่านกันบ้าง ซึ่งบันทึกเล่มนี้ถือว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นหนึ่งในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุเพียง 13 ขวบเท่านั้น

แรกเริ่มเดิมทีบันทึกเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาดัตช์และหลังจากถูกค้นพบได้มีการนำไปแปลภาษากว่าอีก 70 ภาษา โดยเจ้าของบันทึกเล่มนี้ก็คือ ‘แอนน์แฟรงค์’ ตามชื่อหนังสือ หรือสามารถเรียกสั้น ๆ ว่า ‘แอนน์’ ก็ได้เช่นกัน ประวัติโดยย่อของแอนน์ เธอเติบโตมาในบ้านที่ค่อนข้างฐานะร่ำรวย มีห้องสมุดส่วนตัว ทำให้เธอเป็นเด็กที่รักการอ่านและเป็นเด็กฉลาดคนหนึ่ง จุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตและครอบครัวเธอเกิดขึ้นช่วงปี 1929 ณ ขณะนั้นได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และพรรคนาซีได้เริ่มขึ้นมามีอำนาจ ทำให้ครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ในปี 1934

ต่อมานาซีได้ยึดเริ่มเข้ามายึดครองในประเทศเนเธอร์แลนด์และเริ่มใช้มาตรการควบคุมชาวยิว การคุมคามเข้ามาของเหล่านาซีทำให้อ็อตโตพ่อของแอนน์ได้เตรียมพื้นที่สำหรับการหลบซ่อนตัวจากการตามล่าจากทหารไว้ จึงเกิดห้องลับสำหรับการซ่อนตัวของครอบครัวของแอนน์และชาวยิวคนอื่น ๆ รวมทั้งหมด 7 คน โดยใช้เวลาหลบซ่อนตัวอยู่ทั้งหมดประมาณ 2 ปีกว่า ๆ และห้องลับแห่งนี้นี่เองเป็นที่มาของ ‘บันทึกลับของแอนน์แฟรงค์’

บันทึกเล่มนี้เป็นบันทึกไดอารี่ประจำวันของแอนน์ในแต่ละวัน ซึ่งเธอได้รับสมุดเล่มนี้มาเป็นของขวัญวันเกิด โดยได้บันทึกทุกเรื่องราวในห้องลับที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น เรื่องเพศ เรื่องการรู้สึกไม่พอใจเพื่อนร่วมห้องในบางครั้ง การใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ภายในห้องลับเล็ก ๆ การรู้สึกถูกกักขัง การรู้สึกไม่มีอิสรภาพ และมีการบันทึกที่สื่อถึงการมีความหวังที่ว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าจิตใจมนุษย์ดีเสมอ”

อย่างไรก็ดี สุดท้ายแอนน์แฟรงค์และครอบครัวก็ถูกค้นหาจนเจอและถูกจับจากทหารเยอรมัน ทำให้บันทึกของแอนน์ไม่ได้มีตอนจบที่สมบูรณ์ หลังจากที่ครอบครัวเธอถูกค้นตัวพบเธอถูกส่งไปที่ค่ายกักกันและเสียชีวิตในค่ายกักกันด้วยโรคไข้รากสากใหญ่ ซึ่ง ณ ขณะนั้นเธออายุ 15 ปีเท่านั้น และคนที่รอดจากความรุนแรงในครั้งนี้คือ ‘อ็อตโต’ พ่อของแอนน์ ต่อมาเขาได้พบกับบันทึกของแอนน์และตัดสินใจส่งเข้าสำนักพิมพ์ดัตช์ และถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในชื่อว่า ‘Het Achterhuis’ หลังจากนั้นจึงถูกนำมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ และโด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นบันทึกที่เล่าถึงชีวิตของชาวยิวที่หนีตายอยู่ในห้องลับ ซึ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ถือว่าเป็นความรุนแรงระดับชาติและแอนน์ได้ถ่ายทอดมาได้ดีที่สุดในพาร์ทของเธอ และไม่มีโอกาสแม้จะได้เขียนตอนจบของมัน

อ้างอิง