กรุงเทพเมืองคนโสด

ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเลือกโสด ทั้งที่มีเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้สามารถพบปะผู้คนได้ง่ายกว่ารุ่นพ่อ รุ่นปู่ เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถพบปะพูดคุยกับผู้คนได้แล้ว และแอปพลิเคชั่นหาคู่ยังมีอยู่แพร่หลายให้เลือกใช้แต่ทำไมคนถึงยังไม่มีแฟนกันนะ และนับวันจะมีคนโสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) ปี 2566 พบว่าคนไทยครองตัวเป็นโสดมากขึ้น คิดเป็น 23.9% หรือ 1 ใน 5 หากพิจารณาเฉพาะช่วงวัยเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุ 15-49 ปีจะมีสัดส่วนมากถึง 40.5% สูงกว่าภาพรวมประเทศเกือบเท่าตัว และเพิ่มขึ้นจาก ปี 2560 ที่มีสัดส่วน 35.7 โดยโดยคนโสดส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเมือง โดยกรุงเทพฯ มีสัดส่วนคนโสดต่อประชากรในพื้นที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ถึง 50.4% 

คนโสดส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 15 – 25 ปี และส่วนมากจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป เมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า คนโสดเพศหญิงมีสัดส่วนคนจบปริญญาตรีอยู่ที่ 42% สูงกว่าเพศชายเกือบเท่าตัว (เพศชายอยู่ที่ 25.7%)  และเมื่อพิจารณาในกลุ่มคนมีคู่ ยังพบว่า มีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้น สะท้อนได้จากคนที่แต่งงานแล้วที่มีสัดส่วนลดลงจาก 57.9% มาอยู่ที่ 52.6% และจำนวนการหย่าร้างเพิ่มขึ้น 22% จากปี 2560

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเป็นคนโสด

📌 ค่านิยมแบบใหม่

ค่านิยมแบบใหม่เกิดขึ้นในสังคมไทยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมของบุคคลที่หลากหลาย การใช้ชีวิตเป็นโสดเพิ่มขึ้น และส่งผลให้มีแนวโน้มด้านต่าง ๆ เช่น SINK (Single Income, No Kids) หรือคนโสดที่มีรายได้และไม่มีลูก โดยกลุ่มนี้ เน้นใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มความสุขให้ตนเองเป็นหลัก อาทิ การท่องเที่ยว สุขภาพหรือความงาม ที่อยู่อาศัย โดยในปี 2566 และจากข้อมูล SES เมื่อจำแนกประชากรช่วงวัยเจริญพันธุ์ตามระดับรายได้ 10 กลุ่มและสถานภาพสมรส พบว่า สัดส่วน คนโสดสูงขึ้นตามระดับรายได้ ทั้งนี้ หากพิจารณาสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านตัวเงินประเภทต่าง ๆ ของคนโสด ยังพบว่า ส่วนใหญ่ เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหาร การเดินทางและการติดต่อสื่อสาร และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (อาทิ ภาษี เบี้ยประกันภัย การบริจาคหรือทำบุญ)

📌 PANK (Professional Aunt, No Kids) หรือกลุ่มผู้หญิงโสดอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่มีรายได้หรืออาชีพการงานดีและไม่มีลูก

เน้นไปที่การดูแลหลานหรือเด็กในครอบครัวรอบตัว จากข้อมูล SES ปี 2566 พบว่า คนโสด PANK มีจำนวนทั้งหมด 2.8 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ดีและจบการศึกษาสูง กล่าวคือ กว่า 26.6% ของคนโสด PANK อยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด (Decile 10) และจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปมากถึง 46.5% หากพิจารณาตามการประกอบอาชีพของคนโสด PANK (กลุ่ม Decile 10 ที่จบการศึกษา ในระดับปริญญาตรีขึ้นไป) พบว่า ส่วนใหญ่เป็น ผู้ประกอบวิชาชีพด้านต่าง ๆ อาทิ นักฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ ศิลปิน นักแสดง เจ้าหน้าที่เทคนิค เช่น ช่างเทคนิคด้าน เคมี/วิทยาศาสตร์กายภาพ ช่างเทคนิควิศวกรโทรคมนาคม เป็นต้น 

📌 Waithood กลุ่มคนโสดที่เลือกจะรอคอยการมีความรักต่อไป

เนื่องจากความไม่พร้อมหรือไม่มั่นคงในสถานะทางเศรษฐกิจ จึงมองว่าการแต่งงานในขณะที่ยังไม่พร้อมจะเป็นการลดโอกาสด้านอื่น ๆ ที่อาจเข้ามา อีกทั้ง ยังจะเป็นภาระทางการเงินอีกด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากคนโสด 40% ที่มีรายได้ต่ำสุด (Bottom 40) โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 37.7% ของประชากรช่วงวัยเจริญพันธุ์ทั้งหมดที่มีรายได้ต่ำกว่า 40% ทั้งนี้ คนโสด Bottom 40 ส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากถึง 62.6% อีกทั้ง ยังมีระดับการศึกษาที่ไม่สูงนัก ส่งผลให้ความสามารถในการหารายได้จำกัด โดยอาชีพส่วนใหญ่ของคนโสด Bottom 40 คือ ผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือด้านการเกษตร ป่าไม้ และประมง และผู้ประกอบอาชีพด้านงานพื้นฐาน อาทิ คนงาน ผู้ช่วยทำความสะอาดที่พักอาศัย นอกจากนี้ 52.9% ยังเป็นผู้ไม่ได้ทำงานหารายได้อีกด้วย

📌 ไม่มีโอกาสมองหาคู่

จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2566พบว่า คนโสดมีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 43.2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สูงกว่าชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยรวมของทั้งประเทศ ที่อยู่ที่ 42.3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่คนมีคู่ (แต่งงานแล้ว) มีชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย 40.9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 

นอกจากนี้ จากผลการจัดอันดับ Best and Worst Cities for Work – Life Balance ปี 2565 ของบริษัท Kisi” พบว่า กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 5 ของเมืองที่แรงงานทำงานหนักที่สุดในโลก ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า การที่คนโสดต้องใช้เวลา ส่วนใหญ่ไปกับการทำงานทำให้ไม่มีโอกาสในการมองหาคู่อย่างจริงจัง จึงเลือกที่จะอยู่เป็นโสดและมองหาเป้าหมายอื่น 

📌 ปัญหาความต้องการหรือความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกัน

การเปลี่ยนแปลงบทบาททางเพศ อาทิ การเข้ามามีบทบาทในตลาดแรงงานที่มากขึ้นของเพศหญิง และการศึกษา ที่สูงขึ้นของเพศหญิง ทำให้การมองหาคู่ของคนโสดเปลี่ยนไปจากอดีต โดยคนโสดบางส่วนมีมาตรฐานในการเลือกคู่สูงขึ้น ทำให้มีโอกาสเจอคนโสดที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการได้ยาก จึงต้องเป็นโสดต่อไป 

จากการสำรวจความต้องการของคนโสดของบริษัทมีทแอนด์ลันช์ สาขาประเทศไทย (2021)พบว่า มีผู้หญิงไทยกว่า 76% จะไม่เดทกับผู้ชายที่มีรายได้น้อยกว่า และ 83% ไม่ยอมคบผู้ชายที่มีส่วนสูงน้อยกว่า ขณะเดียวกัน ผู้ชายกว่า 59% ไม่เปิดใจคบกับผู้หญิงตัวสูงกว่า และอีกกว่า 60% จะไม่ออกเดทกับผู้หญิงที่เคยหย่าร้าง  ปัญหาความคาดหวังทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงยังทำให้ผู้หญิงบางส่วนเลือกจะครองตัวเป็นโสดมากขึ้น โดย Hwang (2016) ระบุว่า ประเทศในทวีปเอเชียส่วนใหญ่มีรากฐานวัฒนธรรมของความคาดหวังต่อผู้หญิงสูง โดยเฉพาะภายหลังการแต่งงานที่ผู้หญิงควรต้องมีบทบาททั้งในบ้านและนอกบ้าน กล่าวคือ ผู้หญิงต้องเป็นแม่บ้าน ที่มีหน้าที่เลี้ยงลูกและทำงานบ้าน และควรต้องเป็นหนึ่งในแรงงานหลักที่ต้องหาเงินเข้าบ้านและเลี้ยงครอบครัว

ที่มา

  • สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)