ถ้าเราย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว 2022/23 หนึ่งในลีกใหญ่ของยุโรปอย่าง “บุนเดสลีกา” การแข่งขันฟุตบอลลีกของประเทศเยอรมันที่ลุ้นแชมป์กันเป็นยาวนานถึงเกมสุดท้าย ของ 2 ทีมเสือใหญ่อย่าง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จ่าฝูงในเวลานั้น และ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค

โดยก่อนเกมนัดสุดท้ายเสือเหลืองมีแต้มนำเสือใต้อยู่ 2 คะแนน ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะในบ้านของตัวเองได้ พวกเขาจะล้มมหาอำนาจของประเทศอย่างเสือใต้ที่ครองแชมป์มายาวนานถึง 10 ฤดูกาล โดยก่อนหน้านั้นคือพวกเขาที่สามารถคว้าแชมป์ไว้ได้เมื่อฤดูกาล 2011/12

แต่ทุกอย่างกลับพลิกจากฝันที่วาดไว้ พวกเขาดันทำได้เพียงเสมอกับไมนซ์ด้วยสกอร์ 2-2 และเมื่อไปดูเกมที่เสือใต้ออกไปเยือน เอฟซี โคโลญจน์ กลายเป็นเสือใต้ที่คว้าชัยและเก็บ 3 คะแนนมาได้ รวมทั้งแต้มที่เท่ากับจ่าฝูงเสือเหลืองแต่มีประตูได้เสียที่ดีกว่าถึง 9 ประตู กลายเป็นเสือใต้ที่สามารถรักษาที่นั่งบังลังก์ของตัวเองไว้ได้

แม้ว่าเสือใต้จะครองความสำเร็จบนเวทีลูกหนังเมืองเบียร์ได้อีกครั้ง แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขามันมีมาตรฐานที่ตกลงจากหลายฤดูกาลที่ผ่านมา และเป็นเสือเหลืองที่แพ้ภัยของตัวเอง เป็นโชคที่หยิบยื่นให้พวกเขาคว้ามันมาได้

บางทีมันอาจเป็นสัญญาณเตือนเล็กๆของพวกเขาว่าอาจจะถูกโค่นอำนาจตลอด 11 ฤดูกาลที่เกิดขึ้น และกลายอาจเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของบุนเดสลีกาที่พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสรางวัลที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ โดยพวกเขากำลังจะมาสั่นคลอนพี่ใหญ่แห่งแดนเบียร์ ให้หวาดหวั่นยำเกรงถึงการคืบคลานที่เข้ามาของพวกเขา

โดยทีมที่เกริ่นมานั้น เส้นทางพวกเขาไม่ได้งดงามดั่งกลีบกุหลาบโรยในฤดูกาลที่กล่าวมา เมื่อตัดกลับมาที่ปัจจุบันพวกเขากลายเป็นผู้ที่โค่นล้มำนาจของเสือใต้ได้ และขึ้นผงาดก้าวเป็นแชมป์ครั้งแรกของพวกเขาในประเทศด้วยสถิติ “ไร้พ่าย” โดยไม่พ่ายต่อใครหน้าไหนที่เข้ามา พวกเขาคือ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น นำทัพโดยอดีตผู้เล่นเสือใต้อย่าง “ชาบี อลอนโซ่”

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2022 ทีมห้างขายยากำลังตกอยู่ในสภาพลุ้นหนีโซนตกชั้นของลีก โดยมีคนคุมทัพของทีมคือ “เคราร์โด้ เซโอเน่” กุนซือชาวสวิสกับทีมอันดับ 17 ซึ่งเป็นรองบ๊วยของลีก เก็บได้เพียง 5 คะแนนจากการแข่งไป 8 นัด แถมประตูได้เสียยังถึง -7 ประตู นับว่าเป็นผลงานที่ย่ำแย่ของทีมเป็นอย่างมาก

พวกเขาจึงหาทิศทางใหม่โดยตัดสินใจนำอลอนโซ่กลับเข้ามาสู่ลีกเยอรมันอีกครั้งในฐานะกุนซือของทีม

เกมแรกในการประเดิมสนามของเขาถือว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมากด้วยการเปิดบ้านถลุง “ราชันชุดน้ำเงิน” ชาลเก้ 04 ด้วยสกอร์ตามชื่อถึง 4-0 ในบ้านของตัวเอง เรียกความประทับใจของเจ้าถิ่นที่ผ่านช่วงวิกฤติ แม้หลังจากนั้นพวกเขาจะมีพลาดด้วยการปรับทีม หรือเก็บชัยมาได้ แต่มันยอดเยี่ยมตรงที่เขาสามารถผ่านทีมกลับขึ้นไปสู่อันดับ 6 และได้ไปเล่นในฟุตบอลถ้วยรองทวีปยุโรปอย่าง “ยูโรป้า ลีก” เป็นรางวัลแถมของพวกเขาที่ทำได้

จากการได้มาทำงานในฐานะโค้ช และได้รู้จักองค์กรที่ทำงานมากขึ้น เขาเข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาให้โครงสร้างของทีมพัฒนาขึ้น และปรับให้ทีมแห่งนี้สามารถยกระดับศักยภาพเป็นทีมชั้นนำที่ดีขึ้น โดยวิธีการของอลอนโซ่เรียบง่าย แต่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่เติมเข้ามา

สิ่งแรกที่อลอนโซ่ทำได้ถูกจุดคือการรู้จักตัวตนของทีม เลเวอร์คูเซ่นอาจมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่พวกเขาไม่ใช่ทีมที่มีงบประมานสูง ทำให้ข้อจำกัดเรื่องผู้เล่นในทีมอาจจะไม่สามารถดึงซุปเปอร์สตาร์ของวงการเข้ามายกระดับทีมได้

เขาจึงเน้นการสื่อสารร่วมกับชุดผู้เล่นที่มีด้วยการเข้าถึงผู้เล่นทุกคน เขาไม่ใช่เพียงแค่สั่งการให้ปฎิบัติตามที่บอก แต่ด้วยวัย 42 ปีเขาสามารถที่จะลงสนามแสดงวิธีการเล่นบางอย่างให้ผู้เล่นทุกคนได้เห็น และด้วยความเป็นอดีตนักฟุตบอลผู้ที่เคยคว้าแชมป์มามากมาย และมีชื่อเสียง นั้นช่วยเสริมให้วิธีการของเขาสามารถส่งต่อไปยังผู้เล่นให้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมา และพัฒนาให้ผู้เล่นสามารถเข้ากับระบบที่เขาได้วางไว้

ทักษะ ความรู้ บารมี และตัวตนที่เป็น มันเสริมส่งให้เขาเป็นที่น่าเชื่อถือและถูกเคารพ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นได้ แต่เขาสามารถแสดงศักยภาพมาได้ตลอดที่ร่วมงานกับทีมแล้วผลงานในสนามมันค่อยๆแสดงออกให้ทุกคนได้เห็น

สิ่งที่พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของอลอนโซ่ คือคำทำนายของโค้ชระดับตำนาน “โชเซ่ มูรินโญ่” ที่เคยบอกถึงอดีตลูกทีมคนนี้ในตอนที่ยังร่วมงานกันใน “เรอัล มาดริด” สเปน เขาชื่นชมและกล่าวถึงประสบการณ์ของอลอนโซ่ที่เคยร่วมงานกับโค้ชชั้นนำมากมาย ทำให้ความเข้าใจในการจัดการทีมของเขา สามารถคัดสิ่งที่ดีที่สุดให้ทีมได้

แต่ไม่เพียงแค่อลอนโซ่เท่านั้นที่มีส่วนต่อความสำเร็จทีม เขายังมีทีมงานเบื้องหลังที่มีวิสัยทัศน์ในการช่วยเขาสร้างศักยภาพให้กับทีมนี้ขึ้นมาได้ โดยในก่อนที่พวกเขากำลังจะได้เป็นแชมป์ลีกเกมที่ออกไปเยือน ยูเนี่ยน เบอร์ลิน มีจังหวะที่นักเตะทุกคนรวมถึงโค้ชที่ไปข้างสนามเพื่อขอบคุณและได้รับกำลังใจจากแฟนบอล จะมีจังหวะที่อลอนโซ่ตัดสินใจเรียกทีมงานทุกคนให้ไปร่วมกับบรรยากาศที่ได้รับเหมือนกับเขา เพราะการมีบุคคลหลังบ้านเหล่านี้คือคนที่ทำให้ผลงานแต่ละเกมในสนาม มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมส่งพวกเขาได้โอกาสสำหรับแชมป์ลีก การให้ความสำคัญกับรายละเอียดตรงนี้จะช่วยให้โครงสร้างของทีมมีความแน่นแฟ้นกันมากขึ้น

และส่วนสุดท้ายคือนักเตะของทีมทุกคน แม้จะมีเสริมปรับทัพในบางตำแหน่ง แต่พวกเขาได้แสดงสิ่งที่ซักซ่อมสะสมมานาน นำมันออกมาสู่สนามทำให้พวกเขาเป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพเมื่อได้แข่งขัน เพื่อแฟนบอลที่เขามาส่งใจเชียร์พวกเขาอย่างล้นหลาม

และปีนี้พวกเขาอาจไม่ใช่เต็งคว่ำยักษ์ใหญ่อย่างพี่เสือ แต่พวกเขาดำเนินทีมอย่างเป็นระบบและค่อยๆเก็บชัยในทุกนัด โดยหนึ่งในเกมสำคัญคือการเปิดบ้านถล่มพี่ใหญ่บาเยิร์นยับ 3-0 และส่งให้พวกเขายึดแต้มจากมหาอำนาจของประเทศและยัดความปราชัยให้พวกเขา

จากทีมที่ประสบปัญหา พวกเขาค่อย ๆ ทะยานยกตัวให้สูงขึ้นทีละนิด จนสามารถพิสูจน์สิ่งที่พวกเขาพยายามสร้างกันมาได้ ความเคารพของอลอนโซ่เองก็ถูกนำไปเป็นชื่อถนนเข้าสู่สนาม ชื่อว่า “ชาบี-อลอนโซ่-อัลลี” เพื่อเป็นเกียรติต่อความสำเร็จของผู้ที่พาทีมไปสู่แชมป์ครั้งแรกของสโมสรได้

แม้พวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกของประเทศไปได้แล้ว ยังเหลือโอกาสอีก 2 ถ้วยที่เหลือ ทั้งบอลถ้วยหลักประเทศอย่าง “ดีเอฟเอ โพคาล” และถ้วยรองยุโรปอย่าง “ยูโรป้า ลีก” ที่ผ่านเข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว

แต่อีกหนึ่งความท้าทายของพวกเขายังไม่หมดเพียงแค่นี้ ยังเหลือการคว้าแชมป์ด้วยสถิติไร้พ่าย โดยพวกเขายังมีงานหนักหนึ่งเกมในการพบกับเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ ที่เคยพลาดท่าคว้าชัยต่อบาเยิร์นเมื่อปีที่แล้ว แม้ปีนี้พวกเขาอาจไม่มีโอกาสเหมือนปีที่แล้ว แต่พวกเขาก็อาจจะทำลายสถิติของเลเวอร์คูเซ่นลงได้

แม้เส้นทางจะยังไม่จบ แต่การสร้างความสำเร็จนี้ของพวกเขาจะถูกจดจำในฐานะผู้ที่คว่ำเสือใต้ และอาจพิชิตแดนเยอรมันด้วยการไร้พ่ายก็เป็นไปได้