“เลือกไปพัทยากันไหมล่ะ อยากทำคอนเทนต์เจาะเบื้องหลังอาชีพนักแสดงปิงปองโชว์”
จู่ ๆ ประโยคนี้ก็หลุดเข้ามาในวงสนทนาของทีมคอนเทนต์ ในขณะที่พวกเรากำลังประชุมกันอยู่ว่า จะทำคอนเทนต์อะไรในเดือนนี้ดี ซึ่งในตอนนั้นพวกเราทั้ง 3 คนมีโจทย์เพียงแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้น ก็คือไม่ไปหัวหินก็ไปพัทยา จังหวะตัดสินใจพวกเราเลยจิ้มไปที่พัทยา ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะเจาะเบื้องหลังอาชีพอื่น ๆ ในพัทยาที่ไม่ใช่ Sex Worker บ้าง และแน่นอนว่าอาชีพนักแสดงปิงปองโชว์เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่เราหยิบขึ้นมาคุยกันในตอนนั้น
แต่ถึงที่สุดแล้วไอ้เจ้าคอนเทนต์เจาะเบื้องหลังอาชีพนักแสดงปิงปองโชว์ที่ตั้งกันเอาไว้เป็นโจทย์แรก ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ด้วยเหตุผลที่พวกเรามีข้อจำกัดอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะเรื่อง ‘เวลา’ พวกเราจึงมานั่งพูดคุยกันอีกครั้งว่ามีอาชีพอะไรในพัทยาอีกนะที่น่าสนใจและพวกเราน่าจะประสานขอสัมภาษณ์ได้อย่างทันท่วงที จนทุกอย่างมาลงตัวที่ ‘อาชีพนางโชว์’
พวกเราเดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึงที่พักที่พัทยาด้วยเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง และเดินทางจากที่พักไปถึง ‘Tiffany’s Show Pattaya’ ด้วยเวลาประมาณ 10 – 15 นาที นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เข้ามานั่งอยู่ในโรงละครของ Tiffany’s Show Pattaya ที่ถูกจัดสรรพื้นที่ไว้อย่างเป็นสัดส่วน มีโซนขายบัตรเข้าชม, โซนขายเครื่องดื่ม, โซนโรงละคร, โซนห้องสำหรับโชว์ชุด และใช่พวกเราได้นั่งคุยกับ ‘คุณเฉลิมชัย อุตวงศ์’ หรือ ‘พี่ฟาง’ นักแสดง Tiffany’s Show ที่มีอายุงานกว่า 19 ปีเต็ม

‘พี่ฟาง’ เล่าให้พวกเราฟังถึงชีวิตในวัยเด็กว่า พื้นเพเป็นคนลำปางและรู้ตัวว่าตัวเองเป็น LGBTQ+ ตั้งแต่เด็ก ๆ ชีวิตวัยเด็กไม่ได้ต่างไปจาก LGBTQ+ คนอื่น ๆ ที่ที่บ้านโดยเฉพาะคุณพ่อจะยังไม่ค่อยยอมรับเท่าไหร่นัก ดังนั้นเวลาแต่งหน้าหรือทาปากใด ๆ ก็ต้องลบก่อนจะเข้าบ้าน และพ่อจะชอบบังคับให้พูดคำว่า “ครับ” เพราะอยากเป็นผู้ชาย แต่เท่าที่ฟังจากที่พี่ฟางเล่า แม้ว่าคุณพ่อจะยังไม่ค่อยยอมรับและอยากให้เป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับบีบบังคับหรือทำร้ายร่างกายใด ๆ เพียงแต่อาจจะสร้างความอึดอัดใจให้กับตัวพี่ฟางเล็กน้อย และอีกหนึ่งความโชคดีก็คือ แม่ของพี่ฟางทำหน้าที่เป็นนักซัปพอร์ตที่ดี และซัปพอร์ตทุก ๆ ความต้องการของลูกคนนี้มาโดยตลอด
“งานแรกที่ทำคืองานเต้น อาชีพที่รองรับสาวสองในตอนนั้นมันมีแค่แต่งหน้า ทำผม โชว์คาบาเรต์ มันมีแค่นั้นค่ะ” พี่ฟางเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เมื่อถามย้อนไปถึงอาชีพก่อนหน้าที่จะมาเป็นนางโชว์
พี่ฟางเล่าว่า งานแรกที่ทำเป็นงานเต้นเปิดงานของบริษัทแห่งหนึ่ง รูปแบบการทำงานก็ไม่ได้จริงจังอะไรเท่าไหร่นัก คือนัดซ้อมเต้นกับเพื่อน ๆ ในช่วงเวลาที่ว่าง และรับงานตามอีเวนต์ต่าง ๆ รายได้ก็จะอยู่ที่ราว ๆ 500 – 1,000 บาทต่องาน ทำงานนี้ได้อยู่ประมาณ 3 ปี พี่ฟางรู้สึกว่าเงินที่หามาได้ก็ใช้ไปหมด ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีความมั่นคง ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นเพื่อนพี่ฟางที่ทำงานเป็นนางโชว์ได้เข้ามาชักชวนให้พี่ฟางไปทำงานที่ Tiffany’s Show Pattaya พี่ฟางก็ตัดสินใจมาอย่างไม่ลังเลด้วยเหตุผลที่ว่า ‘อยากแต่งตัวสวย ๆ’ อาชีพนางโชว์ของพี่ฟางจึงได้เริ่มต้นขึ้นในวัย 22 ปี และหากหักลบกับอายุปัจจุบันของพี่ฟางคือ 41 ปี จากวันนั้นจวบจนวันนี้อายุงานบนเส้นทางนางโชว์ของพี่ฟางก็ราว ๆ 19 ปีเต็มเลยทีเดียว

การเข้ามาทำงานใน Tiffany’s Show Pattaya จะมีระบบงานที่จริงจังกว่างานเต้นที่ฟางทำมาก่อนหน้านี้ แต่ประสบการณ์การทำงานที่ตรงสายบวกกับการเป็นคนชอบเต้นเป็นทุนเดิม ทำให้การเข้ามาทำงานอย่างเป็นระบบไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอะไร แต่รู้สึกเหมือนได้ต่อยอดความชอบจนกลายมาเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ให้กับตัวเองและคนในครอบครัว
ลูปการทำงานของนางโชว์จะเริ่มเข้างานตั้งแต่ช่วงประมาณ 15.30 – 16.30 น. หลังจากนั้นจะเริ่มทวนเพลงซ้อมหรือแก้ไขเพลง หรือหากเมื่อวานตอนแสดงโชว์มีใครมีปัญหาในการแสดงก็จะเรียกว่าซ่อมกัน ช่วงเวลา 17.00 น. ก็จะเริ่มทยอยลงมาทานอาหารและแต่งหน้า หลังจากนั้นก็จะเริ่มแสดงโชว์ในทุก ๆ วันจะจบที่ราว ๆ 22.00 น.
พี่ฟางเล่าย้อนกลับไปถึงความทรงจำ Day 1 ของการขึ้นโชว์ว่า เป็นเพลงที่ใส่หูกระต่ายจะเซ็กซี่นิด ๆ ตอนนั้นเป็นการใส่ร้องเท้าส้นสูงโชว์คาบาเรต์ครั้งแรกอาจจะตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ทุกอย่างก็ผ่านได้ได้ด้วยดี

“พอบอกว่ามาทำงานที่พัทยา คนก็จะคิดว่ามาทำงานค้าบริการ หรืองานอะไรที่ไม่ใช่การแสดง เพราะคนยังไม่ค่อยรู่จักว่า Tiffany Show คืออะไร มันก็มีบ้างที่นินทาตามภาษาคนแถวบ้านค่ะ”
เมื่อพี่ฟางพูดประโยคนี้ขึ้นมาทำให้เราฉุกคิดได้ว่า ภาพจำ การรับรู้ มายาคติของคนที่มองเข้ามาในเมืองพัทยา อาจจะรู้สึกว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยงานค้าบริการทางเพศ ซึ่งจะพูดแบบนั้นก็คงไม่ผิดเสียทีเดียว แต่มุมมองส่วนตัวเราว่าพัทยามีหลายมิติ และอาชีพนางโชว์ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เกิดขึ้นมาในพัทยา และพัทยาก็ไม่ได้มีแต่ Sex Worker อย่างที่ทุกคนเข้าใจ
และเมื่อถามถึงการรับมือจากมุมมองคนอื่น ๆ ที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับอาชีพของเรา พี่ฟางก็ตอบไว้ว่าแม่ยังเป็นคนคอยซัปพอร์ตด้วยการอธิบายให้กับคนแถวบ้านฟังว่า ลูกสาวเขาทำงานเต้นนะ เดี๋ยวจะมีงานประกวดได้ออกทีวีนะ สะท้อนให้เห็นว่าคุณแม่ยังเป็นนักซัปพอร์ตของพี่ฟางมาโดนตลอด พี่ฟางพูดพร้อมกับอมยิ้มด้วยประโยคที่ว่า “แม่เขาภูมิใจในตัวเราที่สุดและเราก็ภูมิใจในตัวแม่ที่สุด”
ปัจจุบันพี่ฟางเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในบ้าน และไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่นัก เพราะงานค่อนข้างล้นมือ เพราะนอกจากจะเป็นนางโชว์แล้ว พี่ฟางยังได้เติบโตในหน้าที่การงานด้วยการเป็น ‘ผู้ช่วยเพื่อฝึกสอนการแสดง’ อีกด้วย

“เราเต้นและผู้ใหญ่เขาเห็นความสามารถ ก็เริ่มให้งานในการคิดทำโชว์ เราก็เลยได้มีโอกาสทำ พอทำเสร็จออกมา ผลตอบรับดี ผู้บริหารชอบ ก็เลยได้คิดหลาย ๆ โชว์ค่ะ” พี่ฟางเล่า
พี่ฟางเล่าต่อว่า ช่วงที่ทำโชว์ก็จะได้ออกแบบโชว์ ออกแบบท่าเต้น ออกแบบชุด สิ่งสำคัญที่สุดของช่วงที่คิดโชว์ก็คือการฟังเพลงที่ต้องฟังเยอะมาก ๆ เพื่อเข้าใจถึงสิ่งที่เพลงต้องการจะสื่อสารและจะได้ออกแบบโชว์มาได้สอดคล้องกับเพลง พอเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำเพลงและคอนเซปต์ไปเสนอผู้บริหาร พอผู้บริหารอนุมัติก็จะเริ่มซ้อมกันค่ะ นอกเหนือจากการคิดโชว์ก็จะคอยดูการแสดงหน้าเวทีว่าแต่ละโชว์เป็นอย่างไร คอยเช็คข้างม่านว่าเด็กคนไหนเต้นผิดก็จะต้องเข้าไปแนะนำ
“การทำอาชีพนางโชว์ช่วยเปิดประสบการณ์ให้เราได้ทำงานในต่างประเทศ”
เมื่อถามถึงความประทับใจของการทำอาชีพนางโชว์พี่ฟางก็เล่าย้อนไปถึงตอนไปแสดงโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ การเป็นนางโชว์ไม่ได้ติดอยู่แค่ในโรงละครและมีโอกาสได้ไปแสดงในต่างประเทศ มันจึงเหมือนกับได้ทำงานและได้เที่ยวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งการได้เป็นนางโชว์สำหรับพี่ฟางมันคือความสนุก มันคือความแปลกใหม่ที่ส่งต่อไปยังคนดู เพราะมันเป็น LGBTQ+ โชว์ที่ความสามารถจะแตกต่างไปจากชายจริงหญิงแท้

“ทุกอาชีพมีคุณค่าหมดอยู่ที่เรา”
ตลอดระยะในการสนทนาประโยคนี้น่าจะเป็นใจความที่สำคัญที่สุดของการพูดคุย พี่ฟางเล่าว่า สำหรับเธออาชีพนางโชว์เป็นอาชีพที่น่าภูมิใจ จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่อยากจะแต่งตัวสวย แต่อาชีพนี้ให้ทุก ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นรายได้ไปจนถึงความมั่นคงในชีวิต นอกจากนี้เธอยังวางแผนอนาคตตัวเองไว้ว่าอยากจะทำอาชีพนี้ไปจนกว่าจะไม่มีแรงหรือจนกว่าจะเกษียณ และในท้ายที่สุดพี่ฟางทิ้งท้ายเอาไว้ว่า อาชีพนางโชว์ไม่ใช่งานเต้นกินรำกิน มันก็เป็นเพียงแค่อาชีพสุจริต ที่ทำให้เรามีรายได้ ความสำคัญของทุกอาชีพคือการทำงานด้วยใจรัก ทำด้วยความตั้งใจ ถ้าเรารักงานของเรา เราก็จะทุ่มเทกับมันและทำออกมาได้ดีที่สุด
สามารถรับชมบทสัมภาษณ์ในรูปแบบวิดิโอได้ที่นี่