ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ, โจ ไบเดน

ก่อนศึกประชันวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรกระหว่าง โจ ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเราจะเริ่มขึ้น ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่การประชันกันซึ่งหน้าของทั้ง 2 คนนี้ ว่าจะดุเดือดกันแค่ไหน โดยมีการคาดการณ์ว่าต่างฝ่ายจะต้องยกกรณีที่เป็นจุดอ่อนของแต่ละฝ่ายออกมาโจมตีกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีคดีครอบครองปืนอย่างผิดกฎหมายของลูกชายคนโตของโจ ไบเดน และคดีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ของทรัมป์

อย่างไรก็ตามศึกประชันวิสัยทัศน์นัดนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้เสียเชิงของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนบนเวทีระหว่างการดีเบต โดยสำนักข่าว Politico ระบุว่า เห็นได้ชัดว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ของการกล่าวโจมตีโจ ไบเดน อย่างต่อเนื่องโดยไม่สนถึงเนื้อหาของคำถามและข้อเท็จจริงของสิ่งที่ตัวเขาเองพูดแต่อย่างใด แต่เน้นไปที่การกล่าวข้อความโจมตีโจ ไบเดนอย่างต่อเนื่องในประเด็นต่าง ๆ 

ด้านฝ่ายของโจ ไบเดนเองหลายฝ่ายมองว่าเขาน่าจะสามารถใช้ข้อได้เปรียบข้อนี้มาต่อกรกับทรัมป์ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือโจ ไบเดนไม่สามารถแก้ต่างถ้อยคำโจมตีของโดนัลด์ทรัมป์ได้ แถมแนวคำตอบของโจ ไบเดนยังพยายามอิงแอบกับนโยบายหรือผลงานที่เขาทำตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้ได้กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถ้อยคำโจมตีของทรัมป์ยิ่งดูมีโมเมนตัมมากขึ้น

นอกเหนือจากถ้อยคำบนเวทีแล้วยังมีการวิเคราะห์ถึงภาษากายและท่าทีของนายโจ ไบเดนที่มองจากภายนอกแล้วก็อาจจะมีคำถามตามมาถึงศักยภาพของเขาในการบริหารประเทศในคำรบต่อไปจากอากัปกิริยาที่แสดงให้เห็นถึงอายุที่มากขึ้นของโจ ไบเดนที่ปีนี้อายุ 81 ปีแล้ว

หลังการประชันวิสัยทัศน์เห็นได้ชัดว่าเกิดกระแสลบต่อตัวนายโจ ไบเดนเป็นอย่างมาก แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วการแสดงวิสัยทัศน์ของโดนัลด์ ทรัมป์นั้นจะเต็มไปด้วยข้อมูลเท็จ การตอบไม่ตรงคำถาม และถ้อยคำโจมตีนายโจ ไบเดน แต่ก็เกิดความไม่มั่นใจภายในพรรคเดโมแครตต่อศักยภาพของนายโจ ไบเดน ในฐานะตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ​ 

คำถามคือ ‘พรรคเดโมแครต’ และ ‘โจ ไบเดน’ จะทำอย่างไรต่อหลังจากนี้?

ท่าทีของ โจ ไบเดนชัดเจนมากขึ้นว่าเขาจะไม่ถอนตัวอย่างแน่นอน หลังจากที่เขาออกมาประกาศในการหาเสียงที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา ว่าจะไม่ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคฯ ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างแน่นอนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย. 2567) ขณะเดียวกันในการปราศรัยหาเสียงครั้งนี้เขากล่าวถ้อยคำที่ดูเหมือนจะยอมรับว่าเขาไม่สามารถดีเบตสู้โดนัลด์ ทรัมป์ได้แต่ยังเชื่อว่าตัวเขามีประสบการณ์และความสามารถดีกว่าที่จะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อไป 

แม้โจ ไบเดนจะหนักแน่นว่าไม่ถอนตัวแน่นอน แต่ก็ต้องจับตาท่าทีจากทางสมาชิกพรรคเดโมแครตด้วยเช่นกัน โดยสิ่งที่น่ากังวลในตอนนี้ก็คือทิศทางของผลสำรวจคะแนนความนิยมหรือ National Poll หลังจากนี้ ที่หากคะแนนความนิยมของโจ ไบเดนเข้าสู่ช่วงขาลงอย่างต่อเนื่อง นี่ก็อาจจะเป็นสัญญาณที่พรรคเดโมแครตไม่อาจจะนิ่งเฉยได้ จนอาจจะถึงขั้นพิจารณาเปลี่ยนตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคจากโจ ไบเดน เป็นคนอื่นเพื่อหวังเอาชนะใจชาวอเมริกันสายเดโมแครตและกลุ่มฐานเสียงที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกฝ่ายใดในช่วงเวลาที่ยังเหลือนี้

สำนักข่าว CNN รายงานว่าจากการสอบถามไปยังสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคน ต่างมีความเห็นไปในทางที่นายโจ ไบเดน ควร ‘ถอนตัว’ จากการเป็นตัวแทนพรรคฯในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตามความยากไม่ได้อยู่ที่การโน้มน้าวให้​โจ ไบเดนถอนตัว แต่เป็นเรื่องของจังหวะและเวลาที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะยิ่งพรรคฯ สามารถตัดสินใจได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้พรรคฯ  มีเวลาในการเตรียมตัวสู้ศึกครั้งนี้มากยิ่งขึ้น

ในตอนนี้มีการคาดการณ์ถึงรายชื่อผู้ที่จะมาแทนโจ ไบเดนในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีตั้งแต่ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี, เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เกรทเซน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน และ จอช แชพิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย

สถานการณ์ของโจ ไบเดนในตอนนี้ถือว่าไม่มีทางเลือกนอกจากการเดินสายเพื่อเรียกคะแนนนิยมให้กลับคืนมา เพื่อพิสูจน์ให้แกนนำภายในพรรคเดโมแครตกลับมาเชื่อมั่นในตัวของเขาอีกครั้ง

การเดินหน้าแคมเปญของเขาต่อจากนี้จะเป็นเส้นทางที่ยากเย็นแสนเข็ญมากขึ้นเมื่อตัวเขาในตอนนี้ต้องเผชิญกับขวากหนามที่ขวางทางเขาจากภายในพรรคของตัวเขาเอง ขณะเดียวกันคำตัดสินของศาลสูงสุดที่มีคำตัดสินให้โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับสิทธิ์เอกสิทธิ์คุ้มครองยกเว้นในการถูกดำเนินคดี หากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีในคดีที่เขาถูกกล่าวหาว่าล้มผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์อาจจะนำมาใช้เป็นจุดสร้างคะแนนิยมของตัวเองให้ยิ่งทิ้งห่างไปอีก

ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ยังคงต้องจับตากันต่อว่าผลสรุปแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อในตอนนี้คู่ต่อสู้หลักอาจจะเปลี่ยนไป ไม่ใช่การรีแมชกันระหว่าง โจ ไบเดน กับ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกต่อไป

อ้างอิง