“หิวไหม ทานอะไรมาหรือยัง? ถ้ายัง..ทานข้าวกันหน่อยดีไหม”
หากมีคนมาเชิญชวนคุณเสียขนาดนี้ มีหรือจะขัดข้องหมองใจในคำกล่าวนั้น เว้นเสียก็บางคนที่กินอะไรมาจนอิ่มแล้ว แต่ดันมีความ ‘อยาก’ กินเกิดขึ้นในตัว กลายเป็นชุดความคิดที่ไม่ตรงกับร่างกาย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นในบางคนที่อยากกิน และเผลอกินเข้าไปแล้ว กลับมีความรู้สึกโกรธตัวเองทีทำแบบนั้นลงไปด้วย สิ่งเหล่านี้อาจจะบ่งบอกว่าคุณเข้าข่ายการเป็น ‘โรคกินไม่หยุด’ โรคที่ไม่ได้เกิดจากระบบการกินโดยตรง แต่เป็นผลพวงมาจากภาวะสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นกับคุณก็ได้ วันนี้ SUM UP จะมาอธิบายเรื่องนี้ให้คุณได้รู้จักกัน

‘กินไม่หยุด’ เป็นโรคได้ด้วยหรือ
ต้องบอกเลยว่าเป็นได้ เพราะโรคนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘Binge Eating Disorder (BED)’ อาการเบื้องต้นก็อย่างที่เกริ่นไปว่าแม้จะกินอาหารจนอิ่มแต่ก็ยังอยากกินอยู่ แต่ยังมีข้อสังเกตต่าง ๆ ร่วมอยู่ด้วย อย่างการกินมากกว่าปกติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ กินปริมาณมากแบบรวดเร็ว กินได้ทุกเวลา หรือมีอาการนี้ติดต่อกัน 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป
รวมถึงจะมีความรู้สึกด้านอื่นประกอบด้วย อย่างการเริ่มกินข้าวคนเดียวเพราะรู้สึกอายกับสิ่งที่กำลังเป็น เริ่มตุนอาหารไว้ใกล้ตัวมากขึ้นเพื่อให้พร้อมกินตลอดเวลา หรือกินเสร็จแล้วจะรู้สึกผิด โกรธ เศร้า รังเกียจ และโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมากับอาการเหล่านี้
‘โรคกินไม่หยุด’ นี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อย่างเช่นผู้มีภาวะโรคอ้วน, ผู้มีภาวะขาดความมั่นใจในรูปร่างของตน, ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ, เคยมีคนในครอบครัวเคยเป็นมาก่อน, เคยผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจ จนก่อให้เกิดภาวะทางจิต ทั้งโรคซึมเศร้า, โรคเครียด,โรคไบโพลาร์, โรคกลัว (Phobias) และภาวะป่วยทางจิตหลังเหตุการณ์รุนแรง (Post-traumatic Stress Disorder : PTSD)
รู้ตัวเร็ว ก็ลดความเสี่ยงที่ตามมาจาก ‘โรคกินไม่หยุด’ ได้
การสังเกตอาการตัวเองได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้นเป็นผลดีต่อสุขภาพ เพราะแน่นอนว่าการกินไม่หยุดนี้จะส่งผลโดยตรงต่อร่างกายแน่นอนในหลายทิศทาง ทั้งการตามมาของโรคร้ายพื้นฐานอย่างโรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวานชนิดที่ 2
หรือการตามมาของภาวะร่างกายที่แย่ลงเรื่อย ๆ อย่างการเกิดภาวะคอเลสเตอรอลสูง, ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง, ภาวะน้ำหนักเกินที่จะนำไปสู่โรคอ้วน ภาวะทางอารมณ์ที่อาจจะทำให้เกิดโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไข่ไม่ตก จึงทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากขึ้น รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับอ่อน เป็นต้น
หากสังเกตอาการได้ว่าเป็น ‘โรคกินไม่หยุด’ มาสักพักแล้ว อาจจะลองพบแพทย์เพื่อรักษาผ่านการรับยารักษา หรือเข้ารับการบำบัดทางจิตวิทยาอย่างถูกวิธี ประกอบกับการดูแลสุขภาพตัวเองเบื้องต้นอย่างการพักผ่อน ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตให้ห่างไกลความเครียดมากที่สุด สุดท้ายแล้วภาวะของการที่ ‘ปาก’ ไม่ตรงกับ ‘ร่างกาย’ ก็จะดีขึ้นได้ในไม่ช้า
ที่มา
- https://www.bangkokhospital.com/content/binge-eating-disorder
- https://www.sikarin.com/health/ทำความรู้จัก-โรคกินไม่