หากช่วงนี้ใครกำลังรู้สึกชีวิตกำลังมีความสุขแปลก ๆ และอยากจะบาลานซ์สารในสมองด้วยความขมขื่น อยากจะชวนมาดื่มด่ำความขมกับภาพยนตร์เก่าสุดคลาสสิกที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์เอาไว้ได้แบบเรียลเกินอย่างเรื่อง Blue Valentine
เรามารู้จักกับพื้นเพของหนังเรื่องนี้กันสักนิด ‘Blue Valentine’ เป็นภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน แนวโรแมนติก-ดราม่าที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2010 เป็นผลงานการกำกับของ Derek Cianfrance และมีผู้ช่วยเขียนบท อย่าง Cami Delavigne และ Joey Curtis ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของมนุษย์ ที่ตัว Derek Cianfrance ได้ไอเดียมาจากการมองเห็นความสัมพันธ์ของผู้คนในชีวิตจริง โดยเฉพาะการมองเห็นชีวิตคู่ที่ไม่ประสบความสำเร็จของพ่อและแม่ของเขาเอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เล่าถึงความสัมพันธ์ของ ‘ดีน’ กับ ‘ซินดี้’ ทั้งคู่เจอกันโดยบังเอิญและตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว ต่อมาซินดี้ก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองตั้งท้องกับแฟนเก่า จึงได้มาปรึกษากับดีนและดีนก็ได้ตกลงรับเป็นพ่อ ต่อมาทั้งคู่ตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตคู่และสร้างครอบครัวไปด้วยกันด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า ความรักช่วงแรกมันหวานหอม แต่การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์มักมีความไม่แน่นอนและเกิดการเคลื่อนตัวอยู่เสมอ และเมื่อความสัมพันธ์เดินทางมาถึงจุดที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ความรู้สึกกระอักกระอ่วน, ความรู้สึกอึดอัด, ความรู้สึกอึมครึม จึงเป็นมวลรวมทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องนี้
วิธีการเล่าของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเล่าผ่าน 2 ช่วงเวลา และตัดเทียบกันช็อตต่อช็อต ภาพหนึ่งคือเล่าช่วงเวลาที่รักกันหวานชื่น อีกภาพหนึ่งคือเล่าช่วงเวลาที่ขมขื่นและสารพัดปัญหาของความสัมพันธ์ในปัจจุบัน ซึ่งไอ้ช่วงที่รักกันหวานชื่นถูกถ่ายทำด้วย Super 16 mm ส่วนไอ้ช่วงที่รักเราเหมือนจะไปต่อไม่ไหวแล้วถูกถ่ายทำด้วยกล้องดิจิทัล Red One ทำให้มู้ดโทนและอารมณ์ความรู้สึกของทั้ง 2 ช่วงเวลาที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนส่งตรงถึงความรู้สึกคนดูได้อย่างไม่ยากเท่าไหร่นัก
ส่วนตัวเรามองว่าในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของดีนกับซินดี้ที่รักกันมาก ๆ จนตัดสินใจทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นแบบไม่ได้คำนึงถึงอะไรเลยเพราะมันเป็นช่วงเวลาของ Honeymoon Phase ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่รู้สึกมีความสุข รู้สึกความสัมพันธ์ราบรื่น เธอไม่มีข้อเสีย ฉันไม่มีข้อเสีย ซึ่ง Honeymoon Phase จะกินระยะเวลาราว ๆ 6 เดือน – 2 ปี (ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละความสัมพันธ์) และเมื่อช่วงนี้สิ้นสุดลง ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบก็จะค่อย ๆ ชัดขึ้นมา และเราก็จะมองเห็นข้อเสียของอีกฝ่ายมากขึ้น และไอ้ช่วงเวลาเหล่านี้นี่เองคือตัวชี้วัดว่าความสัมพันธ์จะไปต่อได้หรือไม่ บางคู่ก็ยังคงปรับตัวและไปกันต่อได้ ฉากหนึ่งในเรื่องที่สะท้อนเรื่องนี้ได้ดีก็คือฉากที่พระเอกบอกกับเพื่อนว่า “นางเอกเหมือนเป็นรักแรกพบและรู้จักกันมานาน” และเพื่อนก็สวนกลับมาว่า “ใช่ แต่เราก็ไม่ได้รู้จักเขาจริงอยู่ดี”
นอกจากนี้ อีกฉากหนึ่งที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้จะจบก็คือ ฉากที่นางเอกไม่สามารถมีเซ็กซ์กับตัวพระเอกได้แล้ว เพราะไม่ได้มีความรู้สึกรักหรือรู้สึกผูกพันทางอารมณ์ด้วยแล้ว ความอึดอัดในความสัมพันธ์เช่นนี้ดูเหมือนจะสร้างความเจ็บปวดกว่าการตัดจบความสัมพันธ์กันไปให้เจ็บแต่จบในคราวเดียว ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนความเปลี่ยนผ่านของความสัมพันธ์เอาไว้ได้ดีและเป็นเรื่องที่ใครหลายคนน่าจะเคยประสบพบเจอกัน และความท้าทายที่น่ากลัวที่สุดของความสัมพันธ์ก็คือ ‘เวลา’ และ ‘ความไม่แน่นอน’ กล่าวคือ ในช่วงที่เขาตกอยู่ในห้วงแห่งรักพวกเขาก็รักกันจริง ๆ แต่เมื่อความรู้สึกมันแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นความเกลียดชังมันก็คืออีกความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นท่ามกลางเปลี่ยนแปลงขึ้น เพราะความนิรันดร์ไม่มีอยู่จริงในมนุษย์ และประโยคที่สะท้อนสิ่งเหล่านี้ได้ดีก็คือ ประโยคที่นางเอกพูดขึ้นมาว่า “เราจะเชื่อความรู้สึกตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อมันจืดจางลงไปได้”
อย่างไรก็ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้งที่ใครหลายคนมักจะเปิดดูกันอยู่ซ้ำ ๆ และสิ่งที่ภาพยนตร์นี้เล่าให้เราฟังอยู่เป็นเนือง ๆ ก็คือ ความไม่สมบูรณ์, ความไม่แน่นอน, และการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วันของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งปกติและธรรมดา ส่วนตัวเรามองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความคล้ายคลึงกับเรื่อง Marriage Story ที่เล่าถึงชีวิตในช่วงของการหย่าร้าง และคำตอบของการดำเนินชีวิตคู่หรือความสัมพันธ์อาจจะไม่ได้มีคำตอบตายตัว แต่อาจจะต้องยืมคำพูดจากหนังเรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ที่พระเอกพูดทำนองที่ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ ‘Enjoy It’ กล่าวคือ การอยู่กับปัจจุบันโดยไม่ไปเป็นทุกข์กับอนาคตหรือเป็นกังวลกับอดีตมากจนเกินไป อาจจะเป็นคำตอบที่ที่สุดโดยไม่ต้องคาดหวังความเป็น ‘นิรันดร์’ หรือ ‘ความสมบูรณ์’ เพราะสิ่งเหล่านี้มันไม่มีอยู่จริง
อ้างอิง
- https://screenrant.com/bts-facts-about-blue-valentine/
- https://www.brides.com/honeymoon-phase-5097161
- https://en.wikipedia.org/wiki/Blue_Valentine_(film)