Break Up Service บริษัทลดรักเลิก

ในวันที่ความรักไม่เคยหยุดนิ่ง ความสัมพันธ์ก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด “Break Up Service บริษัทลดรักเลิก” จึงเป็นเหมือนเป็นกระจกสะท้อนปัญหารัก ๆ ใคร่ ๆ ในสังคมปัจจุบันได้อย่างตรงไปตรงมา แต่เบื้องหลังความวุ่นวายของการ “บอกเลิก” ผ่านบริการสุดแหวกแนวนี้ นักแสดงอย่าง ออฟ – โจริญ – เฟย ก็ต้องดำดิ่งไปกับสารพัดเรื่องราวความรัก ทั้งสุข เศร้า เหงา และการจากลาที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน 

เราเลยอยากชวนคุณมาฟังความคิดเห็นของพวกเขาถึงมุมมองความรักในวันที่พวกเขาเติบโต และเปลี่ยนผ่านจากวัยที่ความรักอยู่เหนือทุกอย่างสู่วันที่ความจริงชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ การรักใครสักคนในวันที่เติบโตมีความหมายที่ต่างออกไปจากเดิมเพราะความรักไม่ใช่แค่ความโรแมนติกหวานฉ่ำ แต่คือการเรียนรู้ เข้าใจ ยอมรับ และบางครั้งก็เป็นการกล้าที่จะปล่อยมือ

3 EP. สุดท้ายของซีรีส์กำลังดิ่งสู่จุดที่เข้มข้นที่สุด และไม่ว่าสุดท้าย ความสัมพันธ์จะไปต่อหรือจบลงกลางทาง สิ่งสำคัญคือบทเรียนที่แต่ละคนจะเก็บกลับไป อาจเป็นเรื่องของการกล้าที่จะเริ่มใหม่ การยอมรับความจริงที่เปลี่ยนแปลง หรือบางทีก็เป็นแค่การรู้จักปล่อยมือในวันที่ถึงทางแยก เพราะทุกความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะจบไวหรือยืดยาว ต่างก็มีความหมาย และจะทิ้งร่องรอยไว้ในชีวิตเราเสมอ

ภารกิจสุดประทับใจใน Break Up Service บริษัทลดรักเลิก 

ออฟ : ผมว่ามีความน่าสนใจทุกตอน เพราะภารกิจแต่ละตอนจะไม่เหมือนกัน แต่ที่ทำให้ผมประทับใจที่สุด คือตอนที่ขายก๋วยเตี๋ยวเพราะต้องปลอมตัวไปเป็นชาวเมียนมา อันนั้นโคตรชอบ แล้วก็รู้สึกสนุกมากตรงที่ต้องพาสิลปิน Girl Group of The Year มาแต่งตัวเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว แล้วทำผมทรงอะไรอย่างนี้ ผมชอบมาก ถ่ายรูปเก็บไว้เต็มเลย เดี๋ยวไว้ค่อยปล่อย 

โจริญ : ดูชอบจริง เอาจริง ๆ สำหรับเรื่องนี้ก็ท้าทายหลายอย่างค่ะ อะไรที่ไม่คิดว่าจะได้ทำในวงการบันเทิงก็ได้ทำ อยากให้ทุกคนดูทุก EP แล้วก็ติดตาม EP หลังจากนี้ด้วยเพราะว่ามันท้าทายหนูจริง ๆ 
เฟย : ซีนที่ประทับใจของผม ท้าย ๆ เลยนะครับ ผมชอบท้าย ๆ เลยครับ แบบพูดอะไรไม่ได้ สนุกครับ สนุกมาก

เรียนรู้อะไรจากตัวละคร

โจริญ : ตัวละครจืดเป็นคนที่เชื่อในความรักมาก ๆ เวลาเขาจะไปทำให้ใครเลิกกัน เขาก็จะมีความ “เอ้ย!!! อย่างนี้มันไม่ถูกต้องหรือเปล่า เราไม่ควรจะทำแบบนี้” ซึ่งส่วนตัวโจก็เป็นคนที่เชื่อในความรัก ยังเชื่อในรักแท้อยู่ ก็เลยรู้สึกว่าเข้าใจตัวละครจืดค่ะ

ออฟ : สำหรับตัวบอสกะออฟเนี่ย บอสก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างจะไม่เชื่อในความรักเลย มันก็ขัดกับตัวผมนิดหนึ่ง เพราะว่าผมก็ยังมีส่วนนั้นอยู่บ้าง ที่คิดบ้างว่า “เออ!!! ความรักมันอาจจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น” แล้วบอสเป็นคนที่ไม่ได้ชอบสุงสิงกับใคร 

ตอนแรกตัวออฟเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบคุยกับใครเท่าไหร่ แต่ว่าพอเราเริ่มโตมากขึ้น เราก็รู้สึกว่าการคุยกัน connect กัน มันสำคัญต่อชีวิตนะ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเอง แล้วก็มาคุยกับคนอื่นให้มากขึ้น คิดอะไรที่เป็นในแง่ลบน้อยลง พยายามคิดบวกมากขึ้นครับ

เฟย : ถ้าให้เรียนรู้จากเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมบอกได้เลยก็คือ “เราเก่งเรื่องของคนอื่นมากที่สุดครับ” เราไม่เคยเก่งเรื่องของตัวเองครับ เรามักจะเก่งเรื่องของคนอื่นแล้วทำให้คนอื่นเลิกกันได้แต่เรื่องของตัวเองไม่รู้ครับ 

จาก “บริษัทลดรักเลิก” สู่ความรักที่เติบโตไปพร้อมกับเรา

ออฟ : ผมรู้สึกว่าความรักของผมตอนนี้ไม่ใช่ความสนุกละ มันต้องไปข้างหน้า มันต้องเป็นชีวิตที่ต้องโฟกัสอนาคตตัวเองมากขึ้นแล้ว เพราะว่าตอนเด็ก ๆ เราก็สนุก มองว่าเป็นเรื่องที่มีถึงจะเท่ มีถึงจะรู้สึกว่า cool  แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เรารู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ดี เราก็พยายามหาความรักที่ดีมาทำให้ชีวิตเราดีขึ้น อยากทำให้ชีวิตตัวเราเองดีขึ้นด้วยครับ ความรักสำหรับผมในวันนี้จึงเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ในแบบที่ support ชีวิตให้กันและกัน เติบโตไปพร้อม ๆ กัน หาเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตมาแลกเปลี่ยนกันครับ

โจริญ : โจเป็นคนที่ศรัทธาในความรักค่ะ และ ณ วันนี้ก็ยังเชื่ออยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่าโตขึ้น เมื่อก่อนเราเป็นคนที่รักแล้วทุ่ม มีร้อยให้ร้อย เราค่อนข้างที่จะลืมตัวเองในบางที แต่ในตอนนี้รู้สึกว่าเรารักตัวเองไปพร้อม ๆ กันด้วย อย่างที่พี่ออฟบอกค่ะ ว่าความรักในวันนี้เราต้องมองไปถึงอนาคตด้วย มองกลับมาที่ชีวิตของเราด้วย ก็เลยคิดว่า ความรักคือการร่วมแชร์สิ่งที่ดี ๆ ให้กันด้วยค่ะ

เฟย : เสริมในเรื่องของโจริญครับ เฟยรู้สึกเหมือนกันในจังหวะที่เติบโตมาเรื่อย ๆ สุขภาพจิตของเราดีที่สุด สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นโฟกัสตัวเองให้มากที่สุด หมายถึงว่าถ้ามีแล้วมันไม่ดีก็ไม่ต้องมีมันเลยดีกว่า อันนี้คือมุมมองของเฟยในตอนนี้ ไม่จำเป็นว่าความรักต้องมาในรูปแบบของคนรัก ความรักมาได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ครอบครัว หรือเพื่อน เพราะฉะนั้นเราเป็นสัตว์สังคม เราต้องการความรักอยู่แล้ว แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากคนรัก…แค่นั้น

เรื่องเล่าสนุก ๆ ในกอง

เฟย : เล่าได้บ้างไหมเนี่ย (หัวเราะ)

ออฟ : มันยังพอได้บ้าง (พากันหัวเราะอีกที) ผมรู้สึกว่าเวลาเราอยู่กัน 3 คน โจริญจะเป็นเหยื่อนิดหนึ่ง จะเป็นเหมือนคนที่ทำให้เราได้แซวได้แกล้งตลอดเวลา ซึ่งเขาก็ยอม ในใจอาจจะไม่ได้ยอมมาก แต่ว่าร่างกายออกมาบอกว่ายอม เหมือนทำให้เรา relax ไปด้วย พอไปกองทีไปทำงานด้วย ไปเล่นกับน้องด้วย 

เฟย : ไม่ได้บูลลี่นะ ไม่ได้แกล้ง เขาเรียกว่าเอ็นดู จริง ๆ ผมปกป้องน้องตลอด ใช่ไหมโจ

โจริญ : แรก ๆ ก็ใช่ 

เฟย : จริง ๆ ก็ยังปกป้องอยู่ เอาจริงโจริญเหมือนน้องชาย

ออฟ : เหมือนเราได้น้องอีกคนหนึ่งที่รู้สึกว่า ทำไมมันเข้ากับเราได้ขนาดนี้วะ มันมีความอยากไปเจอมันจังวะ อยากแกล้งมันจังวะ

เฟย : คุยด้วยสนุกครับ อยู่ด้วยกันจะเม้าท์แตกค่อนข้างเยอะ แล้วก็จะลากมาแกล้ง สมมติโจมันชอบนั่งกินข้าวแยก ๆ ไป พี่ออฟก็ต้องลากมานั่งด้วย

ออฟ : แบบ “เฮ้ย!!! มากินข้าวด้วยกัน หรือว่า เฮ้ย!!! วันนี้มีอะไรมาอัปเดตบ้าง” 

โจริญ : ไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งวัน สนุกค่ะ อยู่กับพี่ ๆ สนุกมาก ไม่อึดอัดบรรยากาศกองดีมาก ๆ ช่วงพักช่วงก่อนเข้าถ่ายทุกอย่างคือแฮปปี้ค่ะ

เลิกกันแล้ว เป็นเพื่อนกันได้…จริงรึ ???

โจริญ : หนูว่าเป็นได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลา เพราะรู้สึกว่าคนเรามันเคยมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน มันไม่จำเป็นต้องร้ายต่อกันเสมอไป

เฟย : พี่ว่าอย่าเลย เลิกกันแล้วก็ขาดกันไป คือมันใช้เวลาจริง ๆ หมายถึงว่า เรามีแฟนใช่ไหม เราเลิกกัน เราเคยมีความรู้สึกที่ดีให้กัน มันอาจจะทำใจไม่ได้ในช่วงแรก แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป ต่างคนต่างเติบโตขึ้น มันก็ต้องลืมเรื่องเก่า ๆ ทิ้งไป ยกเว้นว่ามันจะทำไม่ดีกับเรามาก ถ้าเลิกกันไม่ดี ไม่จำเป็นว่าคุณต้องเป็นเพื่อนเขานะ ก็แล้วแต่คน อยู่ที่ว่ามันเรื่องของแต่ละคน จากกันแบบไหน

ออฟ : เพราะแต่ละคนมันก็มีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วสิ่งที่เจอมาก็ไม่เหมือนกัน ความคิดคนก็ไม่ได้เหมือนกัน ก็แล้วแต่เลยว่าใครจะอะไรยังไง แต่ว่าถ้าจะเป็นเพื่อนกัน สำหรับผมก็ได้อยู่นะ ถึงแม้ว่าจะผ่านไปนานแล้ว เรามีคนใหม่แล้วก็ต้องให้เกียรติคนใหม่ของเราด้วย ไม่ใช่ว่าเรายังคุยอยู่ แล้วในขณะที่คนใหม่ไม่โอเค ก็ต้องให้เกียรติกันแล้วกัน ในความคิดของผมนะ ก็ต้องอยู่ตรงคำว่าพอดี

เฟย : subjective มันแล้วแต่คน

การบอกเลิกที่ดีที่สุดของแต่ละคน

ออฟ : การบอกเลิกก็ไม่ดีแล้วป่ะ???

เฟย : มันไม่มีคำว่าดีที่สุด อย่างที่บอก แล้วแต่ปัจเจกบุคคล เพราะฉะนั้นแต่ละคนใช้วิธีไม่เหมือนกัน อยู่ที่เรื่องของแต่ละคน ไม่ใช่ว่า เลิกกันเพราะว่าเขานอกใจ จะไปใช้อีกเรื่องหนึ่งเพื่อมาบอกว่าวิธีนี้ดีกว่าไม่ได้ มันอยู่ที่เรื่องเรื่องนั้นมากกว่า ไม่เกี่ยวหรอก บอกเลิกก็แย่หมด

ออฟ : ใช่ แต่อยู่ที่การรับมือของเรามากกว่าว่าเราจะตัดสินใจยังไง ณ ตอนนั้น ตัดสินใจเลิกไป วันนี้เราเศร้าแหละแต่ว่าในอนาคตมีความสุขหรือเปล่า มันแล้วแต่เรื่องว่าเจออะไรมา

SUM UP : แล้วอย่างในเรื่องมันต้องมีเคสความลำบากใจในการที่จะไปจัดการ อย่างที่เมื่อกี้โจเล่าให้ฟังมันเชื่อมโยงกันได้ไหม เรื่องการที่ไปทำให้เขาเลิกกัน 

โจริญ : สุดท้ายแล้วทุกคู่จะเลิกกันด้วยตัวของเขาเอง เราแค่ไปขยาย อันนี้อาจจะเป็นปัญหาสำหรับเธอนะ สุดท้ายแล้วคนที่ตัดสินใจว่าจะเลิกหรือเปล่า ก็คือตัวของเขาเอง 

เฟย : ไปเขย่าอันนั้นให้มันขยายขึ้น

ในชีวิตจริงถ้ามีบริษัทลด รัก เลิก จะไปใช้บริการกันมั้ย ???

ออฟ : ถ้าเกิดขึ้นกับผม ผมว่าน่าจะใช้ มันเร็วดี ใช้เงินแก้ปัญหา ถ้าเราไปจัดการเอง เราก็คงทำอะไรไม่ได้ แล้วเราเจ็บด้วย สมมติว่าถ้าเราโดนนอกใจ หรือว่าอยากทำให้คนคนหนึ่งไม่ได้คบกับคนอีกคนหนึ่ง เราก็คงจะไปใช้บริการแน่ ผมว่ามันเร็วดี แล้วเขาก็รับประกันด้วยไงว่า คืนเงินทันทีหากคืนดีภายใน 3 วัน

เฟย : ใช้ครับ น่าสนุกดี

ออฟ : เราไม่รู้ว่าบริษัทจะไปคิดภารกิจอะไรให้เรา ไหนน้องลองวิเคราะห์สิ (มองไปทางโจริญ)

โจริญ : หนูคิดหนักนิดหน่อย (คิด คิด คิด)  หนูคิดว่ามีก็ดี บางทีเราเป็นคนนอก เราอาจจะมองเห็นเพื่อนว่าเพื่อนกำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ toxic เราอาจจะเห็นแล้ว บอกเพื่อนแล้ว เตือนแล้ว แต่ว่าเพื่อนไม่ฟัง บริษัทนี้จำเป็นมากสำหรับกรณีนี้

เฟย : ร้องอยู่นั่นแหละ แล้วก็โทรอยู่นั่นแหละ

ออฟ : กูว่าแม่งเลิกเหอะ แต่พรุ่งนี้มันไปคุยกันใหม่แล้ว

โจริญ : มีบริษัทนี้ก็คือจบ

เฟย : ชอบพูดจังว่ารักเขา รักแล้วบ่นทำไม

ออฟ : แล้วเคยเป็นป่ะ (หันไปหาเฟย)

เฟย : ไม่เหลือ (ยิ้ม)

ถึงกันและกัน

โจริญ : พี่ ๆ น่ารักค่ะ แล้วก็…(ยิ้มมมมม)

เฟย : แค่เริ่มต้นและคำว่าพี่ ๆ น่ารัก ก็เหมือนคิดอะไรไม่ออก 

ออฟ : เอาใหม่ ๆ คิดดี ๆ 

โจริญ : หนูรู้สึกว่าพี่เขา entertain กองไปด้วย เราอาจจะต้องเป็นตัวโดนบ้าง แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ยอม พี่เขาก็เลยอยากแกล้ง อยากสู้ เราสู้มือสู้ตีนอยู่แล้ว เราก็เลยรู้สึกว่ามาเหอะ แต่ว่าสนุกค่ะ อยู่กับพี่ ๆ สนุกมาก บรรยากาศกองก็ดีมากด้วย

ออฟ : ผมว่าโชคดีด้วยที่บทจืดรับโดยโจริญ พอโจเข้าไปอยู่ในคำว่า ‘จืด’ มันดูใช่มากเลย

เฟย : คาแรกเตอร์ของเขามันชัด

ออฟ : ก็เหลือประมาณอีก 2 EP นะครับ ที่ผ่านมามันก็น่าจะทำให้ทุกคนได้รู้แล้วว่าความรักมีหลายรูปแบบ มีการทำให้คนนี้มีความสุข คนนั้นมีความทุกข์ เราก็ต้องเตรียมมือกัน เตรียมตัว เตรียมใจกันแล้วก็รับมือกันให้ได้นะครับ ฝากด้วยนะครับสำหรับ Break Up Service บริษัทลดรักเลิก

เฟย : 2 EP สุดท้ายฝากไว้ด้วยครับสำหรับบริษัทนี้ ก็อยากให้ทุกคนคิดตามว่าบริษัทนี้ควรมีหรือไม่มี หรือยังไง อยากใช้บริการหรือไม่ แต่จะใช้หรือไม่พวกเราก็จะยังเปิดบริษัทต่อไปอยู่ดีนะครับ อีก 2 ตอนเท่านั้นฝากด้วยนะครับ

โจริญ : ตอนนี้อยู่ในช่วงที่กำลังจะคลายปมอะไรหลาย ๆ อย่างละในเส้นเรื่องหลักด้วย แล้วเคสที่เหลือบอกเลยว่ามันไม่แพ้เคสที่ผ่านมาแน่นอนนะคะ ก็อย่าลืมติดตามด้วยนะคะ Break Up Service ค่ะ

จากทุกเรื่องราวที่ ออฟ-โจริญ-เฟย ได้แชร์ให้ฟังในวันนี้ เราอาจค้นพบแล้วว่าความรักในวัยที่เติบโตขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของความโรแมนติกหวานฉ่ำแบบในนิยาย แต่เป็นบทเรียนชีวิตที่ทำให้เรามองเห็นตัวเอง และผู้อื่นได้ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม ซีรีส์อย่าง “Break Up Service บริษัทลดรักเลิก” ไม่ได้ตั้งใจแค่จะพาเราไปหัวเราะกับธุรกิจรับจ้างยุติความสัมพันธ์ แต่มันยังชวนให้เราค่อย ๆ มองลึกลงไปถึงหัวใจตัวเอง ตั้งคำถามถึงคุณค่าของการได้รักและการต้องจากลา

สิ่งที่ซีรีส์และบทสนทนาในวันนี้ได้สะท้อนออกมา คือการตระหนักว่าทุกความสัมพันธ์มีช่วงเวลาของมัน ไม่ว่าจะสั้นจนแทบไม่ทันตั้งตัว หรือยาวนานจนเหมือนลมหายใจเข้าออก ความรักเหล่านั้นต่างก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เราเติบโตขึ้นเสมอ บางครั้งอาจเป็นแผลเป็นที่ทำให้เราระวังตัวมากขึ้น หรืออาจเป็นบทเรียนที่สอนให้เราเห็นคุณค่าของคนข้างกายมากกว่าเดิม

ท้ายที่สุด ไม่ว่าใครจะเลือกเส้นทางแบบไหน ไม่ว่าความสัมพันธ์จะไปต่อหรือหยุดลงระหว่างทาง สิ่งสำคัญที่สุดอาจเป็นแค่การที่เราได้โตขึ้นอีกนิดจากทุกความสัมพันธ์ที่เคยผ่านมา เพราะในทุกจุดจบย่อมมีจุดเริ่มต้นซ่อนอยู่เสมอ และนั่นเองคือสิ่งที่ “Break Up Service บริษัทลดรักเลิก” กำลังบอกเราอย่างชัดเจนที่สุด

Break Up Service บริษัทลดรักเลิก

“Break Up Service บริษัทลดรักเลิก” ออกอากาศทุกวันจัทร์ เวลา 20.30 น. ทาง GMM 25 และแอปพลิเคชัน TrueVision Now เท่านั้น

AUTHOR

ทะเล จำปี ดนตรี ทราย และ ฉัน