หากอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ชอบปล่อยมุขตลกกันเป็นประจำ คุณก็มีแนวโน้มที่จะคิดหรือพูดจาตลกขบขันด้วย ถึงแม้โดยปกติตัวเองไม่ใช่คนอารมณ์ดีขนาดนั้น เช่นเดียวกันถ้าคุณมีแฟนที่ไม่ค่อยชอบออกไปข้างนอก คุณก็มีแนวโน้มที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวมากขึ้น ถึงแม้โดยปกติคุณเป็นมนุษย์ติดสังคมมาก สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสัญญาณว่าคุณสูญเสียตัวตนหรือถูกริดรอนความเป็นตัวเอง แต่มนุษย์ทุกคนล้วนมีกลไกนี้อยู่ในตัว เพื่อรักษาเสถียรภาพทางสังคมของตนเองเอาไว้ เรียกว่า ‘Chameleon Effect’ หรือปรากฏการณ์เลียนแบบคนใกล้ตัว

Chameleon Effect เป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์เลียนแบบพฤติกรรมการแสดงออกของกลุ่มคนใกล้ชิด เช่น สีหน้า วิธีการพูด รวมถึงพฤติกรรมบางอย่างโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้ตนเองรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกลุ่มที่อาศัยอยู่ โดยทั่วไปแล้ว Chameleon Effect จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในเชิงบวก เนื่องจากมันทำให้คนสองคน รวมถึงกลุ่มคนรู้สึกเข้ากันและอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจ โดยที่เราก็แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเลียนแบบหรือซึมซับพฤติกรรมของใคร ขณะที่เราก็แทบไม่สังเกตว่าอีกคนเลียนแบบคำพูดหรือสีหน้าของเราหรือไม่

ในงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักเลียนแบบการแสดงออกทางสีหน้า คำพูด และการกระทำของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งกลไกนี้เปรียบเสมือนกาวที่เชื่อมความสัมพันธ์ทางสังคม ให้เราสามารถใช้ชีวิตหรือทำงานร่วมกับคนใกล้ชิดได้มากขึ้น พูดง่าย ๆ ว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากกว่าเรื่องแย่อย่างแน่นอน

ในบางครั้งเราอาจไม่ได้เลียนแบบแค่ในเชิงพฤติกรรม แต่เลียนแบบไปถึงวิธีการคิดและการทำงาน หากคุณอยู่ในสังคมที่จริงจังกับการทำงาน ก็มีแนวโน้มว่าคุณจะเป็นคนซีเรียสกับการทำงานโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกันกับการที่คุณมีแฟนที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือหรือดูการ์ตูน คุณก็อาจมีความสนใจสิ่งเหล่านี้ในระดับหนึ่งโดยที่ตัวเองไม่เคยเป็นมาก่อน

อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องพยายามแสร้งเลียนแบบพฤติกรรมของใครเพื่อให้ได้เข้ากลุ่มหรือสนิทสนมกับพวกเขา ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของวันเวลาและกลไกทางธรรมชาติที่จะผสานคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับสังคม มันจะได้ไม่ฝืนหัวใจและความเป็นอยู่ของคุณจนรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียตัวตนในแบบที่ตัวเองรัก

ที่มา

CREATED BY

ไม่ชอบคนข้างล่าง