ยุคนี้ ‘นักแสดงเด็ก’ ถือได้ว่าเป็นตัวแปรสำคัญในวงการละครโทรทัศน์มากขึ้น จากการเปิดกว้าง และความหลากหลายที่มีมากขึ้นในวงการสื่อ ทำให้ละครและซีรีส์หลาย ๆ เรื่องต่างให้แอร์ไทม์บนหน้าจอมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังขยับฐานะจากการเป็น ‘ตัวละครสมทบ’ มาสู่การเป็น ‘ตัวละครหลัก’ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ทำให้สื่อบันเทิงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ‘นักแสดงเด็ก’ กลายเป็นสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้พระเอก-นางเอก-ตัวร้าย อีกทั้งยังไม่ต้องแสดงให้เหนือจริงจนขโมยซีน แต่สามารถเล่นด้วยความธรรมชาติ จะดีใจ เสียใจ หัวเราะ กดดัน ก็ซื้อใจคนดูได้เหมือนกัน
อย่างล่าสุดกับละครที่ยังคงรสชาติความน้ำเน่าเอาไว้ แต่สอดแทรกและชูประเด็นเรื่องของการต่อสู้กันทางกฎหมายในเรื่อง ‘สงครามสมรส’ ที่ออกอากาศทางช่อง one31 ก็มีนักแสดงเด็กคนหนึ่งที่ครองใจคนดูให้ติดตามเรื่องราวตั้งแต่ต้น จนถึงตอนอวสานที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนวันนี้ (3 มิถุนายน 2567) ได้อยู่หมัด
เขาคือ ‘เจ้าคุณ-พันธ์ชนกชนม์ พันธ์สังข์’ นักแสดงเด็กวัย 11 ปี ที่เพิ่งได้รับบทบาทที่หนักไม่แพ้นักแสดงวัยโต และตีบทแตกจนผู้คนให้การยอมรับ และให้ความสนใจจากความน่ารัก และการแสดงที่สมบทบาทจนอยากมอบรางวัลให้ตั้งแต่วันนี้เลย
SUM UP เลยเดินทางมานั่งตรงหน้าเขา เพื่อพาคุณให้มาทำความรู้จักนักแสดงฝีมือน่าสนใจคนนี้ให้มากขึ้นกัน

จุดเริ่มต้นชีวิตการเป็นนักแสดง
เจ้าคุณเล่าให้เราฟังอย่างสบาย ๆ ว่าจุดเริ่มต้นการชอบแสดงมาจากที่บ้าน “ก่อนที่ผมจะมาเป็นนักแสดง เวลาอยู่ที่บ้านตอนอาบน้ำเสร็จผมชอบมี Energy เพราะชอบอาบน้ำเย็นๆ หลังจากออกมาจากห้องน้ำผมก็ชอบเอาของเล่นที่มีเต็มบ้านเต็มเมืองมาเล่นบทบาทสมมติคนเดียว เพราะตอนนั้นเราก็ไม่มีอะไรทำครับ”
แม้จะเป็นจุดเริ่มต้นการแสดงออกที่ดี แต่แท้ที่จริงแล้วเมื่อเจ้าคุณออกสู่โลกกว้าง เขาก็เป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าพูดคนหนึ่งเหมือนกัน อย่างการเข้าโรงเรียนอนุบาลในช่วงแรก ๆ แล้วกลับมาบ้านในตอนเย็น เขาถึงกับร้องไห้น้ำตาท่วม แต่ไม่นานนักรูปแบบชีวิตที่เปลี่ยนไปก็ทำให้เขาได้ปรับตัว
ถัดจากนั้นไม่นานหลังการปรับตัวได้ พ่อแม่ของเจ้าคุณก็พาเขาไปเรียนการแสดงเป็นเรื่องเป็นราว และก็มีงานแสดงในรูปแบบหนังสั้นติดต่อมาให้ได้ไปลองเล่น รวมถึงงาน Music Video อีกราว 2-3 ตัว
ก่อนที่พี่สันต์ (สันต์ ศรีแก้วหล่อ) ผู้กำกับมากฝีมือจะเห็นแววชวนให้เขามาร่วมเล่นละครจริงจังครั้งแรกในชีวิต “พี่สันต์เขาบอกให้แม่ผมอัดคลิปส่งมาหาเขาให้หน่อย ให้สวมบทบาทเป็นกุมารทองในเรื่อง ‘วันทอง’ แล้วพี่สันต์ก็เอาผมเข้ามาแสดง เขาเห็นแววผมมากขึ้นตอนผมเล่นบทโดนของใส่ ก็เลยถูกเชิญให้มาเล่นอีกหลาย ๆ เรื่อง อย่างเช่นเอาผมไปรับเชิญเรื่อง ‘ใต้หล้า’ ครับ แล้วก็เรื่อง ‘พนมนาคา’ เล่นเป็นวันเนตร จนถึงเรื่อง ‘สงครามสมรส’ ที่เขาไว้ใจ แล้วก็เอาผมมาเป็นปณตครับ”


ซึ่งจริง ๆ แล้ว แม้แต่ในเรื่องแรกที่ได้เล่น เจ้าคุณก็ร่วมแสดงตั้งแต่ตอนที่ 5 จนถึงตอนสุดท้าย ตอนที่ 15 เลย ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เจ้าคุณได้พบเจออะไรใหม่ ๆ รวมถึงได้ความรู้ทางการแสดงดี ๆ จากกองถ่ายเอง และจากผู้กำกับอย่างพี่สันต์ด้วย
“พี่สันต์เขาก็สอนว่าในเรื่องนี้เราจะเป็นยังไง อารมณ์เราต้องเป็นแบบไหน ณ ตอนนั้น เขาก็จะสอนไปเรื่อย ๆ ให้เราครูพักลักจำครับ พี่สันต์เขาเป็นครูคนหนึ่งในการแสดงของผมเลยครับ”
และนั่นเองจึงเป็นที่มาที่ทำให้เจ้าคุณได้ค่อย ๆ ฉายแวว และ Shine ในความเป็นนักแสดงในตัวออกมาให้พี่สันต์เห็น จนทำให้ในละครเรื่องล่าสุด ‘สงครามสมรส’ ชีวิตในการเป็นที่รู้จัก และชีวิตในการแสดงของเจ้าคุณเปลี่ยนไปเลยก็ว่าได้
‘เจ้าคุณ’ ในบทบาทของ ‘ปณต’ ของเรื่อง ‘สงครามสมรส’
เราเปิดหัวถามเจ้าคุณว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาผลตอบรับของละครเรื่องล่าสุดนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าคุณตอบเราอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ดีมากเลยครับ รู้สึกดีใจที่ Feedback มันดีกว่าที่เราคาดคิด มันดูดีกว่าที่เรานึกไว้ ใจฟูครับ เพราะเราก็ตั้งใจกับหลาย ๆ เรื่องเลยครับ” แม้จะดูเป็นคำตอบทั่วไป แต่ในเรามองว่าในฐานะนักแสดงมือใหม่ที่ได้รับบทหนักอึ้งแบบนี้ กว่าจะแสดงและสวมบทบาทให้กลายเป็น ‘ปณต’ ที่คนดูรักหัวปักหัวปำได้ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องย้อนความผ่านเรื่องราวที่เจ้าคุณเล่าให้เราฟังว่า โดยปกติเขาไม่ดูละครเลย การดูละครของเขาจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเป็นละครที่ตัวเองแสดงเสียเป็นส่วนใหญ่ เพื่อประโยชน์ในการ ‘วิพากษ์วิจารณ์ตัวเอง’ ฐานะผู้ชมที่กำลังดูการแสดงของตัวแสดงบนจอตรงหน้า ในแบบที่เขาไม่เคยเขินตัวเองเลย
“ปกติผมจะดูการแสดงครับว่าเล่นดีพอหรือยัง มีอะไรผิดพลาดมั้ย ต้องแก้ไขอะไรบ้าง พ่อแม่ก็จะดูด้วยครับ แล้วก็จะมีติชมบ้างเป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะบางทีผมก็แสดงได้ไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ หรือเรื่องที่ผมต้องพัฒนาอีกเรื่องก็จะเป็นการพูด เพราะว่าบางทีผมก็พูดไม่ค่อยชัด แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้กังวลมากครับ”

ซึ่งต้องถือว่าละครเรื่องนี้ก็เป็นละครที่เจ้าคุณชอบตัวเองมากที่สุดที่ได้รับแสดง เพราะว่าเรื่องนี้เจ้าคุณมองว่าเป็นละครที่เขาแสดงได้เข้าถึงตัวละครมากที่สุด จนอารมณ์ที่ถูกสื่อสารออกมาทำให้เขาร้องไห้กับบทตัวเองได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะกับฉากที่ปณตขึ้นศาลครั้งแรก และทำสปาเก็ตตี้ ที่ถึงแม้ใจหนึ่งเขาจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่เขาก็พยายามลืมมันเพื่อให้มาอินใหม่กับเรื่องที่อยู่ตรงหน้า อีกทั้ง 2 ฉากนี้ก็ยังเป็นฉากที่เจ้าคุณบอกว่ายากและท้าทายที่สุดในเรื่องอีกด้วย
“ฉากขึ้นศาลจะมีความยากตรงที่ว่าเราเล่นคนเดียว เพราะว่ามันมี 2 ห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องของพ่อแม่ที่เขาทำคดีกัน อีกห้องหนึ่งเป็นห้องของเรา เราก็ต้องอยู่คนเดียวและเราก็ต้องสื่ออารมณ์ออกมาให้มันถึงด้วยครับ แล้วก็ความยากของฉากสปาเก็ตตี้ก็คือเป็นฉากที่มันต้องใช้อารมณ์เยอะเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นอะไรที่มันหักมุมเรามาก ๆ ครับ”
ไม่ใช่แค่ 2 ฉากนี้ที่อาจจะยากที่สุด แต่ในมุมเราอย่างที่เกริ่นไปช่วงต้นว่าการรับบทแสดงนำเต็มตัวของนักแสดงอายุ 11 ปีนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย จากทั้งการแสดงร่วมในหลาย ๆ ฉากกับนักแสดงหลายคน หรือจากบทที่เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้า และน่าสงสารจากชีวิตที่ตัวละคร ‘ปณต’ ได้รับ เบื้องหลังการทำการบ้านกับบทของเจ้าคุณหลังจากได้รับบทประมาณ 4-5 วันก่อนถ่ายทำ เจ้าคุณก็จะซ้อมก่อนถึงคิวถ่ายประมาณ 2 วัน เพราะถ้าเกิดซ้อมวันแรก ๆ ที่ได้มาเลยเจ้าคุณจะจำห้วงอารมณ์ที่ซ้อมได้ไม่ดีนัก
อีกทั้งจากการดูตัวเองในละครหลาย ๆ เรื่อง ก็ทำให้เจ้าคุณหยิบความผิดพลาดมาแก้ไขใหม่ให้ดีขึ้นได้ในหลาย ๆ ครั้ง อย่างช่วงที่เขากำลังรับบทในเรื่อง ‘ไลลาธิดายักษ์ 2’ เจ้าคุณบอกกับเราว่าเป็นคนที่มักหลุดโฟกัสง่ายกับอุปกรณ์ประกอบฉาก รวมถึงชอบเดินเล่นทั่วกองถ่าย ทำให้ไม่มีสมาธิมากเท่าไหร่ และมองว่าการพูดในช่วงนั้นก็ยังไม่ชัดถ้อยชัดคำนัก
ในเบื้องหลังการแสดงเรื่องนี้เขาก็นำเอาข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาคอยเตือนตัวเองให้มีสมาธิอยู่เสมอ อย่างการหาที่เงียบ ๆ ซ้อมบทอีกครั้งก่อนแสดงจริง หรือการสร้างสมาธิให้ตัวเองจนทำให้จุดบกพร่องหลาย ๆ อย่างค่อย ๆ คลี่คลายลง

หนึ่งเรื่องที่น่าสนใจเลยคือ ‘การร้องไห้’ ที่เราเห็นว่าในบทบาทของปณต เจ้าคุณแสดงออกมาได้อย่างครบเครื่อง ทั้งการร้องไห้เศร้าโศกในหลาย ๆ ฉาก และหลาย ๆ เหตุผลที่ทำให้มีน้ำตา เลยอยากรู้ถึงชีวิตจริงของเจ้าคุณว่าเขาร้องไห้บ่อยมั้ย คำตอบของเขาทำให้เราถึงกับหลุดขำในความไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ “ก็ค่อนข้าง Sensitive อยู่ครับ โดยเฉพาะตอนที่พ่อแม่ดุ” ในขณะเดียวกันคุณแม่ที่นั่งอยู่ไม่ห่างก็กล่าวเสริมว่าเวลาเจ้าคุณเจออะไรที่น่าสงสารก็จะร้องไห้ได้ง่ายเช่นกัน
นอกจากการได้เรียนรู้งานแสดงจากบทบาทที่ได้รับแล้ว เจ้าคุณบอกกับเราอีกว่าหนึ่งเรื่องที่เขาคุณได้รู้จากละครเรื่องนี้แล้วสนใจมากขึ้นเลยคือเรื่องของกฎหมาย เจ้าคุณได้รู้จักเลยว่ากฎหมายไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือเรื่องใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน ที่หากเรารู้กฎหมายในบางเรื่องก็อาจจะใช้มันพลิกแพลงสถานการณ์ที่กำลังเป็นรองได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็มองว่ามันไม่ได้มีเอาไว้เพื่อแค่ทำให้ชนะเพียงอย่าง การรู้กฎหมายเอาไว้เพื่อจะได้ไม่ทำผิดเรื่องนั้น ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาได้เรียนรู้อีกเช่นกัน
ในฐานะที่ละครใกล้จะอวสาร เราเลยอยากให้เจ้าคุณลองลงคะแนนตัวเองในเรื่องนี้หน่อยว่าการแสดงของเรา หากมองในมุมคนดูจะให้กี่คะแนน เต็ม 10 “ผมให้ตัวเองที่ 9.8 ครับ เรื่องอารมณ์ แล้วก็เรื่องการสื่อสารทางใบหน้าและสายตาครับ 0.1 หักบางฉากที่เราอาจจะเล่นได้ดีกว่านี้ แล้วก็อีก 0.1 ก็คือเรื่องการพูดบางฉาก ที่อาจจะพูดไม่ชัดหรือพูดเร็วไปครับ”
โลกแห่งความฝันของการอยากเป็น ‘นักฟุตบอล’ ที่กำลังทับซ้อนกับโลกแห่งความจริงในฐานะ ‘นักแสดง’
นอกจากการเป็นนักแสดงแล้ว เจ้าคุณบอกกับเราว่าความฝันในอาชีพอื่นของเขาคือ ‘นักฟุตบอล’ จากความชอบในกีฬาฟุตบอล และการเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ที่ทุกวันนี้เขาก็ยังหาเวลาว่างที่โรงเรียนในช่วงพักกลางวัน ยืมลูกฟุตบอลของโรงเรียนมาเล่นอยู่บ่อย ๆ เพียงแต่หากจะเอาดีทางด้านนี้ ณ เวลานี้เขามองว่าอาจจะไม่ใช่ เพราะกำลังมุ่งมั่นในสายงานการแสดงที่เขากำลังรักอย่างเต็มเปี่ยม
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยพลาด และยังคงติดตามบ่อย ๆ ในวงการลูกหนังเลยคือการดูการแข่งขันฟุตบอลกับพ่อ “ตอนเด็กดูฟุตบอลย้อนหลังกับพ่อครับ หรือไม่ก็คือตอนนอน ตอนเด็กผมนอนอยู่ห้องเดียวกันกับทีวี แล้วพ่อก็จะชอบเปิดดูฟุตบอล แสงมันเข้ามา แล้วเจ้าคุณก็เลยนอนไม่หลับ ผมก็เลยดูกับพ่อไปด้วยเลย ตอนนี้ก็ดูกับพ่อแล้วครับ นอนดึกไปด้วยกันเลย”

เมื่อเราถามว่าเชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษมั้ย คำตอบของเจ้าคุณก็ทำให้เราว้าวได้ไม่น้อย “เอาเป็นแต่ละลีกเลยมั้ยครับ ถ้าพรีเมียร์ลีกก็เป็นแมนยู แล้วก็รองลงมาจากแมนยูก็เป็นแมนซิตี้ครับ แล้วก็ลาลิก้าก็จะเชียร์เรอัลมาดริด ส่วนถ้าเป็นลีกฝรั่งเศสก็เชียร์ทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง
แต่ถ้าเป็นภาพรวมชอบ ‘เรอัลมาดริด’ ครับ เพราะว่าเรอัลมาดริดก็สถิติเยอะนะครับ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่แค่ว่าผมคิดเรื่องสถิติ ก็มีเรื่องของการเล่นแล้วก็รวมถึงเรื่องของนักเตะด้วยครับ”
แม้ความชอบด้านหนึ่งในตอนนี้จะยังเอาดีไม่ได้เป็นรูปธรรม แต่ความชอบอีกด้านหนึ่งอย่างการเป็นนักแสดงก็ยังเป็นสิ่งที่เจ้าคุณอยากจะทำมันไปเรื่อย ๆ อีกทั้งการแสดงยังทำให้รูปแบบความคิดของเด็ก 11 ปีคนหนึ่งโตขึ้นมากกว่าเดิม จากหลาย ๆ สิ่งที่เจ้าคุณมองว่า ‘ความเป็นบุคคลสาธารณะ’ เริ่มสำคัญกับชีวิตมากขึ้น
“คำว่าสาธารณะมันใกล้ตัวมากขึ้น รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติที่สัมพันธ์กับชีวิตเราไปแล้ว อีกเรื่องก็คือการพูดผิด หรือพูดสิ่งที่เป็น Fake news ถ้าเราพูดผิดจริง ๆ มันก็พลิกชีวิตเราได้เลย” หรือแม้แต่การที่เรากำลังนั่งสัมภาษณ์ในวันนี้ หากเป็นสัก 4-5 ปีก่อน เขาคงไม่กล้าคุย ไม่กล้าตอบกับเราไปแล้ว ทุกวันนี้เจ้าคุณเรียนรู้การเป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องพูดคุย เข้าหาผู้อื่น และเป็นตัวเองให้ดีในฐานะคนที่แสงไฟกำลังจับจ้องอยู่อย่างแพร่หลาย
อีกทั้งในช่วงเวลาเดียวกันที่ต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เจ้าคุณก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด เพราะอาชีพนักแสดงกำลังเป็นสิ่งที่ชอบ เพราะอาชีพนี้ทำให้เขาได้แสดงออกในหลาย ๆ อย่าง ทั้งการได้ร้องเพลงบ้าง โชว์ตัวตามงานต่าง ๆ บ้าง และจะตั้งใจทำงานนักแสดงนี้ต่อไปเรื่อย ๆจนกว่าที่เขาจะทำมันไม่ได้แล้ว หรือว่ามีโอกาสที่จะไปเส้นทางอื่นของชีวิตตามครรลองและช่วงเวลาที่ดำเนินไป

ก่อนจบการสนทนา เราให้เจ้าคุณฝาก 2 เรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกเราอยากให้ ‘เจ้าคุณ’ บอกอะไรกับตัวเองในอีกซัก 10 ปีข้างหน้า และนี่คือสารจากเจ้าคุณอายุ 11 ปีที่กำลังส่งไปหาเจ้าคุณอายุ 21 ปี หากได้อ่านบทความนี้อยู่ในอนาคต “อยากบอกว่าถ้าเขายังมีความฝันเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เรามี ก็ขอให้เขามีพลังสู้ไปเรื่อย ๆ และทุ่มเทกับตรงนั้นให้มากขึ้น แล้วก็ไปให้สำเร็จครับ”
และสุดท้าย เราอยากให้เจ้าคุณฝากถึงพี่ ๆ ที่กำลังเอาใจช่วยในเรื่อง ‘สงครามสมรส’ ที่กำลังจะเสนอเป็นตอนสุดท้ายในวันนี้ “ฝากพี่ๆ ทุกคนติดตามตอนจบด้วยนะครับว่าจะเข้มข้นสักแค่ไหน จะเกิดเหตุการณ์ร้ายดียังไงกับชีวิตปณตกับแม่บัวบงกช แล้วก็พ่อปรเมศวร์ ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่ติดตามผมแล้วก็พี่ ๆ ทุกคนมาตั้งแต่ตอนแรกมาจนถึงตอนนี้เลยครับ เพราะเราก็ตั้งใจกันเต็มที่ ขอบคุณมาก ๆ ครับ”
เจ้าคุณฝากอย่างนอบน้อม และพนมมือไหว้ขอบคุณแฟน ๆ ที่ติดตามเขาและผลงานชิ้นล่าสุดนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบประโยค
ฝากกันขนาดนี้ ไม่ลองกดดูตอนสุดท้ายให้อิ่มเอมก็กระไรอยู่ หากคุณอ่านจนถึงบรรทัดนี้แล้ว เราขอให้คุณเฝ้าหน้าจอช่องวัน 31 คืนนี้ (3 มิถุนายน 2567) ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป เพื่อรับชมจุดคลี่คลายทั้งหมดของละครเรื่อง ‘สงครามสมรส’ ตลอดทั้ง 21 ตอนไปพร้อม ๆ กัน หากยังไม่ได้ดู หรืออ่านบทสัมภาษณ์ของเจ้าคุณแล้วอยากติดตามผลงานนี้ใหม่ตั้งแต่ต้น บนช่องทางแอปพลิเคชั่น oneD ก็มีให้ชมย้อนหลังครบทุกตอนแบบเต็มอิ่ม เต็มอรรถรสเช่นเดียวกัน

