เราเดินทางมาพบกับ เอ (นามสมมุติ) ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งย่านบรรทัดทอง เขาเป็นชายรูปร่างดี สูงโปร่ง แต่งกายด้วยเสื้อยืดและกางเกงสีขาว ดูจากภายนอกเขาเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีพอสมควร ไม่ได้มีลักษณะแปลกแยกไปจากคนปกติ หลังจากยกมือไหว้ทักทาย เขาวางกระเป๋าที่เดาว่าน่าจะบรรจุแฟ้มงานและแล็บท็อปเอาไว้ข้าง ๆ จึงพออนุมานได้ว่าเขามีการงานที่เพรียบพร้อมดี เราพูดคุยกันเรื่องการจราจรของกรุงเทพฯ ที่ติดขัดจนทำให้เราทั้งคู่เดินทางมาเจอกันช้ากว่าเวลาที่นัดกันไว้ ก่อนที่เขาจะเล่าถึงประสบการณ์ ‘Chem Sex’ ว่าเป็นอย่างไร แต่ก่อนที่เราจะดำดิ่งสู่ห้วงลึกของคำว่า Chem Sex เราอาจต้องมาทำความเข้าใจถึงคำนิยามของมันก่อน
Chem Sex คือ การใช้สารเสพติดก่อนหรือระหว่างมีเซ็กส์ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการร่วมรัก รวมถึงทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศมากขึ้นในบางกรณี ซึ่งนิยมในกลุ่มคนรักร่วมเพศ โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย จากผลสำรวจในประเทศไทย พบว่าประมาณ 18% ของกลุ่มชายรักชายมีการใช้สารเสพติดขณะมีเซ็กส์ โดยบางคนใช้เป็นครั้งคราวในระหว่างปาร์ตี้หรือทำกิจกรรมทางเพศ ขณะที่บางคนใช้สารเสพติดเป็นประจำในชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องใช้ดอกจันทร์ตัวใหญ่ ๆ ย้ำไว้ก่อนว่า ไม่ใช่กลุ่มชายรักชายทุกคนที่มีการใช้สารเสพติดในการมีเซ็กส์ เพียงแต่มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เนื่องจากการใช้สารเสพติดขณะมีเซ็กส์เป็นเพียงความชอบและความต้องการส่วนบุคคลเท่านั้น

จุดเริ่มต้นของการเริ่มใช้ยาเสพติด
“ตั้งแต่เด็กจนโตผมไม่เคยกินเหล้าหรือสูบบุหรี่แม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะลิ้มลองเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ กระทั่งแฟนที่คบกันมานานหลายปีขอยุติความสัมพันธ์ ในตอนนั้นสภาพจิตใจของผมย่ำแย่เป็นอย่างมาก และด้วยการผิดหวังจากความรักนั่นแหละ ที่ทำให้ผมเริ่มหันมาหาหนทางเยียวยาจิตใจในรูปแบบอื่น โดยผมเลือกวิธีการ One Night Stand กับคนแปลกหน้าที่นัดเจอกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่สำหรับ LGBTQIA+ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้ยาเสพติดระหว่างมีเซ็กส์ในกลุ่ม LGBTQIA+ ก็มีให้พบเจออยู่บ้าง แต่ต้องขอพูดก่อนว่าไม่ใช่ LGBTQIA+ ทุกคนที่จะมีพฤติกรรมแบบนี้ มันมีเพียงคนบางส่วนเท่านั้นไม่ต่างจากเพศอื่น”
“ครั้งแรกต้องยอมรับว่าไม่ถึงขั้นมีเซ็กส์กัน เพราะอีกฝ่ายรู้สึกง่วงและอ่อนเพลียจึงนอนหลับไปก่อน ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่ในการใช้ยาเสพติดจึงลองใช้ด้วยตนเองคนเดียวจากอุปกรณ์การเสพยาภายในห้องของอีกฝ่าย หรือที่ในวงการเรียกกันว่าโจ๋ ผมค่อย ๆ เติมน้ำ ใส่สารเสพติดที่มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวใส และใช้ไฟแช็ครนจนเกิดความร้อน จากนั้นจึงเริ่มสูบเข้าไป อาจเป็นเพราะผมเป็นมือใหม่ จึงทำให้ผมไม่รู้ว่าควรสูบในปริมาณเท่าไหร่ ถึงจุดไหนแล้วควรหยุด จำได้ว่าตอนนั้นผมจุดสูบไปเรื่อย ๆ จนไฟแช็คเผามือจนเป็นแผลพุพอง แต่ผมกลับไม่มีความเจ็บปวด ด้านชา ไม่รู้สึกอะไรเลย กระทั่งกลับบ้านไปแล้วพบว่าตัวเองเริ่มตัวชา อาเจียนออกมาเป็นสีดำ แล้วก็วูบไป แต่โชคดีที่พอรู้สึกตัวแล้วสามารถพาตัวเองไปโรงพยาบาลได้”
“ในตอนนั้นผมบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับหมอฟังทั้งหมดโดยไม่ปิดบังอะไร หมอบอกว่ายาเสพติดชนิดนี้หรือที่เรียกกันว่า ‘ยาไอซ์’ ซึ่งนิยมใช้กันในระหว่างมีเพศสัมพันธ์มันทำงานกับสมองของเราโดยตรง มันจะเล่นกับความคิดและความเครียดภายในหัว ยิ่งเรากลัวอะไรมันจะยิ่งสร้างให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล และหวาดระแวง ยิ่งเราคิดอะไรมันจะยิ่งขับเน้นให้ย้ำคิดย้ำทำสิ่งนั้น การเสพยาตัวนี้เข้าไปมันก็เหมือนการเล่นเกมที่เราไม่ได้เป็นผู้ควบคุมเองแต่ยามันควบคุมเรา สมมติคุณเสพยาแล้วกำลังจะมีเซ็กส์ สมองคุณสั่งการให้ร่างกายร่วมเพศ แต่จิตใต้สำนึกคุณคิดถึงบ้าน มันก็จะพยายามให้คุณกลับบ้าน แน่นอนว่าพอมันเกิดภาวะแบบนี้ นั่นเท่ากับว่าเราไม่ใช่เจ้าของร่างกายตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์”

การใช้ยาเสพติดอีกครั้งและสิ่งที่ใครหลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Chem Sex
“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เข็ด ผมเริ่มใช้ยาเสพติดคนเดียวในห้องเพื่อแก้เบื่อ เพราะในตอนนั้นผมคิดว่าชีวิตของตัวเองมันน่าเบื่อ ผมลองยาเสพติดมาหลายชนิด ร่วมกับการมีเซ็กส์กับคนแปลกหน้าที่นัดเจอกันตามแอปพลิเคชันหาคู่ ซึ่งความแตกต่างระหว่างการมีเซ็กส์แบบปกติกับการใช้ยาเสพติดร่วมด้วยมันจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น ทำให้เสร็จช้าลง อวัยวะเพศไม่ค่อยแข็งตัว ไม่ง่วงซึม ซึ่งตรงนี้หลายคนมักเข้าใจผิด สารเสพติดชนิดนี้ไม่ได้ทำให้คนเกิดอารมณ์ทางเพศมากขึ้น หรือมีสรรถภาพทางเพศดีขึ้น ในทางกลับกันมันลดทอนอารมณ์ตรงนั้นด้วยซ้ำ แค่เพิ่มการโฟกัสหรือจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งการใช้ยาระหว่างมีเซ็กส์ของแต่ละคนก็มีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป โดยส่วนตัวผมใช้เพราะมันทำให้ผมกล้าที่จะเผชิญกับคนแปลกหน้ามากขึ้น ขณะที่บางคนแค่เสพติดการใช้ยาเฉย ๆ แต่อนุมานเอาเองว่าต้องใช้เพราะต้องมีเซ็กส์ ซึ่งบางคนอาจใช้ยาเพื่อดูหนังโป๊เฉย ๆ บางคนใช้ยาแล้วอยากออกแรงทำงานบ้านแบบนี้ก็มี แล้วช่องโหว่ตรงนี้แหละที่ทำให้มันอันตราย”

การใช้ยาเสพติดขณะมีเซ็กส์อันตรายอย่างไร
“การใช้ยาขณะมีเซ็กส์ที่คิดว่าอันตรายที่สุดในชีวิตสำหรับผมคือครั้งแรกที่ใช้ยาเกินขนาด แต่ด้วยความที่ผมค่อนข้างรับมือกับมันได้พอสมควรจึงไม่ค่อยมีเอฟเฟกต์อะไรมากมายเกิดขึ้นกับผม ทีนี้ความอันตรายมันจะโน้มเอียงไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า ซึ่งในหลายครั้งเราไม่รู้เลยว่าการที่เขาเสพสารเสพติดเข้าไปมันจะไปส่งผลต่อพฤติกรรมใดของเขาบ้าง เพราะอย่างที่บอกว่ายาตัวนี้มันทำงานกับจิตใต้สำนึก เราไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเก็บกุมความเครียดแบบไหนอยู่ บางคนอาจจะเกิดอาการประสาทหลอน แล้วกระโดดตึกลงไปหรือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายตามที่เราเห็นกันในข่าว ซึ่งตรงนี้แหละที่มันเป็นความอันตรายร้ายไปกว่านั้นคือมองออกยากว่าใครบ้างที่กำลังใช้สารเสพติดในชีวิตประจำวันอยู่”
จำนวนผู้ใช้ยาและการเข้าถึงสารเสพติดที่ง่ายพอกับการซื้อขนม
“เอาเข้าจริงแล้วในสังคมรอบตัวผมพบเจอคนที่ใช้สารเสพติดค่อนข้างเยอะ เพราะพูดกันตามตรงคนทุกชนชั้นสามารถเข้าถึงยาเสพติดได้เหมือนกันหมด มันไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นคนรวย คนจน ทำอาชีพไหน อยู่จุดใดในสังคม ซึ่งวิธีการเข้าถึงมันก็ไม่ได้ยาก ส่วนใหญ่จะติดต่อผ่านพ่อค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่รายย่อยจากการบอกต่อกันมาอีกที ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 800 – 1,000 บาท ต่อ 1 กรัม ที่สำคัญพวกอุปกรณ์เสพก็มีให้ซื้อกันอย่างโจ่งครึ่ม เชื่อไหมว่าแม้กระทั่งของในร้านทุกอย่างยี่สิบยังสามารถนำมาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นอุปกรณ์ในการเสพยาได้เลย พวกเข็มฉีดยาที่ใช้สำหรับการเสพสารเสพติดบางชนิดก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือตามแอปพลิเคชันซื้อของออนไลน์ก็มีให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งผมค่อนข้างตกใจเหมือนกันที่ในยุคนี้ผู้คนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์เสพยาได้พอ ๆ กับการเข้าถึงสินค้าปกติอื่น ๆ “

จุดจบของคนชอบ Chem Sex
“อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าจุดจบของการใช้ยาขณะมีเพศสัมพันธ์หรือจุดประสงค์ใดมันไม่เคยดี ไม่มีใครสำเร็จความใคร่หรือมีความสุขกับการร่วมเพศขณะใช้ยา ทุกคนจะกลับบ้านไปพร้อมกับอาการเหม่อลอย ประสาทหลอน และไม่สมใจปรารถนาในการมีเซ็กส์ แล้วก็มีความคิดว่าไม่อยากกลับมาทำแบบนี้อีก แต่ซ้ำร้ายสุดท้ายมันก็จะวกกลับมาด้วยความอยากเสพยาอีกอยู่ดี ตรงนี้มันเลยกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ใครหลายคนออกยาก บางคนถึงขนาดติดจนนำไปเสพในชีวิตประจำวัน หลายคนเป็นซึมเศร้าจากการใช้สารเสพติดเป็นประจำ เพราะอย่างที่บอกว่าสารเสพติดมันเล่นกับสมองและระบบประสาท สมมุติคุณสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ชอบได้ประมาณ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ยาเสพติดมันจะให้ความสุขกับคุณทะลุขีดไปถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์ พอกลับมาใช้ชีวิตแบบขาดยาเสพติดก็อาจทำให้รู้สึกว่าโลกแบบปกติที่ไม่มีสารเสพติดมาเกี่ยวข้องมันไม่มีความสุข มันเศร้า มันเหงา มันน่าเบื่อ ผมลองมองย้อนกลับไปก็พบว่าความจริงแล้วยาเสพติดมันไม่ได้ทำให้มีเซ็กส์ได้ดีขึ้น มันเป็นเพียงข้ออ้างของร่างกายที่อยากเสพยามากกว่า”

ปัจจุบัน ความรัก อุทาหรณ์
“ปัจจุบันนี้ผมเลิกใช้ยาแล้ว พอเจอความรักที่มันดีสำหรับตัวเราแล้วมันก็เลิกได้ด้วยตัวเอง เพราะมันเหมือนกับสิ่งนี้ไปแก้ปมแรกของเราในวันนั้นที่เลือกเสพยาจากการที่ขาดความรัก แต่ในวันนี้ผมมีความรักที่ดีแล้ว มันเลยเหมือนถึงทางตันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีก ซึ่งการบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนี้ก็อยากให้มันเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายคนที่กำลังจะใช้หรือกำลังใช้ยาเสพติดอยู่ให้ออกมาจากวงจรอุบาทว์นี้สักที เพราะมันไม่ส่งผลดีต่อตัวคุณหรอก สุดท้ายก็จบที่ตาสว่างยันเช้า กลับบ้านด้วยอาการอ่อนเพลีย หน้าโทรมขาดน้ำ เป็นวงจรโสมมวนลูปที่ไม่เคยส่งผลดีต่อใคร”
หลังการสนทนาจบลงเราพูดคำว่าขอบคุณกับเอหลายรอบมาก ขอบคุณที่เขากล้าหาญพอที่จะบอกเล่าทุกเรื่องราวอย่างเปิดเผยและจริงใจ ขอบคุณที่เขาเดินทางมาไกลด้วยจุดประสงค์ที่อยากให้บทสนทนานี้นำพาใครสักคนที่กำลังหลงทางให้ออกมาจากวังวนยาเสพติด เพราะเราเชื่อว่ายังมีใครหลายคนที่เข้าใจผิดและยังมัวเมากับความสุขอุปโลกจอมปลอมที่สารเคมีนั้นสร้างขึ้นมา จนอาจทำให้พวกเขาเหล่านั้นสูญเสียความเป็นตัวตนไป และหลงลืมว่าแท้จริงแล้วโลกอันแสนโหดร้ายและธรรมดานี้ยังมีอะไรให้เราค้นหาและเรียนรู้มันได้อีกมากมาย ท้ายที่สุดคุณค้นพบความสุขตลอดกาลจากความว่างเปล่า ธรรมดา และสามัญของโลกใบเดิม