“Sink มันมีเอาไว้โชว์ อีกอันเอาไว้ใช้”
ประโยคเด็ดที่แพร วทานิกาเคยกล่าวเอาไว้ถึงการมีอ่างล้างหน้าสองอ่าง และไม่ได้ใช้หนึ่งอ่างนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป ถ้าเรากำลังจะกล่าวถึงเครื่องมือเครื่องใช้ที่ถึงคุณจะมีอยู่ในมือ แต่ก็อาจจะใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะมันคือ ‘ของใช้ไร้ประโยชน์’ หรือที่ผู้สร้างสรรค์นิยามมันไว้ว่า ‘Chindogu’

ชุดเด็กทารกที่มีขนม็อบ เผื่อลูกน้อยของคุณคลานไปถูบ้านไปได้, พัดลมมินิติดตะเกียบ ที่คอยเป่าเส้นบะหมี่แสนร้อนก่อนเข้าปากคุณ, หมวกนิรภัยติดยางปั๊มส้วม ที่เอาไว้ให้คุณติดกับกระจกบนรถโดยสาร และครอบไว้ที่หัว เพื่อให้ทุกการหลับนกไม่คอพับจนเกิดอาการปวดคออีกต่อไป
ถ้าเราอ่านเพียงรายละเอียดอาจจะรู้สึกว่าไอเดียมันดีมาก แต่หน้าตาของสิ่งประดิษฐ์ที่ว่าในโลกจริง หรือหากต้องคิดว่าจะเอาไปใช้จริง ๆ มันน่าจะไม่ได้ดีขนาดนั้นแน่ ๆ
ก็แหงล่ะ ‘Chindogu’ มันไม่ได้ทำมาเพื่อขาย แต่มันทำมาเพื่อเสนอไอเดียอันหลุดโลกที่หากคุณเห็นมันในยุค 1990 ที่ญี่ปุ่น อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องบ้าไปแล้ว

ที่ไปที่มาของสิ่งนี้มาจากไอเดียปั่น ๆ ของ ‘เคนจิ คาวาคามิ (Kenji Kawakami)’ ชายชาวญี่ปุ่นผู้มีแนวคิดขบถมาแต่ไหนแต่ไร จนนำมาสู่ต้นตอของไอเดียดังกล่าวในช่วงเวลาถัดมา
เคนจิเกิดที่จังหวัดนารา ในปี 1946 และเข้าศึกษาด้านวิศวกรรมการบินที่มหาวิทยาลัยโตไกในปี 1967 ก่อนจะลาออกจากการไปเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเรียกร้องของนักศึกษาในญี่ปุ่น ช่วงทศวรรษ 1970 เพื่อต่อต้านอำนาจปกครองของทางการญี่ปุ่นและอเมริกา ก่อนที่เหตุการณ์ทุกอย่างจะซาลง และนักศึกษาที่เข้าร่วมขบวนการต่อต้านดังกล่าวจำเป็นต้องกลายเป็นหนึ่งในฟันเฟืองของมนุษย์เงินเดือนของญี่ปุ่น หรือกล่าวง่าย ๆ ก็คือเข้าไปอยู่ในห้วงอำนาจที่พวกเขาเคยต่อต้านมาก่อนนั่นเอง
เคนจิก็เป็นคนหนึ่งที่กลายเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบนั้นตามสภาพสังคมที่เป็นไป เขารับงานหลายงานต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นงานเขียนและงานเรียบเรียงเนื้อหา รวมถึงการเขียนบทการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง Calimero และห้วงหนึ่งเขาก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกองบรรณาธิการแคตตาล็อกโฮมช้อปปิ้งยอดนิยมอย่าง ‘Tsuhan Seikatsu (通販生活)’
เรื่องตลกร้ายที่สุดของเรื่องนี้นั่นคือความขบถที่เขามีต่ออำนาจปกครองนั้นมันผูกโยงกับ ‘อำนาจทางวัตถุนิยม’ ที่เกี่ยวข้องกับงานที่เขาทำอย่างแยกจากกันไม่ออก เขาจึงต้องทนทำงานนี้ไป โดยไฟอันร้อนแรงแห่งความขบถก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาอยากจะทำอะไรสักอย่าง
อธิบายก่อนว่าแคตตาล็อกโฮมช้อปปิ้ง เป็นหนังสือที่มักจะส่งตามบ้านของสมาชิกที่สมัครเอาไว้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นแม่บ้านตามชนบทที่บ้านอยู่ห่างไกลร้านค้าจนซื้อของอุปโภคบริโภคไม่สะดวกนัก แคตตาล็อกเหล่านี้เลยสำคัญกับพวกเธอมาก กลับมาที่เคนจิซึ่งทำหน้าที่บรรณาธิการ เขามีหน้าที่ดูข้อมูลสินค้า หรือเนื้อหาแต่ละหน้า และในแต่ละเดือนจะมีหน้าว่างเสมอ ๆ ให้เขาต้องหาอะไรมาเพิ่มเติมลงไป และนั่นเองคือพื้นที่ที่ทำให้ความขบถต่อวัตถุนิยมเบ่งบาน แต่ก็ไม่ได้ดูโมโหเกินไปนัก
เคนจิประดิษฐ์อุปกรณ์เสมือนสินค้าที่ใช้ได้จริง แต่ก็ดูประหลาดไปหน่อยที่มันจะมาอยู่ในแคตตาล็อกในตลาด Mass แบบนี้ อย่างเช่นแว่นตาที่ติดกรวยบนชิ้นเลนส์เพื่อใช้หยอดตา ซึ่งเคนจิก็ทำสิ่งนี้ขึ้นมาใช้เองอยู่แล้วด้วย หรืออย่างไฟฉายพลังแสงอาทิตย์ ที่จิกกัดยั่วล้อสังคมนิด ๆ หน่อย ๆ ว่าหากกลางวันมีแดดแค่ไหน กลางคืนก็มีไฟใช้เท่านั้นแหละ มันกลายเป็นการประชดประชันสิ่งที่เขาเกลียดในท่าทางที่กวน และดูน่ารักเฉยเลย
จนสุดท้ายเขาก็เผยแพร่สิ่งนี้ออกสู่สาธารณะในชื่อ ‘Chindogu (珍道具)’ ที่ประกอบด้วยคำสองคำ นั่นคือ ‘Chin (珍)’ ที่แปลว่า ‘แปลก’ และ ‘Dougu (道具)’ ที่แปลว่า ‘เครื่องมือ’ หรือ ‘อุปกรณ์’ ที่มีจุดแข็งคือต้องมีประโยชน์ในเรื่องนั้นจริง ๆ แต่ต้องน่าอายสุด ๆ หากคุณใช้มัน
ทันทีที่หนังสือออกสู่สายตาผู้คน มันถูกให้ความนิยมในทันที จากความตลก ขี้เล่น และล้อเลียนสังคมรวมถึงผู้คนได้เป็นอย่างดี มันกลายเป็นคอลัมน์ที่เป็นหน้าเป็นตาของแคตตาล็อก จนต้องมีการรวมเล่มเฉพาะเรื่องนี้ออกมาขายเลยทีเดียว


สุดท้ายความกวนของเขาก็เลยเถิดไปจนทำให้เขาได้ไปแสดงงานของเขาในฐานะ ‘ผลงานศิลปะ’ และมีผู้คนสนใจสิ่งนี้หลายหมื่นคนทั่วโลก จนเกิดเป็น ‘International Chindogu Society’ ที่มีการศึกษาและขยายผลสิ่งนี้อย่างเป็นจริงเป็นจังจนถึงปัจจุบัน
ก่อนจบเนื้อหาเหล่านี้ลง เราหยิบเอาสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ ของเรื่องนี้มาปิดท้าย นั่นคือ ‘หลัก 10 ประการ’ ในการแยกแยะว่าสินค้าที่มีไอเดียโคตรฉลาดอันไหนบ้างที่เข้าข่าย หรือไม่เข้าข่ายความเป็น ‘Chindoku’
1. Chindogu จะต้อง (เกือบ) ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
นี่คือหลักสูงสุด ถ้าสิ่งประดิษฐ์นั้นช่วยเหลือผู้คนได้จริงและเกิดการใช้มันตลอดเวลา นั่นจะไม่ใช่ Chindogu เพราะแม้มันจะขายได้ แต่จิตวิญญาณของมันหายไปเสียแล้ว
2. Chindogu ต้องเกิดเป็นสิ่งประดิษฐ์จริง ๆ เท่านั้น
หากเป็นแค่การออกแบบสิ่งประดิษฐ์บนแผ่นกระดาษ แต่ไม่ได้ทำให้ออกมาเป็นสิ่งประดิษฐ์จริง ถือว่าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็น Chindogu แต่มันจะกลายเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีสิ่งประดิษฐ์แย่ๆ ติดอยู่เพียงเท่านั้น
3. Chindogu ต้องเป็นตัวแทนของเสรีภาพในการคิดและการกระทำ
Chindogu มีอิสระที่จะเป็นในสิ่งที่พวกเขาต้องเป็น ต่างจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั่วไปที่พวกมันได้รับการออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย และมีประโยชน์ใช้สอยชัดเจน
4. ทุกคนจะต้องเข้าใจความไร้ประโยชน์ของ Chindogu นั้น
หากคุณสร้างอุปกรณ์ที่เฉพาะผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้าน (แพทย์ ช่างเครื่อง นักชีววิทยา ฯลฯ) ยอมรับว่าไร้ประโยชน์ อุปกรณ์นั้นก็ไม่ใช่ Chindogu เช่น หากคุณสร้างสิ่งประดิษฐ์ไร้ประโยชน์ที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยในการปฏิบัติงานของกระสวยอวกาศ นักวิทยาศาสตร์ด้านจรวดจะต้องแยกแยะสิ่งประดิษฐ์นั้นจากเครื่องมืออวกาศที่มีประโยชน์ คนธรรมดาจะต้องสามารถรับรู้ถึงความไร้ประโยชน์ได้ทันที
5. จะต้องไม่มีขายตามท้องตลาด
หากเกิดการทำเงินจากสิ่งประดิษฐ์นั้น มันก็จะไม่เป็น Chindogu ในทันที เพราะการทำสิ่งนั้นเป็นการละเมิดจิตวิญญาณหลักของมันเป็นที่เรียบร้อย
6. อารมณ์ขันต้องไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เกิด Chindogu นั้นขึ้น
ความตลกขบขันใดที่เกิดจากการเห็น Chindogu นั้น ๆ ถือเป็นผลข้างเคียงทั้งหมด สิ่งประดิษฐ์จะต้องพยายามแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และจากวิธีแก้ปัญหาที่แหวกแนวนั่นเอง ถึงจะเป็นที่มาของอารมณ์ขันต่อไป
7. Chindogu ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ
แม้พวกมันจะถูกสร้างมาเพื่อใช้งานได้บ้าง และเกือบจะไร้ประโยชน์ก็ตาม สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งโน้มน้าวจิตใจผู้ที่เห็นมัน เพื่อให้คิดอย่างที่มันเป็นเสมอไป
8. Chindogu จะต้องไม่ทำในสิ่งที่ขัดต่อมาตรฐานที่ดีของสังคม
สิ่งประดิษฐ์ของ Chindogu นั้นไม่สามารถสร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงการเสียดสีทางเพศแบบไร้เหตุผล ไม่สื่อสารให้เกิดอารมณ์ขันด้วยความหยาบคาย หรือเรื่องตลกร้ายที่ไม่เคารพต่อสิ่งมีชีวิต
9. Chindogu ไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้
สิ่งประดิษฐ์จะต้องใช้งานได้ฟรี ใครจะสร้างใหม่ เอาไปดัดแปลงแก้ไข หรือทำอะไรกับมันต่อก็ได้ได้ ไม่สามารถมีใครเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์หรือเป็นเจ้าของได้
10. Chindogu จะต้องไม่มีอคติ
Chindogu มองว่ามนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถให้ความสำคัญกับเชื้อชาติ ศาสนา กลุ่มอายุ เพศ หรือชนชั้นได้ในทุกมิติ มันเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหานั้น เรื่องนั้น แบบนั้น เท่านั้น
ที่มา
- https://pen-online.com/design/chindogu-the-art-of-subverting-useful-objects
- https://www.tofugu.com/japan/chindogu-japanese-inventions/
- https://chindogu.com/