อุ้ยเสี่ยวป้อ เจาะเวลาหาจิ๋นซี จอมโจรจอมใจ ดาบมังกรหยก ดาบพิฆาตกลางหิมะ ในยุคนี้ พ.ศ.นี้ล้วนหายไปจากหน้าจอทีวี หรือเมื่อนำนวนิยายมาดัดแปลง เพื่อให้ออกฉายได้ในปัจจุบัน มักลดทอนความเป็นแนว “ฮาเร็ม” ที่ตามนวนิยายพระเอกมีภรรยามีหลายคน แต่พอมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์หรือบทละครทีวีทำไมพระเอกถึงได้รักเดียวใจเดียวเสียได้สะอย่างนั้น และนั่นทำให้แฟนคลับหรือผู้ติดตามนวนิยายกำลังภายในล้วนผิดหวัง บ่นกันระงมว่าเกิดอะไรขึ้นกับซีรีส์กำลังภายในจีนสมัยนี้
เชื่อไหมครับว่าเหตุของที่มาของปัญหาดังกล่าวนั้นดันเชื่อมโยงกับการเมืองของประเทศจีนด้วย The Remark จึงขอพาทุกท่านไปชม ไปปักหมุดทุกจุดหมายข่าว พาไปสืบค้นว่า ซีรีส์จีนแนวฮาเร็มนั้นหายไปไหน เพราะเหตุใดถึงหายไป หรือถูกดัดแปลงไป จนบิดเบือนจากนวนิยาย
หนังฮ่องกงภายใต้อ้อมอกจีน
เอาเข้าจริงซีรีส์กำลังภายที่ในคนไทยเคยได้รับชม รับฟัง รวมถึงซื้อหามาอ่านกันนั้นยุคเริ่มต้นไม่ได้มาจากจีนแผ่นใหญ่ แต่เริ่มต้นมาจากฮ่องกง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนวนิยายของกิ้มย้งที่มักเป็นแนวฮาเร็ม วิพากษ์วิจารณ์การเมืองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่เมื่อฮ่องกงต้องส่งมอบให้กับจีนในปี 1997 ก็ทำให้หนังฮ่องกงเริ่มไม่ใช่ตัวตนของตัวเองอีกต่อไป และภายหลังปี 2000 เป็นต้นมา การเมืองฮ่องกงเริ่มถูกจีนเข้าควบคุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยึดที่นั่งในสภานิติบัญญัติท้องถิ่นของฮ่องกงให้กับฝ่ายที่มีแนวคิดนิยมจีนแผ่นดินใหญ่ หรือการปราบปรามผู้ประท้วง ส่งผลให้สภาวะการณ์ในเกาะฮ่องกงนั้นดูเสมือนว่าโดนจีนควบคุมไปเสียหมดจนไม่เหลือตัวตนของตัวเอง
อิทธิพลของการเมืองกระทบภาวะจิตใจของภาพยนตร์และซีรีส์
ผลกระทบที่ตามมาคือหนังฮ่องกงก็ถูกเซนเซอร์จากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งห้ามการฉายการ์ตูนเนื้อหาไม่เหมาะสม สั่งห้ามทำซีรีส์ย้อนไปในประวัติศาสตร์ ซึ่งหนังย้อนประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เมื่อย้อนไปในอดีตหรือสะท้อนสังคมในอดีตจะมีเรื่องที่สะท้อนความคิดเรื่องที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนเป็นจำนวนมาก โดยอ้างว่าเป็นการลบหลู่ประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งหนังแนวฮาเร็มก็ได้รับผลกระทบไปด้วยจากนโยบายรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ห้ามให้เผยแพร่ภาพยนตร์ที่มีความคิดหลายผัวหลายเมีย
นักแสดงฮ่องกงก็ยังได้รับผลกระทบจากการเมืองไปด้วย เช่น เฉินหลง จากอดีตที่เขาเคยเป็นซุปตาร์ของฮ่องกงเป็นที่ชื่นชอบของชาวฮ่องกง แต่เมื่อรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาควบคุมฮ่องกงมากขึ้น เฉินหลงเองมีแนวความคิดทางการเมืองสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ตัวเขาเองเกิดกระแสตีกลับ ไม่เป็นที่ชื่นชอบของชาวฮ่องกงอีกต่อไป
นี่จึงเป็นผลกระทบจากนโยบายการเมืองของจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อวงการทำภาพยนตร์ของฮ่องกง ทั้งในแง่นโยบายที่เซ็นเซอร์ตีกรอบการสร้างหนังและยังส่งผลให้เกิดความแตกแยกทางการทำให้คนฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นประชาชน นักการเมือง ผู้กำกับ นักแสดงเกิดความแตกแยกอีกด้วย
ฮ่องกง ฮาเร็ม ในวันที่ตลาดซีรีส์จีนโต
ผลกระทบอีกอย่างหนึ่งที่มีผลกระทบต่อซีรีส์แนวฮาเร็ม คือการที่จีนแผ่นดินใหญ่ผลิตภาพยนตร์หรือซีรีส์จีนออกมามากมายและพร้อมที่จะส่งออกโดยมีรัฐบาลสนับสนุน ยังไม่เพียงเท่านั้น ด้วยตลาดภาพยนตร์ของจีนเองมีขนาดใหญ่กว่าฮ่องกงด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่า บวกกับซีรีส์จีนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้ส่งออกภาพยนตร์และซีรีส์ออกไปทั่วโลก เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เกิดฐานแฟนมากมายจากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยที่ติดกันอย่างอมแงม
แน่นอนว่าการส่งออกซีรีส์และภาพยนตร์เหล่านี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อการแย่งตลาดซีรีส์ฮ่องกงที่กำลังถูกตีกรอบและไร้ความอิสระ ขณะที่ภาพยนตร์หรือซีรีส์จีนกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ตามมานั้นคือทำให้บทบาทวัฒนธรรมชาติของจีนแผ่นดินใหญ่กำลังกลบฝังความเป็นจีนฮ่องกงที่เราเคยได้สัมผัสกัน ทำให้ซีรีส์หรือภาพยนตร์แนวฮาเร็มกำลังเลือนหายไปด้วย และกำลังถูกแทนด้วยซีรีส์-ภาพยนตร์ มีคู่จิ้นหญิงชาย และสอดแทรกด้วยแนวคิดรักชาติและความเป็นหนึ่งเดียวของจีนที่มีรัฐบาลจีนปักกิ่งเป็นศูนย์กลางอีกด้วย
ไทยกับการได้รับผลกระทบจาก Soft Power
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ไทยพูดถึงมากที่สุด ณ ขณะนี้คือเรื่อง Soft Power ว่าเราจะส่งออกอะไรที่เป็นของเราจริงๆ ออกไปดี และมันคือ Soft Power ของบ้านเรา แต่ในทางกลับกันเรายังมองไม่เห็น Soft Power ของจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้าบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมการกิน รวมถึงภาพยนตร์และซีรีส์ด้วย
ที่ส่งผลกระทบมากที่สุดแต่คนไทยแทบไม่รู้ตัว คือซีรีส์-ภาพยนตร์ที่สอดแทกประวัติศาสตร์จีนกระแสหลักของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ แทนที่แนวคิดของภาพยนตร์ฮ่องกงที่เราเคยได้รับรู้กัน ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมในแง่การใช้ชีวิต อาหารการกิน ในแง่ความรับรู้ทางประวัติศาสตร์การเมืองก็ต้องผ่านการกรองจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่อย่างที่กล่าวไปแล้ว ทำให้เราจะไม่ได้เห็นซีรีส์หรือภาพยนตร์แนวฮาเร็มอีกต่อไปนั่นเอง
ทำให้เราเป็นภาพได้ดีเลยทีเดียวว่าการผลิตภาพยนตร์หรือซีรีส์นั้น ใครก็คิดว่าสามารถทำได้อิสระ อยู่ที่ผู้เล่า ผู้กำกับ ผู้สร้าง จะสร้างสรรค์อย่างไร แต่เอาเข้าจริงแล้วบทบาททางการเมืองกลับกำกับสิ่งเหล่านี้อยู่ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือซีรีส์แนว “ฮาเร็ม” ที่ถูกควบคุมจากนโยบายของรัฐ ทำให้บทภาพยนตร์หรือซีรีส์แนวนี้ จึงค่อยๆ หายไปจากหน้าจอทีวีในปัจจุบันนั่นเอง
อ้างอิง
- https://mgronline.com/entertainment/detail/9640000106046
- https://mgronline.com/around/detail/9640000056420
- https://themomentum.co/entweeklyrndup-hongkongmovies/
- https://www.bbc.com/thai/international-59065493
- https://news.trueid.net/detail/8KJOODrWxlo4