เมืองหลวงแดงรีเทิร์น

สรุปผลเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ 2568 หลัง "นายกฯ หน่อย" รักษาแชมป์

12 พฤษภาคม 2568

หลังผ่านพ้นการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การเมืองท้องถิ่นเชียงใหม่ก็กลับมาเดือดอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้จัดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งจากข้อมูลของ นพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้ระบุว่า การเลือกตั้งในจังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้มีเทศบาลที่จัดการเลือกตั้ง 121 แห่งมากที่สุดในประเทศ มีผู้สมัครนายกเทศมนตรี 235 คน มีสมาชิกสภาเทศบาล 3,401 คน มีจำนวน 1,793 หน่วยเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 767,111 คน

เฉพาะเทศบาลนครเชียงใหม่ที่หลายฝ่ายจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศ และสนามประลองกำลังทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาล อย่าง พรรคเพื่อไทย ที่คราวนี้ลงมติเลือกแชมป์ปัจจุบันอย่าง หน่อย-อัศนี บูรณุปกรณ์ มาป้องกันเก้าอี้อีกสมัย จากเดิมที่เคยลงในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ซึ่งรอบนี้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้บินมาช่วยหาเสียงเมื่อช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคประชาชน ก็ส่ง เหมา-ธีรวุฒิ แก้วฟอง อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วกลับมาลงแข่งอีกครั้ง เช่นกันของฝั่งพรรคประชาชนก็ขนทั้ง ชัยธวัช ตุลาธน, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมาช่วยหาเสียงเต็มที่ ท่ามกลางการฟาดฟันระหว่างสองฝ่าย ไปจนถึงข้อครหาว่าจะมีการทุจริตหาเสียงเกิดขึ้น จนทำให้การเมืองเชียงใหม่ร้อนเป็นไฟไม่แพ้อากาศหน้าแล้ง

ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งรอบนี้ก็มีผู้สมัครที่หวังท้าชิงในตำแหน่งนายกเล็กเมืองเชียงใหม่อีก 3 คน ได้แก่ หยก-ปนันรัตน์ วิริยะกุลศานต์ ลูกสาวคนเก่งของ “เจ้ปุ้ย” วิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าจะได้ลงเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทย ก่อนจะพลิกล็อกจนมาลงสมัครในนามกลุ่มเพื่อนเชียงใหม่แทน หลังจากทำงานลงพื้นที่มากว่า 2 ปี, การย์วิชญ์ วงษ์ทอง รองประธานมูลนิธิเอ็มพลัส อดีตเลขาธิการสมาคมเสริมสวยแห่งประเทศไทยภาคเหนือและอดีตอุปนายกสมาคมไทยล้านนา สปา ที่คราวนี้มาในฐานะผู้สมัครจากพรรคก้าวอิสระ ที่นำโดย “มาดามหยก” กชพร เวโรจน์ ซึ่งทำงานเคลื่อนไหวด้านจิตอาสาในเมืองเชียงใหม่มาหลายปี และผู้สมัครคนสุดท้ายอย่าง ว่าที่ร้อยเอก ดร.จอห์นนพดล วศินสุนทร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ที่ลงสมัครในนามอิสระ และฉีกแนวกลยุทธ์ในการหาเสียง โดยเน้นการสื่อสารผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์เพียงอย่างเดียวมากกว่าการจัดเวทีปราศรัยใหญ่แบบผู้สมัครรายอื่น

เมื่อหีบเลือกตั้งปิดลงในเวลา 17.00 น. ตรง ของวันที่ 11 พฤษภาคม ใช้เวลาในการนับคะแนนเสียงไม่นานก็ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ โดยผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ คือ “หน่อย-อัศนี บูรณุปกรณ์” ที่สามารถรักษาเก้าอี้นายกเล็กได้สำเร็จ ด้วยคะแนนเสียง 19,738 คะแนน โดยทุบสถิติคะแนนที่เคยได้ในการเลือกตั้งคราวก่อน และคราวนี้ก็สามารถนำผู้สมัครพรรคเพื่อไทยคว้าเก้าอี้สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ทุกเขต โดยเฉพาะเขต 3 และเขต 4 ที่คว้ามายกทีม ขณะที่คู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้านอย่าง “เหมา-ธีรวุฒิ แก้วฟอง” แม้จะได้คะแนนเสียงกว่า 15,715 คะแนน :ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่ก็ไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ซ้ำยังส่งผู้สมัครพรรคประชาชนคว้าเก้าอี้สมาชิกเทศบาลได้เพียงคนเดียว จากที่เคยได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ในเขตเมือง ขณะที่ “หยก-ปนันรัตน์ วิริยะกุลศานต์” แม้จะลงสนามเลือกตั้งครั้งแรกและไปไม่ถึงเก้าอี้นายกเล็ก แต่ก็สร้างผลงานได้ประทับใจ เพราะสามารถคว้าคะแนนเสียงไปกว่า 12,931 คะแนน แถมส่งผู้สมัครในทีมคว้าเก้าอี้สมาชิกสภาเทศบาลสำเร็จ ขณะที่ผู้สมัครรายอื่น ๆ ได้รับคะแนนลดหลั่นกันมา แต่ก็ไม่มากพอที่จะเข้าไปถึงเก้าอี้นายกฯ และสภาเจดีย์ขาว

บทสรุปการเลือกตั้งนายกเล็กเมืองเชียงใหม่ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการรักษาแชมป์ของทายาทตระกูลนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังที่ครองเก้าอี้การเมืองท้องถิ่นเชียงใหม่มาหลายปี แต่ยังเป็นการกลับมาทวงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยที่เคยครองเสียงชาวเชียงใหม่ ก่อนจะพลาดให้กับพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในปัจจุบัน เมื่อครั้งเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี พ.ศ. 2566 ซึ่งคราวนี้พรรคเพื่อไทยสามารถทวงคืนเชียงใหม่ได้ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเทศบาลนครเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อย จากนี้ไปอีก 4 ปี ถึงคราวจับตาการทำงานของนายกเล็กว่าจะพาเชียงใหม่ไปทางไหน ท่ามกลางปัญหาที่รอการแก้ไข ทั้งการขุดถนนนำสายไฟลงใต้ดิน ปัญหาถนนเป็นหลุมเป็นบ่อในคูเมือง การรับมือน้ำท่วม หมอกควัน และภัยธรรมชาติต่าง ๆ เป็นต้น

ที่มา