โคคา-โคล่า, Coca-Cola, ยา, Coke, โค้ก

ท่ามกลางอากาศเมืองไทยที่มีแต่ฤดูร้อนกับฤดูร้อนมาก ๆ ทำให้ใครหลายคนเลือกที่จะดื่มน้ำอัดลมเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย และน้ำอัดลมอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลก็คือ ‘โคคา-โคล่า’ หรือ ‘โค้ก’ ซึ่งรู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้าที่โค้กจะมาเป็นเครื่องดื่มอย่างในทุกวันนี้ น้องเขาเคยเป็นยามาก่อน แถมยังเคยมีโคเคนเป็นส่วนผสมอีกด้วย  

โดยเรื่องราวต้องเล่าย้อนกลับไปในช่วงปี 1886 ‘จอห์น เพมเบอร์ตัน’ (John Pemberton) ชายหนุ่มผู้เป็นเภสัชกรและทหารผ่านศึก ได้ทำการคิดค้นโคคา-โคล่าขึ้นมา และจอห์น เพมเบอร์ตันได้อ้างว่า ยาชนิดนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการการติดมอร์ฟีนของเขาได้ ซึ่งการติดมอร์ฟีนมีที่มาจากการที่เขาใช้มันเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บจากช่วงที่ออกรบ โดยสูตรดั้งเดิมของมันถูกเรียกว่า ‘Pemberton’s French Wine Coca’ มีส่วนผสมของแอลกฮอล์และสารสกัดจากใบโคคาและถั่วโคลา จากนั้นจึงวางขายเป็นยาพร้อมกับจดสิทธิบัตร มีการโฆษณาว่ายานี้สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัว, อาการอ่อนเพลีย, อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และโรคทางประสาท เป็นความเจ็บป่วยที่ยังคลุมเครือทางการแพทย์อยู่ในห้วงเวลานั้น นอกจากนี้ ตัวยายังมีส่วนผสมของโคเคนที่คอยกระตุ้นประสาทไปพร้อมกับคาเฟอีนจากถั่วโคลา แต่ส่วนผสมของโคเคนได้ถูกนำออกไปในภายหลัง

‘Pemberton’s French Wine Coca’ ค่อนข้างได้รับความนิยมอยู่มากพอสมควร เพราะช่วงนั้นได้รับการโฆษณาว่าเป็นยารักษาโรคครอบจักรวาล โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับประสาทต่าง ๆ ซึ่งเป็นโรคที่กำลังรุมเร้าชาวอเมริกันในยุคนั้น และการอ้างสรรพคุณที่เกินจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องปกติในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เพราะยุคนั้นยังเป็นช่วงที่ยารักษาโรคยังไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือตามมาตรฐานเฉกเช่นในปัจจุบัน 

โคคา-โคล่าสูตรดั้งเดิม อย่าง Pemberton’s French Wine Coca มีโคเคนเป็นส่วนผสมประมาณ 9 มิลลิกรัมต่อแก้ว แต่การใช้โคเคนเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ยุคนั้นยังไม่ผิดกฎหมาย และสามารถวางจำหน่ายได้อย่างเปิดเผย และกว่าที่โคเคนจะมีชื่อเสียงด้านลบ ๆ อย่างในปัจจุบัน เวลาก็ล่วงเลยมาถึงปี 1903 ซึ่งการจดสิทธิบัตรยาของโคคา-โคล่าในช่วงแรกที่อ้างว่าเป็นยารักษาการติดสารเสพติดนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนยิ่งติดสารเสพติดมากขึ้นไปอีก

หลังจากนั้นโคเคนได้ถูกนำออกจากสูตรตั้งแต่ก่อนจะมีกฎหมายเข้ามาห้าม และโคคา-โคล่าก็ได้เริ่มทำแคมเปญโฆษณาขึ้นใหม่ โดยใช้การเน้นย้ำถึงประโยชน์ด้านสุขภาพที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ในการทำการตลาดตั้งแต่ช่วงปี 1940 – 1950 ได้พยายามสะท้อนภาพให้เห็นว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ช่วยปลุกให้ตื่นยามเช้า, ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และช่วยกระตุ้นร่างกายคล้าย ๆ กับพวกชาหรือกาแฟ รวมถึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพแทนเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ดี แม้แคมเปญโปรโมต ‘โค้กในมื้อเช้า’ จะถูกยกเลิกไปในที่สุด แต่ก็เป็นการทำให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนานของโคคา-โคล่า ที่ก่อนจะมาเป็นเครื่องดื่มดับกระหายอย่างในปัจจุบันก็เคยวางตัวเป็นยาบำรุงสุขภาพมาก่อนนั่นเอง

อ้างอิง