ร้านสะดวกซื้อเดลิเวอรี่

ท่ามกลางอากาศประเทศไทยที่ร้อนระอุในเวลานี้ อุณหภูมิการแข่งขันของร้านสะดวกซื้อคงจะเดือดไม่แพ้กัน เมื่อร้านสะดวกซื้อไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าอีกต่อไป เพราะยังมีทางเลือกที่ดีและสะดวกสบายไปมากกว่านั้นเข้ามาแทนที่ อย่าง บริการเดลิเวอรี่ของร้านสะดวกซื้อ เพียงแค่สั่งสินค้าผ่านมือถือโดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปซื้อสินค้าถึงหน้าร้านก็มีสินค้ามาส่งถึงหน้าบ้าน ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบรรยากาศที่ร้อนแบบนี้ บริการนี้จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

สำหรับบริการเดลิเวอรี่ของร้านสะดวกซื้อเป็นหนึ่งในบริการที่พยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมองลูกค้าที่ซื้อของน้อยชิ้นและราคายอดบิลไม่สูงมาก ดังนั้นบริการนี้ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มยอดขายของร้านสะดวกซื้อได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการสั่งสินค้าผ่านบริการเดลิเวอรี่ของร้านสะดวกซื้อแต่ละครั้งจะมีขั้นต่ำของการสั่งสินค้าต่อบิล หรือเสียค่าบริการการจัดส่งหากสั่งไม่ถึงขั้นต่ำตามที่ร้านกำหนด แต่บริการนี้ถือเป็นทางเลือกของการแย่งชิงลูกค้าและเพิ่มยอดขายของร้านสาขาอีกทางหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้  

ปัจจุบันมีสองแบรนด์ที่มีบริการร้านสะดวกซื้อเดลิเวอรี่ คือ 7-Eleven Delivery ของ เซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเปิดทดลองระบบเมื่อช่วงปลายปี 2562 ให้บริการผ่าน 7-Delivery  ตั้งแต่เวลา 07.00 – 21.00 น.  แต่บางสาขาอาจจะปิดบริการเดลิเวอรี่ตั้งแต่ 18.00 น. และการสั่งซื้อสินค้าไม่มีการกำหนดขั้นต่ำ แต่เมื่อสั่งสินค้าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไปส่งฟรี ส่วนการชำระเงินนั้นมีให้เลือก 2 ทางเช่นเดิม คือ จ่ายเป็นเงินสด และ 7-Delivery รวมถึงมีคะแนน ออล เมมเบอร์ ให้สะสมเพื่อใช้เป็นส่วนลดได้อีกด้วย ปัจจุบัน เซเว่น อีเลฟเว่น มีสาขาให้บริการเดลิเวอรี่ 14,545 สาขา ซึ่งในปี 2567 ตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเปิดอีก 700 สาขาทั่วประเทศ 

ส่วนอีกค่ายคือ Tops Daily ในโมเดลมินิซูเปอร์มาเก็ตที่จะมาลุยตลาดร้านสะดวกซื้อของกลุ่มเซ็นทรัลต่อจาก Family Mart ที่กำลังทยอยโบกมือลาตลาดไป เพื่อแข่งขันกับพี่ใหญ่อย่างเซเว่นและร้านสะดวกซื้อแบรนด์อื่น ๆ และชิงความได้เปรียบกว่าแบรนด์อื่นที่หันมาจับมือกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เพื่อรักษาฐานลูกค้าเช่นกัน เพราะหมดยุคร้านสะดวกซื้อที่รอลูกค้าเดินมาหาอีกต่อไป สำหรับปัจจุบัน Tops Daily มีสาขาทั่วประเทศจำนวน  515 สาขา 

LAWSON 108 หรือ ลอว์สัน 108 จากค่ายสหพัฒน์ฯ ไม่น้อยหน้า ร้านสะดวกซื้อเบอร์ 3 ในตลาด ได้รักษาฐานลูกค้าด้วยการจับมือกับแอปพลิเคชันฟู้ดแพนด้ารุกตลาดเดลิเวอรี่เช่นกัน โดยแบ่งการให้บริการเป็น 2 ส่วน คือจำหน่ายสินค้า ออริจินัล ลอว์สัน 108 พร้อมจัดเซ็ตเมนูพิเศษบนแพลตฟอร์ม และจำหน่ายสินค้าแบบร้านสะดวกซื้อออนไลน์ บน pandaMart โดยมีสินค้าเช่นเดียวกับหน้าร้าน โดยลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาเดียวกับหน้าร้าน ส่วนบริการเดลิเวอรี่บนแอปพลิเคชัน foodpanda จะให้บริการในระยะทางไม่เกิน 3 – 5 กิโลเมตร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจจัดส่งอาหารไปยังที่พัก หรือ Food Delivery ต้องเผชิญกับยอดสั่งซื้ออาหารที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาขับเคลื่อนได้ตามปกติ และผู้บริโภคมีการปรับพฤติกรรมมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2566 ตลาดธุรกิจ Food Delivery น่าจะหดตัวลง 0.8 – 6.5% จากฐานที่สูงในปี 2565 ผ่านปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารจึงต้องปรับตัวรองรับกับโจทย์ธุรกิจ Food Delivery ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานตลาดไปยังต่างจังหวัด การนำเสนอแพ็กเกจรายเดือนเพื่อให้ลูกค้าเก่าใช้งานต่อเนื่อง การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มที่เกี่ยวเนื่อง เช่น บริการฝากซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต และกระจายฐานธุรกิจไปหลากหลาย เช่น ธุรกิจเรียกรถรับส่ง ธุรกิจจองที่พัก เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการบริการฝากซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่แม้จะสะดวกต่อการบริหารจัดการของร้านสะดวกซื้อแต่ก็ยังมีค่าบริการจัดส่งที่ผู้บริโภคต้องจ่ายอยู่ดี ดังนั้นบริการเดลิเวอรี่ของร้านสะดวกซื้อที่บริการครบจบในแบรนด์เดียว ไม่เสียค่าบริการ และมีโปรโมชั่นสร้างแรงจูงใจลูกค้า ถือเป็นความได้เปรียบเพื่อแย่งชิงลูกค้าท่ามกลางการแข่งขันในตลาดร้านสะดวกซื้อได้เป็นอย่างดี