หลังจากการแข่งขันฟุตบอลยูโรคู่ระหว่าง “โปรตุเกส 🇵🇹 พบ สโลวีเนีย 🇸🇮” ในช่วงเวลาต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 104′ เมื่อโปรตุเกสได้จุดโทษจากจังหวะผู้เล่นเกมรับสโลวีเนียเข้าไปรุมกินโต๊ะ “ดิโอโก้ โชต้า” เสียท่าให้กับตัวรุกของคู่แข่ง และเป็นกัปตันทัพฝอยทองอย่าง “คริสเตียโน โรนัลโด” รับหน้าที่สังหารจุดโทษ ดวลกับ “ยาน โอบลัค” จอมหนึบกัปตันทีมของสโลวีเนีย
การดวลกันของสองกัปตันของชาติเป็นโรนัลโดตัดสินใจยิงพุ่งทางขวามุมถนัด แต่เป็นโอบลัคที่อ่านทางบอลไว้ได้ พุ่งปัดถูกทางรักษาสกอร์ของเกมเอาไว้ จนนกหวีดเป่าจบหมดเวลาการแข่งขันตลอด 120 นาที ต้องไปดวลจุดโทษสุดท้ายเพื่อหาผู้ชนะเข้าสู่รอบต่อไปของการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของเกมหลังจากที่โรนัลโดพลาดจุดโทษเพื่อชัยชนะของทีม เขาหลั่งน้ำตาออกมาจากสิ่งที่พลาดโดยที่การแข่งขันยังไม่จบดี ทุกคนในทีมถึงกับต้องเดินเข้าไปปลอบเขาในช่วงเวลาที่สะเทือนใจอันแสนสั้น มันได้ตั้งข้อสงสัยมากมายต่อทุก ๆ คนที่กำลังรับชมในเหตุการณ์นี้ ว่าทำไมคนที่ถูกยกว่าเป็นผู้เล่นดีสุดของยุโรปถึงเปราะบางทางความรู้สึกต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
นี่เป็นเรื่องราวเล็ก ๆ แต่มีความน่าสนใจเอ่อล้นมหาศาลจากนักฟุตบอลระดับ “G.O.A.T (Greatest Of All Time)” ที่ทุกสายตาต่างจับตามองตัวเขา วันนี้มาไขข้อข้องใจจากน้ำตาที่หลั่งรินของ “คริสเตียโน โรนัลโด” กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานจากสิ่งที่เขาอยากจะบอกให้รับรู้
🇵🇹 สาเหตุของน้ำตาจากผลงานยูโร 2024 ที่ผ่านมา
คริสเตียโน โรนัลโด คือผู้เล่นที่สร้างสถิติมากมายให้กับการแข่งขันฟุตบอลยูโร โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 6 ของการได้มาลงเล่นในรายการนี้ นับตั้งแต่ปี 2004 จนผ่านมา 20 ปีกับบทบาทจากดาวรุ่งของชาติสู่กัปตันทีมผู้เป็นความหวังของแฟนบอลประเทศโปรตุเกส
นอกจากจะลงเล่นมาตลอด 20 ปีแล้ว ยังมีสถิติมากมายในรายการ ทั้งเป็นผู้เล่นที่ลงเล่นมากสุด 29 เกมในเวลานี้ ยิงประตูมากสุดของการแข่งขันที่ 14 ประตู (ไม่นับจุดโทษล่าสุด) และเพิ่งกลายเป็นผู้สร้างโอกาสให้เพื่อนทำประตูหรือที่เรียกว่า “แอสซิสต์” ที่ 8 ครั้ง
แต่เมื่อมาดูผลงานของปีล่าสุด หลังผ่านไป 4 เกม (นับที่พบสโลวีเนียล่าสุดด้วย) เขาคือผู้เล่นที่มีโอกาสการทำประตูมากสุดที่ 20 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถเป็นประตูได้เลย โดย 4 นัดที่ผ่านมาเขาไม่สามารถยิงประตูได้มีเพียงแค่ 1 แอสซิสต์ที่ทำให้เขาสร้างสถิติสูงสุดทางด้านนี้เท่านั้น
ยังดีที่เมื่อดูผลงานของโปรตุเกสที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเอฟ หลังจากผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้พวกเขามี 6 คะแนน แม้จะพ่ายต่อทีมชาติจอร์เจีย 🇬🇪 ในเกมสุดท้าย 2 – 0 โดยตลอดเกมโรนัลโดไม่สามารถผลิตสกอร์เพื่อประตูชัยของทีมได้
นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเองก็ตระหนักถึงผลงานที่ดรอปลง จากผลงานในอดีตที่ทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นราชาลูกหนังของยุโรปที่รับบทบาทกัปตันทีมคว้าแชมป์ถ้วยนี้มาได้ในปี 2016 ยิ่งทำให้เขารับรู้ถึงความคาดหวังที่มีต่อเขาตลอดการลงเล่นในสนาม และอาจสร้างความกดดันสำหรับเขาที่ต้องการอยากให้ผลงานมันดีอย่างเสมอมา
🇵🇹 โอกาสครั้งสุดท้ายของชายวัย 39 ปี
หลายคนอาจลืมไปว่า โรนัลโดมีอายุปัจจุบัน 39 ปี และหากต้องไปเล่นในฟุตบอลยูโรรอบหน้า เขาจะมีอายุ 43 ปี นี่อาจเรียกได้ว่าอาจเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายในนามทีมชาติของเขากับการแข่งขันในฟุตบอลระดับทวีปนี้ และเป็นการส่งต่อสู่นักฟุตบอลรุ่นถัดไปเพื่อสานต่อเป้าหมายของชาติในการคว้าแชมป์รายการนี้
ในขณะเดียวกัน หากปีนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขายังมีโอกาสในฐานะพี่ใหญ่และกัปตันทีมที่จะใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาควบคู่กับนักเตะที่มีศักยภาพของทีมในเวลานี้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หากตกรอบไปแล้ว โอกาสจะลุ้นแชมป์ปีนี้ก็อาจจบลง
ด้วยลูกโทษที่มีโอกาสจะพาทีมชนะและผ่านเข้ารอบไปได้ หากต้องถึงการดวลจุดโทษแล้วพ่ายขึ้นมา สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากให้อภัยตัวเองที่รับหน้าที่แล้วพลาดโอกาสไปได้ จุดนี้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ที่ต้องพบเจอต่อสถานการณ์ที่ต้องรับมือกับความผิดพลาด และต้องผ่านมันไปให้ได้ แต่นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่ชายวัย 39 ปีจะต้องเดิมพันเอาไว้ได้
🇵🇹 เหตุผลของน้ำตาหลังเป็นผู้สังหารจุดโทษคนแรกเพื่อแก้ตัว
หลังจากที่เกริ่นถึงส่วนหนึ่งของที่มาเกี่ยวกับตัวเขา (โรนัลโด) ย้อนกลับมาหลังจากจบเกมที่เสมอสโลวีเนีย 0 – 0 และต้องถึงฎีกาดวลจุดโทษ แม้ว่าเขาจะผิดพลาดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น และตัดสินใจรับผิดชอบในฐานะกัปตันทีมของชาติ เพื่อยิงจุดโทษเป็นคนแรกของทีม
การยิงจุดโทษท้ายเกมคือการดวลกันของตัวแทนผู้เล่น 5 คนของแต่ละทีม หากทีมใดยิงได้มากสุดก็จะชนะไป ถ้าเสมอกันก็นำผู้เล่นที่เหลือเป็นตัวแทนมายิงจุดโทษจนกว่าจะหาทีมที่ชนะไปได้ โดยการเลือกคนที่ยิงเป็นคนแรกเปรียบดั่งช้างเท้าหน้า ที่จะเรียกความมั่นใจให้กับทีมได้
เมื่อต้องดวลกันอีกครั้งกับโอบลัค ครั้งนี้ถ้าหากพลาด อาจนำไปสู่โอกาสตกรอบได้ และเมื่อกรรมการเป่านกหวีดให้สัญญานโรนัลโดเลือกยิงเปลี่ยนเป็นฝั่งซ้ายเข้าข้อ แม้โอบลัคจะพุ่งถูกอีกครั้ง แต่ชายที่แบกรับความหวังของชาติและคนในทีมอัดบอลเต็มข้อเข้ามุมขึ้นนำให้โปรตุเกส หลังจากที่คู่แข่งโดนผู้รักษาประตูของโปรตุเกสอย่าง “ดิโอโก้ คอสต้า” ป้องกันไว้ได้
โรนัลโดยกพนมมือไว้ไปทางแฟนบอลฝั่งตัวเอง ที่กำลังดีใจกับประตูสำคัญที่เกิดขึ้น เขาขออภัยจากสิ่งที่พลาดและครั้งนี้เขาทำมันได้อย่างดี นั่นช่วยให้โมเมนตัมของทีมโถมมาที่ฝั่งฝอยทองที่กำลังได้ความมั่นใจจากกัปตันทีมของพวกเขา
หลังผ่านไป 3 คนแรก เป็นคอสต้าที่ป้องกันลูกบอลไม่ให้ตาข่ายได้สั่นไหว และเป็นผู้เล่นอีก 2 คนของโปรตุเกส “บรูโน่ เฟอร์นันเดส” และ “แบร์นาโด้ ซิลวา” ที่สามารถยิงจุดโทษมาได้ ส่งผลให้โปรตุเกสผ่านเข้ารอบด้วยการยิงจุดโทษ 3 – 0 โดยไม่ต้องยิงถึงผู้เล่นคนที่ 5 ด้วยสกอร์ที่ขาดไปแล้ว
หลังจบเกมกับคำถามที่ทุกคนอยากจะรู้ต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น โรนัลโดได้ให้สัมภาษณ์ถึงความในใจ และเหตุผลต่าง ๆ ของน้ำตาที่ทำให้คาใจ
“แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็มีวันที่แย่ได้ ผมรู้สึกตกต่ำถึงขีดสุดในช่วงเวลาที่ทีมต้องการผมมากที่สุด” คำตอบพ่วงอาการน้ำตาคลอเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา”
“ความเศร้าเริ่มขึ้น กลายเป็นความสุขในท้ายสุด นั่นคือสิ่งที่ฟุตบอลเป็น ช่วงเวลาที่อธิบายไม่ได้ ตอนนี้ผมทั้งเสียใจและมีความสุขไปพร้อมกัน”
“แต่สิ่งสำคัญสุดคือการทำให้สำเร็จ เราทำผลงานได้ยอดเยี่ยม พวกเราสู้ยันท้ายที่สุด และผมคิดว่าเราคู่ควรเพราะเราดีกว่า”
คำตอบของโรนัลโดที่บ่งบอกว่าเขาเองก็รู้ถึงผลงานที่แย่ และช่วงเวลาที่สร้างให้เขาต้องกังวล แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ทำให้เขาผ่านมาได้ ด้วยขุมกำลังที่ดี และแรงใจของคนในชาติ ที่สื่อให้เขาต้องทำให้สำเร็จ และพวกเขาทำมันได้
แต่ถึงกระนั้น ผลงานของโรนัลโดก็ยังเป็นที่ถูกจับตามอง และพร้อมจะวิจารณ์เขาในฐานะผู้เล่นที่ดีสุดของทวีป จากสิ่งที่เรียนรู้ในครั้งนี้ อาจทำให้เราได้เรียนรู้ว่าแม้แต่คนที่เข้มแข็งหรือยิ่งใหญ่ ก็พร้อมแสดงความอ่อนโยนออกมาในช่วงเวลาที่ต้องฟันฝ่าและผ่านพ้นมันไปให้ได้
อ้างอิง
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/ceqd93gq6yzo?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0auXEgOxx7bE6D8bY1L_avalhT8MUj6QEosjMohBj7ohsA5fJrwCvFzsU_aem_kkuwkSJ7THU-FaWOJWnYdg
- https://www.siamsport.co.th/football-euro/55946/
- https://www.siamsport.co.th/football-euro/55123/
- https://www.siamsport.co.th/football-euro/55964/