“มีแต่คนเสียสติเท่านั้นแหละ ที่ทำซ้ำ ๆ แต่คาดหวังผลลัพธ์ใหม่ ๆ”

‘สิงโต นำโชค’ พูดประโยคนี้ของ ‘โน้ต-อุดม แต้พานิช’ ในรายการป๋าเต็ดทอล์ก ในช่วงที่เขาเล่าเกี่ยวกับวิธีคิดในการทำงานเพลงของ ‘DTK BOY BAND’ กลุ่มศิลปินที่รวมตัวเฉพาะกิจเมื่ออยากทำเพลงเท่านั้น แต่เมื่อทำเพลงออกมาทีไร ก็ได้รับความสนใจจากผู้ฟังชาวไทยอยู่เสมอ

‘DTK BOY BAND’ อาจไม่ใช่ศิลปินเฉพาะกิจที่เกิดจากการอยากทำเพลงของคนหลายคนมารวมกันเป็นกลุ่มแรก แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างและน่าจับตามองทุกครั้งเมื่อมีผลงานใหม่ออกมาคือความคิดสร้างสรรค์และการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ

หรือแม้แต่การไปเรื่อยของพวกเขาเองด้วย

กลุ่มศิลปินนี้เกิดจากการรวมตัวของคนที่เผอิญรู้จักกันอย่าง ‘โน้ส – อุดม แต้พานิช’ ที่จัดเดี่ยวไมโครโฟนตามปกติ และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาชวน ‘สิงโต – นำโชค ทะนัดรัมย์’ ให้มาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนเริ่มโชว์ และหลังจากนั้นสิงโตก็มีโอกาสร่วมงานกับโน้สอีกหลายครั้ง ติดสอยห้อยตามไปงานนั้นบ้าง งานนี้บ้าง

ขณะเดียวกันเมื่อปี 2560 ก็มีภาพยนตร์เรื่องนายไข่เจียวเสี่ยวตอร์ปิโด ที่ทำให้ ‘ก้อง – อัครเดช ยอดจำปา’ หรือ ‘ก้อง ห้วยไร่’ ได้มารู้จักกับ ‘สิงโต นำโชค’ ซึ่งเป็นนักแสดงนำกันทั้งคู่ ที่ได้ร่วมงานและรู้จักกัน และทำให้พวกเขาได้รู้จักกับโน้สต่ออีกที

สิงโตเล่าว่าในช่วงท้าย ๆ ของการอยู่กับต้นสังกัดอย่าง ‘What The Duck’ เขาเริ่มเคว้งคว้างกับการเป็นตัวเอง และเริ่มรู้สึก Self-Esteem ต่ำลงในบางมุม จากการรู้สึกว่าเพลงที่ทำเริ่มซ้ำเดิม และความกดดันจากความสำเร็จก่อนหน้าอย่าง ‘ทิ้ง (2553)’ หรือ ‘อยู่ต่อเลยได้ไหม (2555)’ ที่ทำให้เขาหลีกหนีจากแนวทางการทำเพลงเดิม ๆ ได้ยากเต็มที แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม

ช่วงระหว่างนั้นทั้งสิงโต และก้อง ก็ได้มาคลุกคลีอยู่กับโน้สในระยะเวลาหนึ่งแล้ว มีหลายครั้งที่พวกเขาคุยกันเรื่องการทำดนตรี และได้รับคำแนะนำจากโน้สมากมายว่าลองทำแบบนี้ดูมั้ย แบบนั้นดูหรือเปล่า จนกลายเป็นโปรเจกต์เล็ก ๆ ที่พวกเขาลองทำเพลงด้วยกัน และได้ปล่อยเป็นเพลง มี MV จริงจังเพลงแรกในชื่อ ‘ลองรัก’

ในคอมเมนต์ของเพลงนี้ระบุไว้ว่าต้นทางอยู่ที่โซฟาในห้องเล่นที่บ้านของเขาเมื่อปี 2560 ที่สิงโต และก้อง มากินข้าวกันที่บ้าน แล้วสิงโตก็เกากีตาร์ ฮัมทำนองมั่ว ๆ ขึ้นมา ส่วนโน้สกับก้อง ก็ด้นเนื้อเพลง และร้องแร็ปสด ๆ ไหลตามไป จากบ่ายสองถึงบ่ายสี่โมงของวันนั้น โดยมี ‘กิจ – กิจจาศักดิ์ ตริยานนท์’ ช่วยประกอบรวมกันจนกลายเป็นเพลง แล้วพวกเขาก็ลืมมันไป

ผ่านเวลามาเกือบปี พวกเขาเลยนึกขึ้นได้ว่ามีสิ่งนี้อยู่ที่ควรทำให้เสร็จ เพราะทิ้งไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์ พวกเขาเลยเอามาพัฒนาต่ออย่างจริงจัง โดยได้ ‘นีโน่ – เกริก ชาญกว้าง’ มาเป็นโปรดิวเซอร์ และทำมิวสิควิดีโอขึ้นมา ปล่อยลงช่อง Youtube เดียวกันกับเดี่ยวไมโครโฟน

“ทันทีที่พวกเราได้ดูมิวสิกฯ หลังจากตัดต่อเสร็จเป็นครั้งแรกกลางร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเยาวราช ภาพตรงหน้าทำให้พวกเรามั่นใจได้ว่าในยุคสมัยที่บอยแบนด์เกาหลีกำลังตีตลาดบอยแบนด์บ้านเรา ดม โต ก้อง พร้อมแล้วครับที่จะทำทุกอย่างให้ย่ำแย่ไปกว่าเดิม ซ้ำเติมกันไปให้จมดินไปเลยครับ” โน้สลงท้ายข้อความนี้ในคำอธิบายที่ไปที่มาเพลงแรกของพวกเขาไว้แบบกวน ๆ

หลังจากความสำเร็จของผลงานแรก DTK BOY BAND ก็มีผลงานตามมาอีกหลายเพลง ทั้ง ‘ลองรวย’ เพลงจิกกัดพฤติกรรมความรวยของคนไทย หรือพฤติกรรมการ Flex ในเพลงแร็ปในยุคนี้ ‘รองช้ำ’ เพลงที่เนื้อหากลมกล่อม แถมยังได้ MV ที่ปั่นอย่างมีรายละเอียด จิกกัดทุกเรื่องราวในสังคมเอาไว้ใน MV เดียว หรือ ‘คืนกูสา (ลองทวง)’ เพลงอีสานไทบ้านเพลงแรกของพวกเขา จนมาถึงเพลงล่าสุดอย่าง ‘ลองโจ๊ะ’ ที่เพิ่งปล่อยรับเทศกาลสงกรานต์ไปเมื่อช่วงเมษายนที่ผ่านมา

แนวทางของเพลง ‘DTK BOY BAND’ ถือได้ว่าตั้ง Concept มาได้ชัดเจนตั้งแต่แรก แม้จะเป็นการแต่งเพลงเล่น ๆ กันขึ้นมา ทั้งการวางรูปแบบของเพลง ที่ตั้งชื่อเพลงให้คล้ายกันในคำว่า ‘ลอง..’ แล้วมีอะไรต่อท้าย จะมีต่างไปบ้างก็คือเพลง ‘รองช้ำ’ ที่ไม่ได้ใช้คำว่า ‘ลอง’ เพราะมีเนื้อเพลงท่อนหนึ่งกล่าวว่า “เป็นรองมันช้ำ ที่เดิมซ้ำ ๆ โดนเหยียบโดนย่ำอยู่ส้นบาทา” ที่หยิบเอาการตัดพ้อเรี่องความรักมาต่อยอดให้เป็นเพลง

และการวางตำแหน่งของผู้ร้อง อย่างการให้สิงโต รับหน้าที่ Main Vocal คอยร้องเพลงท่อนเปิด และท่อนฮุก ส่วนโน้สและก้องรับหน้าที่ Main Rap โดยแบ่งพาร์ตเป็นโน้สร้องเนื้อแร็ปท่อนภาษาไทยกลาง และก้องร้องเนื้อแร็ปท่อนภาษาไทยอีสาน

หรืออย่างการสร้างสรรค์ MV ที่ทำออกมาได้แตกต่าง ภาพรวมเต็มไปด้วยความครีเอทีฟที่ซุกซ่อนอยู่ตามซีนต่าง ๆ แม้แต่เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายที่มี Visual สะดุดตาจนต้องดู เนื้อหาหรือ Easter Egg ในแต่ละเพลงก็ชวนให้ผู้ฟังต้องดูภาพไปด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ

อีกทั้งแนวทางการสร้างสรรค์เพลงของบอยแบนด์กลุ่มนี้ก็น่าสนใจ เพราะถ้ารู้สึกว่าอันไหนที่แต่งมาไม่ใช่ ก็โยนทิ้งไปแล้วแต่งใหม่ทำใหม่ได้เลย จะแก้กี่ครั้งก็แล้วแต่ไม่ใช่ปัญหา ถ้าทำแล้วไม่ใช่ก็ไม่ปล่อย แนวไหนที่เคยทำแล้วไม่เอา ทำซ้ำกับเพลงอื่นก็ไม่ทำ เรียกได้ว่าต้องดีและปราณีตพอแล้วจริง ๆ จึงจะกลายมาเป็นเพลงให้เราได้ฟังกัน

‘DTK BOY BAND’ เป็นกลุ่มศิลปินเฉพาะกิจที่ช่วยสร้างมุมมองใหม่ของความไร้พรมแดนในสุนทรีย์ทางดนตรีได้แบบจริง ๆ จนทำให้หนึ่งในสมาชิกอย่างสิงโตเองได้แนวคิดใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงแบบ ‘อีสานสากล’ ที่ยังคงมีพาร์ตดนตรีทันสมัย เท่ แต่หยิบเอาเนื้อร้องอีสานแบบไทยบ้าน แล้วลูกเอื้อน ลูกไหลทางการร้องแบบสิงโตมาผสมผสาน จนกลายเป็นเพลงอย่าง ‘I JUST WANNA PEN FAN YOU DAI BOR ? (2564)’ และ ‘WASAN (2565)’ ขึ้นมา และทำให้สิงโตกลับมามีความเป็นตัวเองแบบเต็มร้อยได้อีกครั้ง

สุดท้ายแล้วเราก็ไม่อาจรู้แน่ชัดได้ว่าวงโปรดของเธออย่าง ‘DTK BOY BAND’ จะมีเพลงใหม่แล้วนะได้อีกทีเมื่อไหร่ เพราะคิวส่วนตัวของศิลปินทั้งสามคนก็ยุ่งเสียเหลือเกิน แต่เราเชื่อเหลือเกินว่ามันจะเป็นผลงานที่รังสรรค์ปั้นแต่งมาแล้วอย่างละเอียดพอ ก่อนที่จะมาถึงหูให้พวกเราได้ฟังอย่างแน่แท้

CREATED BY

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป