หากพูดถึง ‘เครื่องดักฟัง’ ทุกคนคงจินตนาการถึงอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ที่ใช้เพื่อแอบดักฟังเสียงของใครสักคนหนึ่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว และเครื่องดักฟังเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตัวเล็กจิ๋วที่มีความสำคัญและประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะในช่วงที่ทำสงคราม เพราะสามารถใช้เพื่อสอดแนมข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแนบเนียนและแยบยลที่สุด
แต่รู้หรือไม่ว่าเคยมีกรณีหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่มีคนสามารถนำเครื่องดักฟังขนาดใหญ่ไปติดไว้ที่ฝาผนังของสถานทูตสหรัฐฯ แบบโต้ง ๆ โดยที่ไม่มีใครคาดคิดเลยสักนิดว่าสิ่งนั้นคือเครื่องดักฟัง และมันสามารถติดไว้อยู่อย่างนั้นยาวนานถึง 7 ปีเต็มเลยทีเดียว
โดยไอ้เจ้าเครื่องดักฟังเจ้าปัญหาที่ว่า มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ทำจากไม้ เคลือบเงาสวย และถูกแกะสลักเป็นรูปตราแผ่นดินสหรัฐฯ ส่วนตรงกลางเป็นรูปนกอินทรีย์ โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1945 ณ กรุงมอสโก จุดเริ่มต้นเกิดจากมีกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียนจากสหภาพวลาดิเมียร์ เลนิน (Vladimir Lenin Al-Union Pioneer Organization) ได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานทูตอเมริกา คล้าย ๆ กับการเดินทางไปทัศนศึกษาของนักเรียนไทยตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่ง ณ ตอนนั้น หลังจากที่เสร็จสิ้นการเข้าเยี่ยมชมสถานทูตสหรัฐเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็ก ๆ ได้มอบของที่ระลึกชิ้นหนึ่ง ซึ่งก็คือตราวงกลมขนาดใหญ่หรือตราสหรัฐฯ ที่ว่าให้กับทางสถานทูต ซึ่งเป็นการแสดงความยินดีและสร้างมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่ช่วยกันทำสงครามจนชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2

ตราแผ่นดินสหรัฐฯ ขนาดใหญ่อันดังกล่าว ถูกยกไปติดไว้ที่สถานทูตสหรัฐฯ แบบที่ไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใด ๆ จวบจนกระทั่ง 7 ปีต่อมา สถานทูตสหรัฐฯ ณ กรุงมอสโก ตรวจพบสัญญาณเสียงบางอย่าง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารอังกฤษคนหนึ่งกำลังตรวจตราจราจรของเครื่องบินรัสเซีย และก็ได้ยินเสียง กองบัญชาการ British Air Attaché โดยบังเอิญ จึงได้ออกตามหาที่มาของสัญญาณเสียงดังกล่าว และก็พบกับข้อเท็จจริงที่ว่า ตราเหรียญสหรัฐฯ ที่ได้เป็นของขวัญสำหรับการสร้างมิตรภาพนี้นี่เองที่กำลังทำหน้าที่แอบบันทึกเสียงต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลาหลายปี
เครื่องดักฟังที่ว่ามีไมโครโฟนและแอบซ่อนตัวอยู่หลังตราแผ่นดินสหรัฐฯ วิธีการทำงานของมันก็คือคอยตอบสนองกับคลื่นเสียงสนทนาต่าง ๆ ภายในห้อง และเมื่อได้รับคลื่นเสียงแล้วจะส่งข้อมูลไปที่เสาอากาศ จากนั้นเครื่องรับสัญญาณก็จะถอดรหัสสัญญาณเพื่อให้ได้เสียงจากไมโครโฟนต่อไป หรืออธิบายให้เห็นภาพก็จะคล้าย ๆ กับหลักการการทำงานของวิทยุนั่นเอง โดยความเรียบง่ายของการออกแบบเครื่องดักฟังชนิดนี้บวกกับการไม่มีสายไฟหรือแบตเตอรี่ใด ๆ ส่งผลให้สามารถตรวจจับได้ค่อนข้างลำบาก และเครื่องดักฟังชนิดนี้ก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จในแง่การทำงาน เพราะสามารถหลุดจากการตรวจจับได้ยาวนานถึง 7 ปี แต่ก็ถูกตรวจพบในที่สุดแต่ก็ด้วยความบังเอิญอยู่ดี โดยต่อมาสิ่งสิ่งนี้ถูกตั้งชื่อว่า ‘The Thing’
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความอับอาย เจ็บใจ และเสียหน้าให้กับทางสหรัฐฯ เป็นอย่างมากที่ถูกแอบดักฟังความเคลื่อนไหวและข้อมูลต่าง ๆ ภายในสถานทูตของตนเองอย่างไม่ได้ระแวดระวังใด ๆ มาก่อน และคาดไม่ถึงเลยว่าของขวัญสร้างพันธมิตรที่ถูกมอบโดยเด็ก ๆ จะเป็นจุดพลาดสำคัญที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหล โดยเหตุการณ์สุดแสบที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของหน่วยสืบราชการลับของสหภาพโซเวียตอย่างเคจีบี (KGB) และนี่อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเปรียบเปรยได้ว่า ‘ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด’ ก็น่าจะเป็นได้
อ้างอิง :
- Histofun Deluxe. https://www.blockdit.com/histofun.
- https://www.spymuseum.org/exhibition-experiences/about-the-collection/collection-highlights/the-great-seal/
- https://www.amusingplanet.com/2021/05/the-great-seal-bug-how-soviets-spied-us.html
