อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Tesla ประกาศว่าจะลดบทบาทของตนในฐานะประธานที่ปรึกษา กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (Doge) หลังจากที่บริษัทผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Tesla มีผลกำไรและยอดขายลดลงอย่างมากตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า เขาจะลดบทบาทและการบริหารของ Doge ลงให้เหลือเพียง 1-2 วันต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าหันเหความสนใจออกจาก Tesla จนเป็นสาเหตุให้ยอดขายและกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากการยื่นมือเข้าไปในแวดวงการเมืองมากเกินไป จนเกิดการประท้วงและคว่ำบาตรรถยนต์ Tesla ทั่วโลก
รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ลดลง 20% ในช่วงสามเดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่กำไรโดยรวมทั้งหมดลดลง 70% ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัท Tesla ได้เตือนนักลงทุนว่า สถานการณ์อันแสนเจ็บปวดในลักษณะนี้จะยังคงดำเนินต่อไป พร้อมปฏิเสธการตอบคำถามว่า อีกเมื่อใด Tesla จะกลับมาเฟื่องฟูอย่างที่มันควรจะเป็น
แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปตราบที่อีลอนยังคงก้าวขาลงมาในสนามเกมการเมืองอันวุ่นวายของ โดนัล ทรัมป์ (Donald Trump) แทนที่จะทำตัวเหมือนเศรษฐีอัจฉริยะทั่วไป โดยปัจจุบันหุ้นของบริษัท Tesla ลดลงประมาณ 37% ของมูลค่าในปีนี้ ณ เวลาปิดตลาดในวันอังคาร โดยเพิ่มขึ้น 5% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด
เอาเข้าจริง อีลอนเปรียบเสมือนพนักงานชั่วคราวของรัฐบาล โดยถูกจำกัดการทำงานให้เหลือเพียง 130 วันต่อปี ซึ่งหากนับตั้งแต่วันที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ก็มีแนวโน้มว่าบทบาทของอีลอนอาจสิ้นสุดลงในปลายเดือนพฤษภาคม แต่ยังไม่ชัดเจนว่าอีลอนผู้บริจาคเงินให้กับรัฐบาลของทรัมป์กว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐจะลาออกเมื่อใด หรือทรัมป์จะอยากเก็บอีลอนไว้ข้างตัวให้นานที่สุดมากเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูกันต่อไปว่าการลดบทบาทหน้าที่ในตำแหน่งงานเกี่ยวกับรัฐบาลของอีลอนจะสามารถกอบกู้อาณาจักร Tesla ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้หรือไม่ ขณะที่ทรัมป์ยังคงต้องต่อสู้กับสงครามภาษี และประชาชนชาวสหรัฐฯ ที่เริ่มไม่เห็นด้วยกับวิธีการบริหารอันสุดโต่งของทรัมป์ โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การจับมือระหว่างอีลอนและทรัมป์อาจเป็นการกอดคอกันจมเสียมากกว่า
ที่มา
