“ฟุตบอลยูโร 2024” เดินทางมาถึงโค้งนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม จากทั้งหมด 24 ทีม แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม โดยใน 1 กลุ่มประกอบไปด้วยทีมชาติทั้งหมด 4 ทีมที่ถูกคัดเลือกตลอด 3 ปีเพื่อเข้ามาสู่รอบนี้
หากจบการคัดเลือกในรอบแบ่งกลุ่มแล้ว โดยปกติจะนำทีมอันดับหนึ่ง และอันดับสองผ่านเข้าสู่รอบถัดไปเป็นเรื่องปกติของการคัดเลือกในรูปแบบกลุ่มทั่วๆไป แต่ทว่า! สำหรับการแข่งขันฟุตบอลยูโรทีมหากนำตัวแทน 2 ทีมดีสุดจากแต่ละกลุ่มก็จะมีทีมแข่งทั้งหมด 12 ทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
หากจับสลากประกบคู่แข่งก็จะเกิดความไม่สมดุลกัน นั่นทำให้รูปแบบของการคัดเลือกนำอันดับที่ 3 ของแต่ละกลุ่มมาจัดลำดับ และคัดนำ 4 ทีมที่ผลงานดีสุดของอันดับนี้เข้าสู่รอบถัดไป จากเดิม 12 ทีมที่ได้เข้ารอบแล้ว นำประกบคู่เพิ่มอีก 4 ทีม เป็นรอบ 16 สุดท้ายของฟุตบอลยูโร เพื่อเข้าสู่รอบตัดเชือกเค้นหา 2 ทีมที่ดีที่สุดนำไปสู่การชิงถ้วยทีมชาติระดับทวีปยุโรป
วันนี้จะพาไปเรียนรู้ที่มาของกฎนี้ โอกาสของทีมอันดับ 3 ของกลุ่มที่ควรจะถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยังสามารถเข้ารอบเพื่อลุ้นเข้าชิงได้ และพาไปดูทีมที่เคยได้ผลลัพธ์ของกติกานี้ นำไปสู่การคว้าแชมป์มาได้ ในฐานะเป็นอันดับที่ 3 ดีที่สุดของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นจริงมาแล้ว
จุดเริ่มต้นอันดับ 3 ดีที่สุดในฟุตบอลยูโร
ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยก่อนเมื่อฟุตบอลยูโรยังใช้การคัดเลือกในรอบสุดท้ายทั้งหมด 16 ทีม โดยเริ่มต้นขึ้นจากการแข่งขันในปี 1996 ที่จัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ
วิธีการในการนำทีมชาติที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 16 ทีมในยุคนั้นจะทำการแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เอ, บี, ซี, และดี และนำทุกทีมมาเฉลี่ยเป็น 4 ทีมต่อกลุ่ม เป็นวิธีการโดยทั่วไปที่มักนำมาใช้กันในการแข่งขันกีฬาโดยทั่วไปที่จะนำแชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
แต่หลังจากความนิยมที่มากขึ้น รวมถึงการเข้ามาสนับสนุนในการแข่งขันฟุตบอลนี้ ทำให้มีงบประมาณในการจัดการแข่งขันขึ้น ส่งผลให้มีการปรับรูปแบบการแข่งขันและเพิ่มทีมชาติขึ้นอีก 12 ทีมชาติ จึงเกิดเป็นการเข้ามาแข่งรอบสุดท้าย 24 ทีม
โดยการแข่งแบบ 24 ทีมถูกจัดขึ้นครั้งแรกสำหรับการแข่งยูโรในปี 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ซึ่งใช้วิธีการแบ่งเป็น 6 กลุ่ม เอ, บี, ซี, ดี, อี, และเอฟ นำ 2 อันดับดีสุดผ่านเข้ารอบต่อไป และนำอันดับ 3 ของแต่ละกลุ่มมาเรียงอันดับหา 4 ทีมชาติที่ดีที่สุดของอันดับนี้ เพื่อเข้าสู่รอบถัดไป
แชมป์ยูโรของโปรตุเกส จากผลพ่วงอันดับ 3 ของกลุ่ม 🇵🇹
ในปีแรกที่มีการใช้รูปแบบอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ในการแข่งขันรูปแบบแบ่งกลุ่มรอบ 24 ทีมสุดท้าย ในปีนั้นหนึ่งในทีมเต็งที่เหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่แย่สุดของพวกเขาอย่าง “ทีมชาติโปรตุเกส 🇵🇹” ทำผลงานได้น่าผิดหวังในรอบแรก เมื่อพวกเขาอยู่ “กลุ่มเอฟ” ร่วมกับทีมชาติฮังการี 🇭🇺, ทีมชาติไอซ์แลนด์ 🇮🇸, และทีมชาติออสเตรีย 🇦🇹
โดยทั้งสามเกมที่พวกเขาแข่งขัน ทำได้แค่เพียงเสมอทุกนัด เก็บคะแนนได้อย่างละแต้มรวมเป็น 3 คะแนนจบที่ 3 ของกลุ่มเอฟ ทั้งๆที่ทีมอื่นต่างเป็นทีมที่มีชื่อชั้นไม่เท่าทัพฝอยทอง แต่โชคยังดีที่เมื่อนำคะแนนมาจัดอันดับร่วมกับกลุ่มอื่น
อันดับ 3 ที่ดีสุดในยูโรปี 2016 เมื่อเรียงลำดับกันเป็นทีมชาติสโลวาเกีย 🇸🇰 มี 4 คะแนน จากกลุ่มบี, ทีมชาติไอร์แลนด์ 🇮🇪 มี 4 คะแนน จากกลุ่มอีเป็น 2 ทีมชาติแรกในอันดับ 3 ที่มีคะแนนมากสุดและการันตีเข้าสู่รอบถัดไป
ในขณะที่ 4 ทีมที่เหลือจากกลุ่มมีคะแนนเท่ากันที่ 3 คะแนน แต่ต่างกันที่ประตูได้เสียของทีมอันดับ 3 ส่งผลให้โปรตุเกสผ่านเข้ารอบต่อไปเพราะมีประตูได้เสียที่ดีสุด ตามมาด้วยทีมชาติไอร์แลนด์เหนือจากกลุ่มซีที่ผ่านเข้ารอบร่วมกัน
นับเป็นความเสี่ยงอย่างมาก แม้จะผ่านเข้ารอบมาได้แต่นี่อาจเป็นแรงผลักดันอย่างมากของทีมชาติโปรตุเกสที่ทำให้พวกเขาตระหนักต่อผลงานของทีมในปีนั้น ทำให้พวกเขาไม่อาจจะประมาททุกทีมได้เหมือนตอนรอบแบ่งกลุ่มที่เกือบผลักให้พวกเขาตกรอบลงไปได้
โดยในรอบ 16 ทีม พวกเขาถูกจับมาชนกับทีมชาติโครเอเชีย 🇭🇷 ที่ถูกมองเป็นม้ามืดในปีนั้น สามารถเอาชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษมาได้ 0-1 เข้าสู่รอบ 8 ทีมพบกับทีมชาติโปแลนด์ 🇵🇱 ที่นำทีมโดยดาวยิงอย่าง “โรเบิร์ต เลวานโดฟสกี้” และโปรตุเกสต้องดวลจุดโทษเอาชนะโปแลนด์ไปได้ 3-5
จากทีมที่ฟอร์มแกว่งเข้ามาสู่ 4 ทีมสุดท้าย โดยทีมที่ต้องพบเป็นการโคจรเจอกันของม้ามืดอีกชาติอย่างเวลส์ 🏴 และเป็นการพบกันของ 2 คู่หูเรอัล มาดริดที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” พบกับ “กาเร็ธ เบล” กลายเป็นโปรตุเกสที่สามารถทะลุเข้าสู่รอบชิงได้ 2-0 และจากทีมที่กระท่อนกระแท่นมุ่งไปสู่รอบชิงที่ต้องพบกับเต็งหนึ่งเจ้าภาพอย่างทีมชาติฝรั่งเศส 🇨🇵
หากดูที่ผลงานฝรั่งเศสดูจะกินหมูมากกว่าโปรตุเกสด้วยผลงานที่ผ่านเข้ารอบมา รวมทั้งการได้เป็นเจ้าภาพยิ่งมีความได้เปรียบสำหรับทัพตราไก่ที่มีโอกาสได้แชมป์ในบ้านไปครอง เมื่อเริ่มเกมฟ้าก็กลั่นแกล้งทัพฝอยทองเมื่อกัปตันทีมความหวังอย่างโรนัลโด้ต้องออกจากสนามเมื่อถูกเสียบเข้าที่บริเวณเข่าจนต้องถูกถอดออกจากสนาม ทำให้คนดูทั่วโลกต่างคิดว่าพวกเขาทำได้ดีที่สุดแล้ว สำหรับบอลยุโรปในปีนั้น
แต่ทุกอย่างต้องพลิกผัน เมื่อเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษใกล้จะหมดเวลาเพื่อดวลจุดโทษ กลายเป็นกองหน้าสำรองอย่าง “เอแดร์” ลงมายิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ภายใต้ความเซอร์ไพร์สในโลกของลูกหนัง ของทีมที่กำลังเสียเปรียบกลับกลายเป็นทีมที่กำลังจะคว้าแชมป์มาได้ และเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดในสนามกรุงปารีส กลายเป็นทัพฝอยทองทีมชาติโปรตุเกสที่คว้าแชมป์ยูโรปี 2016 มาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และสร้างประวัติศาสตร์แรกของทีมชาติที่สามารถคว้าแชมป์ทวีปได้ในรายการนี้
โอกาสสุดท้ายที่ใครจะได้รับในยูโร 2024 🇩🇪
จากประวัติศาสตร์ที่ทีมชาติโปรตุเกสสร้างมาได้ ในตอนนี้บอลยุโรกำลังเข้ามาสู่นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันของทั้ง 6 กลุ่มต่างมีโอกาสที่พร้อมจะให้ทีมอันดับ 3 อีก 4 ทีมที่จะยังคงผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้
เมื่อมาดูสถานการณ์ต่างๆในแต่ละกลุ่ม ในกลุ่มเอเมื่อโอกาสเข้ารอบของเจ้าภาพอย่างเยอรมัน 🇩🇪 และสวิตเซอร์แลนด์ 🇨🇭ดูจะลอยลำรอเข้าสู่รอบถัดไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เกมสุดท้ายที่ฮังการี 🇭🇺 ต้องพบกับสกอตแลนด์ 🏴 จากที่สกอตแลนด์มีแต้มตุนไว้อยู่ 1 คะแนน แต่เกมสุดท้ายเป็นฮังการีที่สามารถชนะไปได้ 1-0 นั่นส่งผลให้ฮังการีคว้า 3 คะแนนมาได้เขี่ยทัพวิสกี้ร่วงจากกลุ่มเอเป็นที่เรียบร้อย
กลุ่มบีมีทีมที่เข้ารอบแล้วอย่างสเปน 🇪🇦 เหลือลุ้นนัดสุดท้ายของทีมที่เหลือเพราะแม้อิตาลี 🇮🇹 มีโอกาสเข้ารอบได้ แต่หากโครเอเชีย 🇭🇷 ที่มีอยู่ 1 แต้มชนะอิตาลีได้อาจส่งให้แชมป์เก่ามีสิทธิ์ตกรอบได้เช่นกัน รวมถึงแอลเบเนีย 🇦🇱 ม้ามืดที่อยู่อันดับ 3 หากไม่สามารถเอาชนะสเปนได้ ก็อาจจะหมดลุ้นกับอันดับ 3 ดีที่สุดสำหรับเข้ารอบต่อไป
กลุ่มซีอยู่ในสถานการณ์ที่มีแต้มทุกทีม แต่ทีมเต็งหนึ่งอังกฤษ 🏴 ที่นำฝูงมี 4 คะแนนแม้มีโอกาสเข้ารอบ แต่ไม่รู้ผลอันดับในนัดสุดท้าย หากไม่ชนะโอกาสจะจบที่หนึ่งมีน้อย และจะส่งผลต่อทีมที่เหลืออย่างเดนมาร์ก 🇩🇰, สโลวีเนีย 🇸🇮 และเซอร์เบีย 🇷🇸 ที่ยังคงลุ้นเข้ารอบต่อไปได้
กลุ่มดีและอี นับเป็นกลุ่มที่มีโอกาสจะเกิดการพลิกล็อกได้โดยเฉพาะในกลุ่มอี ที่ทุกทีมชนะและเสมอไม่มีแพ้เท่ากัน ทำให้ทุกทีมมี 3 คะแนนเท่าในกลุ่มเป็นกลุ่มที่ลุ้นนัดสุดท้าย และลุ้นโอกาสของอันดับ 3 ในการเข้ารอบต่อไปสนุกสุด ในขณะที่กลุ่มดีแม้ 2 ทีมเต็งจะแต้มเท่าทั้งฝรั่งเศส 🇨🇵 และเนเธอร์แลนด์ 🇳🇱 ที่ 4 คะแนน และอันดับ 3 ดีสุดในตอนนี้อย่างออสเตรีย 🇦🇹 หากคว้าแต้มเกมสุดท้ายมาได้ อาจมีโอกาสเข้าสู่รอบต่อไปในอันดับ 3 ของกลุ่ม
และกลุ่มสุดท้ายกลุ่มเอฟที่มีโปรตุเกส 🇵🇹 อดีตทีมที่สร้างตำนานที่ตอนนี้ผ่านเข้ารอบต่อไปแล้ว เหลือโอกาสลุ้นสำหรับม้ามืด 3 ตัวอย่าง ตุรกี 🇹🇷, เช็ก 🇨🇿, และจอร์เจีย 🇬🇪 ที่ต้องมาลุ้นนัดสุดท้ายเพื่อโอกาสเข้ารอบต่อไป
โดยปีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วสำหรับ 24 ทีมรอบแบ่งกลุ่มที่หาอีก 4 ทีมอันดับ 3 ดีที่สุด แม้จะไม่ได้เข้ามาในฐานะ “..ที่หนึ่งไม่ไหว หรือเต็มใจขอเป็นแค่ที่สอง..” เหมือนเพลงดังของวงไอน้ำ แต่นี่คือความเข้มข้นและคุณภาพของทีมชั้นนำที่ถูกคัดแข้งเข้ามาสู่รอบสุดท้าย และลุ้นว่าใครจะได้โอกาสหรือเข้ามาสร้างตำนานได้เหมือนที่ทัพฝอยทองเคยทำไว้ในฐานะอันดับ 3 ของกลุ่มที่ดีสุด ที่ดีพอจะชูถ้วยที่ยิ่งใหญ่ของทวีปไปได้
อ้างอิง
- https://en.wikipedia.org/wiki/UEFA_European_Championship
- https://www.facebook.com/share/p/Dh5tNwjQzPKhjXYD/
- https://www.facebook.com/share/p/BQM81TmagX3VnCY1/
- https://en.wikipedia.org/wiki/UEFA_Euro_2016
- https://www.gqthailand.com/lifestyle/health-and-sports/article/tech-detox-scapes-mandarin-oriental-bangkok