งานนิทรรศการโลก (World Exposition หรือ World Expo) เป็นงานแสดงนานาชาติขนาดใหญ่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่นวัตกรรม วิทยาการ วัฒนธรรม และอารยธรรมของประเทศต่าง ๆ ให้กับประชาคมโลก งานนิทรรศการนี้มีรากฐานมาจากความพยายามของมนุษย์ในการแสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และศิลปวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนถึงความภาคภูมิใจของแต่ละประเทศในการพัฒนาประเทศของตน รวมทั้งยังเป็นเวทีสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์และเชิดหน้าชูตาในระดับนานาชาติ
กำเนิดของงานนิทรรศการโลก
ต้นกำเนิดของงานนิทรรศการโลกเริ่มต้นในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 19 ท่ามกลางยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยงานนิทรรศการโลกครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1851 ภายใต้ชื่อ “The Great Exhibition of the Works of Industry of All Nations” ณ พระราชวังคริสตัลพาเลซ ซึ่งเป็นอาคารกระจกขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเฉพาะกิจ งานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงศักยภาพของจักรวรรดิอังกฤษในด้านเทคโนโลยี การผลิต และนวัตกรรมอุตสาหกรรม โดยเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ของตนด้วยเช่นกัน
ความสำเร็จของงานครั้งแรกนำไปสู่การจัดงานครั้งต่อ ๆ มาในประเทศต่าง ๆ เช่น ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละประเทศเจ้าภาพต่างพยายามนำเสนอความเจริญก้าวหน้าและอารยธรรมของตนผ่านสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่
งานนิทรรศการโลกเวทีแห่งการเชิดหน้าชูตาประเทศ
การเป็นเจ้าภาพจัดงานนิทรรศการโลกถือเป็นการแสดงศักยภาพและภาพลักษณ์ของประเทศนั้น ๆ อย่างเป็นทางการต่อสายตาชาวโลก งานเหล่านี้มักมาพร้อมกับการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างแลนด์มาร์กใหม่ และนำเสนออัตลักษณ์ของชาติในรูปแบบที่สร้างสรรค์ ตัวอย่างเช่น
- งาน Paris Exposition ปี ค.ศ. 1889 ฝรั่งเศสสร้างหอไอเฟล (Eiffel Tower) ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
- งาน Osaka Expo ปี ค.ศ. 1970 เป็นการประกาศศักยภาพของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก
- งาน Shanghai Expo ปี ค.ศ. 2010 แสดงถึงการก้าวขึ้นมาของจีนในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น งานนิทรรศการโลกยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว การค้า และความร่วมมือระหว่างประเทศ
พัฒนาการของประเทศไทยในการเข้าร่วมงานนิทรรศการโลก
ประเทศไทยเริ่มเข้าร่วมงานนิทรรศการโลกตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของพระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงความเจริญและอารยธรรมของชาติไทย รวมทั้งเพื่อลดแรงกดดันจากลัทธิล่าอาณานิคมที่กำลังเฟื่องฟูในขณะนั้น
ประเทศไทยได้เข้าร่วม World Expo ครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใน ปี ค.ศ. 1862 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ที่ทรงโปรดให้จัดสิ่งของต่าง ๆ ไปร่วมจัดแสดง ประกอบด้วย พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ชุดพานทอง ชุดโตกไม้ และเครื่องกระเบื้องต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพถ่ายธงช้างเผือกของสยามที่ได้ปรากฏอยู่ในภาพงานมหกรรมโลกในครั้งนั้น
ต่อมาในปี ค.ศ. 1867 ไทยได้เข้าร่วม World Expo อีกครั้ง ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยงานจัดขึ้นที่ Champ de Mars ใจกลางกรุงปารีส นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้สร้างศาลาไทยขึ้นใน World Expo โดยมีรูปปั้นช้างเป็นสัญลักษณ์ปรากฏอยู่โดดเด่นที่ด้านหน้า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำสิ่งของที่นำไปจัดแสดงนอกเหนือจากพระบรมฉายาลักษณ์แล้ว ก็ยังมีของส่วนพระองค์และของพระราชทานอีกหลายรายการ ได้แก่ เชี่ยนหมากทองคำ เครื่องมุก แจกันลงยา ผ้าไหม โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุหลายรายการ ซึ่งรวมถึงพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีงานหัตถกรรมชิ้นเยี่ยมอีกเป็นจำนวนมาก
งาน World’s Columbian Exposition, ชิคาโก 1893 สถาปัตยกรรมแบบไทย เป็นที่สนใจของชาวโลกมาก โดยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 – ทศวรรษ 1980s ไทยเน้นการแสดงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เช่น การแสดงนาฏศิลป์ไทย ศิลปหัตถกรรม ภาพยนตร์ และอาหารไทย มีการใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ
ตั้งแต่ปี 1990s – ปัจจุบัน ไทยพยายามปรับการนำเสนอให้เข้ากับแนวคิดของงานในแต่ละครั้ง เช่น เน้นเรื่อง ความยั่งยืน นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อชีวิต ใน Expo 2010 ณ เซี่ยงไฮ้ ไทยสร้างพาวิลเลียนขนาดใหญ่ในรูปแบบ “อุทยานแห่งรอยยิ้ม” ที่มีผู้เข้าชมกว่าสิบล้านคน และใน Expo 2020 ณ ดูไบ (จัดจริงในปี 2021-2022) ไทยนำเสนอภายใต้แนวคิด “Mobility for the Future” สร้างเป็นพาวิลเลียนรูปทรงดอกบัวที่สะท้อนถึงความทันสมัยควบคู่กับอัตลักษณ์ไทย
งานนิทรรศการโลกไม่ใช่เพียงแค่งานแสดงสินค้าหรือวัฒนธรรมทั่วไป แต่เป็นเวทีสำคัญในการสะท้อนอารยธรรม ความก้าวหน้า และพลังทางการเมือง-เศรษฐกิจของแต่ละประเทศ การจัดงานเหล่านี้ถือเป็นกลยุทธ์เชิงสัญลักษณ์ในการสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมความภาคภูมิใจในระดับชาติ
ประเทศไทยในฐานะหนึ่งในประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ควรใช้โอกาสจากเวทีโลกเหล่านี้เพื่อส่งสารถึงชาวโลกว่า ไทยเป็นชาติที่มีเอกลักษณ์งดงาม มีความพร้อมทางวัฒนธรรม และกำลังก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง โดยไม่ละทิ้งรากเหง้าแห่งความเป็นไทย
อ้างอิง
- https://thematter.co/social/the-history-of-world-expo/242016
- https://www.guinnessworldrecords.com/news/commercial/2025/4/what-is-world-expo-a-collection-of-records-through-history-ahead-of-expo-2025-in-osaka%20
- https://www.bangkokbiznews.com/world/963468
- https://www.thepeople.co/social/look-up/54838
- https://finearts.go.th/literatureandhistory/view/26108-ก้าวแรกของไทยไปงานมหกรรมโลก
- https://hmong.in.th/wiki/1893_Chicago%27s_World%27s_Fair
- https://workpointtoday.com/world-expo-2025/
- https://thailandpavilionworldexpo2025.com/วิวัฒนาการศาลาไทยในงาน-2