ชุดรับแขก, แฟนจ๋า, เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, ธงไชย แมคอินไตย์ แมคอินไตย์

หากจะมีการถอดรหัสความสำเร็จของเพลงไทยที่ดังตลอดกาลสักเพลง ในอุตสาหกรรมเพลงไทยรวมไปถึงคนฟังเองก็มักจะยก “แฟนจ๋า” ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ มาเป็น Role-Model เพลงหนึ่งเสมอ เพราะมีไม่กี่เพลงเท่านั้นที่จะสามารถรวมกลุ่มคนฟังได้ทั้งประเทศ ทั้งยังสร้างปรากฎการณ์ต่อยอดไปได้ถึงสองอัลบั้ม จนกลายมาเป็นเพลงขึ้นหิ้งตลอดกาลได้ทีเดียว

‘แฟนจ๋า’ เป็นเพลงเปิดตัวของอัลบั้ม “ชุดรับแขก” ที่ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 นับเป็นอัลบั้มเต็มลำดับที่ 12 ของเบิร์ด ธงไชย  คัดเฉพาะแค่ความโด่งดังของนักร้องคุณภาพอันดับหนึ่งจากค่าย จีเอ็มเจ็ม แกรมมี่ อย่าง พี่เบิร์ด ก็เป็นที่ถูกพิสูจน์มาหลายอัลบั้มก่อนหน้าอยู่แล้ว แต่ในอัลบั้มนี้เป็นการเปิดตัวอัลบั้มในช่วงปลายปีด้วยเพลงแดนซ์สำหรับเทศกาลที่ทำให้พี่เบิร์ดเปลี่ยนลุคมาเป็นนักร้องเพลงเต้นอย่างเต็มตัว

โดยเพลง แฟนจ๋า ถูกเขียนโดยศิลปินแรปเปอร์ชื่อดังอีกคนของเมืองไทยอย่าง โจอี้ บอย ซึ่งโครงสร้างของเพลงยึดโยงภาพจำของชื่อมาจากเพลงลูกทุ่งชั้นครูชื่อดังในชื่อเดียวกัน “แฟนจ๋า” ของ สุรพล สมบัติเจริญ ที่มีเนื้อหาออดอ้อนว่าลืมผมหรือยังครับแฟน แต่มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยเป็น “แฟนจ๋าฉันมาแล้วจ้ะ อยู่นี่แล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ ๆ” ที่เรียบเรียงให้เข้ากับ Beat ดนตรีสนุก ๆ เป็นเอกลักษณ์ของเพลงในยุค 2000 ทั้งยังเติมความเป็นแร๊ปแบบไทยที่ถือเป็นทางถนัดของโจอี้ บอยเข้าไปได้อย่างลงตัว 

อีกหนึ่งความปังของเพลงแฟนจ๋าที่ขาดไม่ได้ คือการได้ศิลปินหญิงชื่อดังแห่งยุคมาร่วม Featuring พร้อมกันถึง 3 คน นับเป็นครั้งแรกของวงการเพลงไทยที่เริ่มใช้เทคนิคการ Featuring เข้ามาในเพลง ทั้งยังเป็นการ Featuring มากที่สุดเป็นครั้งแรกในเพลงเดียว ซึ่งโครงสร้างของเพลงยังเอาใจกลุ่มคนฟังไปยังภูมิภาคต่าง ๆ โดยได้ จินตรา พูนลาภ ที่ในขณะนั้น สังกัดอยู่ค่าย มาสเตอร์เทป มาเป็นตัวแทนของภาคอีสานที่สามารถยึดโยงกับกลุ่มคนฟังเพลงลูกทุ่งอีสานได้เป็นอย่างดี ร่วมด้วย แคทลียา อิงลิช ที่กำลังเป็นแดนซ์ควีนยุคใหม่ของค่ายแกรมมี่ในตอนนั้น มาเป็นตัวแทนสาวเหนือ และปิดท้ายด้วย นัท มีเรีย เป็นตัวแทนของสาวใต้ และดึงเอาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอันน่าจดจำของแต่ละภาคมาใช้ เช่น ภาคอีสานเน้นการใช้ลูกคอ ภาคเหนือมีความตะต่อนยอน และภาคใต้พูดเร็วและแปลงมาเป็นท่อนแร๊ป หรือการ Choreograph ท่าเต้นจากภาพฉายหนังตะลุงมาประกอบที่สร้างเอกลักษณ์ให้แต่ละท่อน จนนำไปสู่คำฮิตติดปากจากทั้งสามภาคอย่าง “ขี้ตั๊ว ขี้จุ๊ และขี้ฮก” ที่เป็นภาษาพื้นถิ่น แปลว่า โกหก จากภูมิภาคต่าง ๆ มาหยอกเย้าคู่ไปกับศิลปินหลักอย่างพี่เบิร์ดที่เป็นตัวแทนของหนุ่มภาคกลางสุดเจ้าชู้นั่นเอง

ไม่เพียงแค่เพลง “แฟนจ๋า” เท่านั้นที่เป็นความสำเร็จเปิดตัวในลิสต์เพลงต่าง ๆ ในอัลบั้มชุดรับแขกเต็มไปด้วยเพลงที่เหมาะสำหรับเทศกาลรื่นเริงทั้งสิ้น เช่น เมื่อประสบความสำเร็จจากเพลงและ MV ตัวแรก ก็ปล่อยเพลง “มาทำไม” ตามมาทันทีเป็นเพลงที่สอง ที่เป็นการ Duet กันระหว่างพี่เบิร์ด ธงไชย และ จินตรา ที่หยิบยืมภาพกลสาวขี้งอนและหนุ่มที่จากบ้านนาไป มาเป็นฝ่ายหนุ่มที่ขี้น้อยใจ กับสาวอีสานที่กลายเป็นฝ่ายมาง้อแทน ทั้งยังมีเพลง “ชาติก่อนมาลี ชาตินี้แครอน” ที่ทำให้ช่วงแรก ๆ ของอัลบั้มเต็มไปด้วยเพลงสนุกสนาน อีกทั้งเพลงช้าอย่าง “ต้องโทษดาว” ที่ถือเป็นเพลงช้าในยุค 2000 ของพี่เบิร์ดที่ยังคงถูกร้องมาจนถึงปัจจุบัน ก็อยู่ในอัลบั้มนี้เช่นกัน ก่อนจะปิดท้ายอัลบั้มด้วยเพลง “สวัสดีปีใหม่” นับเป็นการเรียง Track ที่คิดมาอย่างดี

เมื่อตัวเพลงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งชื่อเพลงที่จำง่ายไม่ซับซ้อน เชื่อมโยงกับคนทั้งสี่ภาค ทั้งยังปล่อยอัลบั้มออกมาในช่วงเวลาที่เป็นเทศกาล ตัวเพลงจึงถูกนำไปใช้เป็นเพลง “ร้องเกะ” ได้อย่างง่ายดาย ทำให้แฟนเพลงมีส่วนร่วมจนกลายเป็นปรากฎการณ์อย่างคาดไม่ถึง เมื่อกลุ่มคนฟัง แทนตัวเองลงไปในเพลง แย่งกันจับจองเป็นพี่จิน พี่แคท พี่นัทกันทั้งประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับเพลงแดนซ์ จนสามารถทำให้ตัวอัลบั้มทะยานไปสู่ 5 ล้านตลับ โดยอัลบั้ม “ชุดรับแขก” ถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทั้งยังสูงที่สุดของประเทศจนถึงปัจจุบัน และจากข้อมูลของค่าย อัลบั้มนี้มียอดจำหน่ายเกิน 1 ล้านตลับเร็วที่สุด ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้นเอง ทำให้ต้องมีการจัดคอนเสิร์ต ฟ.แฟน ตามมาทันทีในสัปดาห์ที่ 4 เพื่อฉลองความสำเร็จ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2545 จำนวนสองรอบ 

จากความสำเร็จทั้งหมดของ “แฟนจ๋า” และอัลบั้ม “ชุดรับแขก” ต่อยอดให้พี่เบิร์ดและทางค่าย ต้องออกอัลบั้มพิเศษ “แฟนจ๋า…สนิทกันแล้วจ้ะ” ออกมาต่อกันทันที ถือเป็นอัลบั้มพิเศษลำดับที่ 6 ของพี่เบิร์ด ซึ่งในอัลบั้มนี้ นอกจากจะมีการ Remix เพลง “แฟนจ๋า” ให้ยาวขึ้นเป็น Extended Version แล้ว ยังจัดเต็มด้วยการ Duet กับพี่จิน พี่แคทและพี่นัท ด้วยเพลงที่ปรับให้เข้ากับแต่ละภาคให้มากขึ้นด้วย อย่าง “ซ่อมได้” เวอร์ชั่นอีสานกับจินตรา พูนลาภ “หนูไม่รู้…ก็ลองสิจ้ะ” กับแคทลียา อิงลิช และ “รักกันมั้ย” กับนัท มีเรีย นอกจากนี้ความสำเร็จยังถูกต่อยอดไปเป็นคอนเสิร์ต ฟ.แฟน FUN FAIR ในปี 2546 ซึ่งเรียกได้ว่า เพลงเดียวแต่สามารถต่อยอดได้มากถึงสองคอนเสิร์ตในเวลาสองปีติดต่อกัน

ชุดรับแขก, แฟนจ๋า, เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, ธงไชย แมคอินไตย์ แมคอินไตย์

จึงสามารถพูดได้ว่าปรากฎการณ์ “แฟนจ๋า” สามารถครองพื้นที่ความฮิตได้ยาวนานถึง 2 ปี และยังเป็นที่จดจำมาเสมอ ซึ่งปัจจุบัน Music Video เพลงแฟนจ๋า มียอดวิวบน YouTube มากถึง 22 ล้านวิว แม้จะเป็นการอัพโหลดลงแพลตฟอร์มออนไลน์ภายหลังจากเพลงวางจำหน่ายไปแล้ว 13 ปี รวมระยะเวลามาจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 22 ปีด้วยกัน

อ้างอิง

CREATED BY

นักคิด นักเขียน นักสร้างคอนเทนต์ ตัวปัญหาของกระแส ชาวเกย์ผู้แปลกแยก และนักเล่าเรื่องในรูปแบบที่แตกต่าง หลงใหลวัฒนธรรม Pop ทั้งหนังสือ ภาพยนตร์ ซีรีส์และดนตรี และยังเป็นผู้กำกับอิสระ นักดนตรีและนักแต่งเพลง รวมถึงแอดมินเพจที่ประสบความสำเร็จในโซเชียลอีกด้วย เก่งซะไม่มี