“ขนมขบเคี้ยว” ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอาหารที่ได้รับความนิยมสูง ทานได้ในหลายโอกาส จนบางทีก็เพลิดเพลินจนหยุดมันไม่ได้ ซึ่งหากมองผิวเผินก็ดูจะธรรมดา ๆ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในแง่ของข้อมูลที่ถูกรวบรวมไว้เมื่อปี 2566 ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะขนมขบเคี้ยวนั้นมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงถึง 40,000 ล้านบาท

ข้อมูลจากเว็บไซต์ YouGov ได้ทำการสำรวจในหัวข้อของ “Brand Equity” หรือคุณค่าของแบรนด์ ที่วัดจากความพึงพอใจของผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อขนมขบเคี้ยวในปี 2566 ผลที่ได้ออกมาได้ดังนี้

  • เลย์ 41.3%
  • ป๊อกกี้ 23.9%
  • คาลบี้ 11.5%

ผลสรุป มันฝรั่งทอดกรอบ เลย์ ยังคงครองนิยมเป็นอันดับ 1 ในหมวดขนมทานเล่น ซึ่งในปี 2565 ผลิตโดยบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด มีรายได้รวม 14,715 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,486 ล้านบาท ตัวอย่างไลน์อัปสินค้าอื่น ๆ ของเลย์ เช่น เลย์ ต้นตำรับ , เลย์ สแตคส์ (Lay’s Stax) , เลย์ แมกซ์ (Lay’s MAX)

ต่อกันด้วยอันดับที่ 2 อย่าง ป๊อกกี้ ผลิตโดยบริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ซึ่งในปี 2565 มีรายได้รวม 4,843 ล้านบาท ขาดทุน 1,278,072 บาท ตัวอย่างไลน์อัปสินค้าของกูลิโกะ เช่น Pocky ป็อกกี้ , Pretz เพรทซ์ , โคลลอน , พี่จอย , แอลฟี่ , ใจแอนท์ คาปุลิโกะ

และอันดับที่ 3 ก็คือ คาลบี้ ผลิตโดยบริษัท คาลบี้ธนาวัธน์ จำกัด ซึ่งในปี 2565 มีรายได้รวม 1,765 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท ตัวอย่างไลน์อัปสินค้าของคาลบี้ เช่น ขนมข้าวเกรียบกุ้ง , แจ็กซ์ ขนมมันฝรั่งแท่งทอดกรอบพร้อมซอสมะเขือเทศ , บันบัน , จากาบี้ , คาลบี้ ฮาร์เวสต์ สแนพ

ขนมขบเคี้ยวขวัญใจคนไทย

อ้างอิง