กลัวถูกทอดทิ้ง

มนุษย์เรามีความกลัวแตกต่างกันออกไป บางคนกลัวงู บางคนกลัวหนู บางคนกลัวหมา แต่ไอ้ความกลัวประเภทนี้มันค่อนข้างเป็นรูปธรรม จับต้องและมองเห็นได้ แต่ก็มีความกลัวบางประเภท ที่แม้จะมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มันก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานเงียบ ๆ อยู่ภายในจิตใจของเรา ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกกลัวการถูกทอดทิ้ง ความรู้สึกกลัวถูกปฏิเสธ และไม่แน่ว่าความกลัวเหล่านี้อาจจะกำลังค่อย ๆ กัดกินตัวเรา จนลามไปกัดกินความสัมพันธ์ของเราด้วย 

‘ความรู้สึกวิตกกังวล’ (Anxiety) เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ บางทีมันอาจจะคอยเตือนเราเมื่อเกิดภัยคุกคามขึ้น บางทีมันอาจกระตุ้นให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอน แต่ความรู้สึกวิตกกังวลว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธ ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ในช่วงวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็น การถูกละเลย, การถูกทอดทิ้ง, การถูกปฏิเสธ, การไม่ได้รับการยอมรับ หรือความต้องการไม่เคยได้รับการตอบสนอง ซึ่งไอ้ความรู้สึกเหล่านี้อาจจะทิ้ง “ความกลัวหรือความรู้สึกไม่มั่นคง” เอาไว้ในตัวเรา และแน่นอนว่ามันสามารถส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ของเราในตอนที่เราเป็นผู้ใหญ่ได้ 

‘ซิกมุนด์ ฟรอยด์’ (Sigmund Freud) นักจิตวิทยา เจ้าของทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ได้ใช้คำว่า ‘Signal Anxiety’ เพื่ออธิบายถึงความรู้สึกวิตกกังวลที่ทำหน้าที่ในการเตือนว่ากำลังจะมีภัยคุกคามเข้ามา ส่งผลให้เกิดการใช้กลไกการป้องกันตัวล่วงหน้า ซึ่ง ‘การถูกปฏิเสธจากสังคม’ ก็สามารถสร้างความรู้สึกคุกคามในลักษณะแบบนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นอาจพูดได้ว่า ความรู้สึกวิตกกังวลว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธก็นับเป็นกลไกการป้องกันตัวเองจากความกลัวชนิดหนึ่ง (อาจมาจากการกลัวสูญเสียหรือกลัวถูกทอดทิ้ง) พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับความจริงที่อาจสร้างความเจ็บปวดให้กับพวกเขา ยกตัวอย่างให้เห็นภาพขึ้นมาอีกหน่อย คนที่กลัวการถูกปฏิเสธอาจจะรีบถอนตัวจากความสัมพันธ์ หรือรีบทำลายความสัมพันธ์นั้น ๆ ให้จบลงอย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ ความรู้สึกวิตกกังวลว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในแง่อื่น ๆ ได้อีกด้วย อาทิ การยึดติดอยู่กับคู่รักมากจนเกินไปและแสวงหาการยอมรับจากคู่รักอยู่ตลอดเวลา, ป้องกันตัวด้วยการมีกำแพงและสร้างระยะห่างกับผู้คนรอบตัว, หวาดระแวงคนรักจนเกินเหตุ จนอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้งในความสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งความรู้สึกวิตกกังวลว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธอาจจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงและนำไปสู่จุดสิ้นสุดในที่สุด 

เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วแนวทางในการแก้ไขมันควรจะเป็นเช่นไร? โดย ‘ซานติอาโก เดลบอย’ (Santiago Delboy) นักบำบัดจิตวิทยาเชิงจิตวิเคราะห์ ได้แนะนำว่า ความรู้สึกวิตกกังวัลว่าจะถูกปฏิเสธสามารถบำบัดได้ด้วย ‘Psychodynamic Therapy’ ที่จะช่วยให้ผู้คนเข้าใจและผ่านพ้นประสบการณ์และบาดแผลทางจิตใจที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ซึ่งอาจจะเป็นต้นตอที่ทำให้ความกลัวเหล่านี้มันก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาในจิตใจเรา นอกจากนี้ การบำบัดความรู้สึกวิตกกังวลอาจจะช่วยให้เราสามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี พอเราเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ และลองสังเกตพฤติกรรมและความรู้สึกของตนเอง หรือภาพสะท้อนผ่านความสัมพันธ์ จะพบว่า ความเป็นตัวเรามันมีประสบการณ์ในวัยเด็กเป็นส่วนประกอบอยู่ไม่น้อย ความรู้สึกไม่มั่นคง, ความรู้สึกต้องการการยอมรับ, ความรู้สึกว่าตัวเราจะต้องถูกปฏิเสธ หรือความรู้สึกว่าตัวเราไม่สมควรได้รับความรักจากใครทั้งนั้น พาร์ตหนึ่งมันอาจจะมาจากการเลี้ยงดูของผู้ปกครองที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น ดังนั้นในมุมมองส่วนตัวของเรามองว่า อย่างน้อยการได้รู้ต้นตอของสาเหตุของปัญหาก็นับว่าเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นการค่อย ๆ ปล่อยวางอดีตและดีดตัวเองเข้ามาอยู่กับปัจจุบันด้วยความไม่กลัวและเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่เข้ามาก็อาจจะเป็นตัวช่วยที่พอได้บ้าง หรือถ้าหากว่ามันเหลือบ่ากว่าแรงเกินไป แน่นอนว่าการพบผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงช่วยเราได้เสมอ 

อ้างอิง