ปลาป่น / ปลาเป็ด

หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ท้องทะเลไทย คงรู้จักกับ ‘น้องปลาป่น’ อาหารสัตว์ที่มีโปรตีนสูง ซึ่งเจ้าปลาป่นเกิดจากการที่ชาวประมงลากอวนและมีลูกปลาหลากหลายชนิดติดมาด้วย ทำให้สามารถนำไปบดและสกัดออกมาเป็นปลาป่นได้ โดยความต้องการของปลาป่นเชื่อมโยงไปกับอุตสาหกรรมปศุสัตว์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากตัวเลขการประมาณการณ์ความต้องการปลาป่นในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปี 2566 สูงถึง 23.27 ล้านตันเลยทีเดียว

วนกลับมาทำความเข้าใจ ‘ปลาเป็ด’ กันบ้าง หลายคนอาจจะสงสัยว่า สรุปแล้ว ‘ปลาเป็ด’ เป็นปลาหรือเป็นเป็ดกันแน่ คำตอบก็คือ ปลาเป็ดเป็นปลานี่ล่ะ แต่เป็นปลาที่เมื่อชาวประมงจับมาแล้วไม่สามารถนำไปขายต่อให้คนกินได้ เนื่องจากน้องติดมากับอวนของชาวประมงและยังไม่โตพอที่จะเป็นอาหารของคนได้ คนส่วนใหญ่จึงซื้อปลาเหล่านี้ไปเพื่อเป็นอาหารเป็ดและมีราคาถูก ตกอยู่ที่ประมาณ 7 – 8 บาทต่อ 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ปลาเป็ดเองก็ยังสามารถนำไปผลิตเป็น ‘ปลาป่น’ ได้อีกด้วย

ปลาเป็ด-ปลาป่น กับปัญหาบนพื้นดิน

ธุรกิจปลาป่นในประเทศไทยถูกกล่าวหาว่า ‘ทำลายระบบนิเวศ’ เนื่องจากวัตถุดิบที่จับมาทำปลาป่นนั้นเป็น ‘ปลาที่ยังโตไม่เต็มวัย’ และทำให้เกิดการเสียสมดุลในระบบนิเวศ รวมไปถึงศูนย์เสียมูลค่าทางเศรษฐกิจอีกด้วย เนื่องจากหากปล่อยให้ลูกปลาโตเต็มวัยมากกว่านี้อาจจะขายได้ในราคาที่สูงกว่า 7 – 8 บาทแน่นอน จากข้อครหาเหล่านี้ทำให้มีการเสนอว่าควรปิดโรงงานที่ผลิตปลาป่นในประเทศไทยไปและรับซื้อปลาป่นจากต่างประเทศแทน

ปิดโรงงานปลาป่นเป็นเรื่องปลายทาง

‘สงวนศักดิ์ อัครวรินทร์ชัย’ นายกสมาคมผู้ผลิตปลาป่นไทย เคยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ประเทศไทยสามารถผลิตปลาป่นได้สูงถึง 4 – 5 ตันต่อปี และทั้งหมดนี้ถูกใช้ภายในประเทศทั้งหมด ซึ่งคนที่เข้ามามีบทบาทในการกำหนดราคาปลาป่นมีแค่ซีพีหรือเครือเจริญโภคภัณฑ์เท่านั้น เพราะจำเป็นต้องใช้ปลาป่นเพื่อเลี้ยงสัตว์จำนวนมหาศาล นอกจากนี้ทางสงวนศักดิ์ ได้อธิบายเพิ่มว่า เอาเข้าจริง ๆ แล้วเศษปลาที่เกิดจากการทำปลาส่งออกสามารถนำมาผลิตเป็นปลาป่นได้เช่นกัน ดังนั้นโรงงานปลาป่นจึงเป็นเรื่องปลายทาง และสิ่งที่อยู่ต้นทางคือเรื่อประมงและการลากอวน

อย่างไรก็ดี ประเด็นของเรื่องนี้อาจจะอยู่ที่การทำประมงโดยการลากอวน ซึ่งเป็นการกระทำที่มักง่าย ผิดกฏหมาย และทำลายระบบนิเวศ รวมไปถึงทำลายมูลค่าทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลได้มีตัวเลขแสดงให้เห็นว่า ร้อยละ 32 ปลาเป็ดเองที่ถูกนำมาทำเป็นปลาป่นไม่ใช่ปลาเป็ดเสียทีเดียวแต่เป็น ‘สัตว์น้ำทางเศรษฐกิจ’ ที่ยังไม่เติบโตพอ ซึ่งการหายไปของสัตว์น้ำขนาดเล็กทางเศรษฐกิจนั้นส่งผลทางตรงกับระบบนิเวศอย่างแน่นอน และนอกจากเรื่องของปลาป่นแล้ว เราในฐานะผู้บริโภคยังมีเทคนิคการเลือกซื้ออาหารทะเลโดยไม่กระทบต่อระบบนิเวศได้ด้วยการไม่เลือกซื้อสัตว์น้ำที่ยังโตไม่เต็มวัย สังเกตง่าย ๆ ด้วยการเอาแบงค์ร้อยเทียบกับขนาดปลา เช่น ปลากระพงขาว ปลาทู ปลากระบอกดำ หรือปูม้า เป็นต้น เพียงเท่านี้เราก็สามารถกินอาหารทะเลให้อร่อยได้แบบไม่สนับสนุนการทำลายระบบนิเวศและท้องทะเลยังไงล่ะ

อ้างอิง