วันที่ 3 – 7 ตุลาคม จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อความกดอากาศสูงจากจีน และร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือทำให้สภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรง ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงเพิ่มสูงขึ้นถึง 5.30 เมตร ทุบสถิตินับตั้งแต่มีการบันทึก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่และอำเภอใกล้เคียง โดยมีพื้นที่ประสบภัยกว่า 13 อำเภอ 18 ตำบล 678 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 150,000 คน และสร้างความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 2,280 ล้านบาท
แม้ว่ามวลน้ำได้ไหลผ่านไปแล้ว เหลือเพียงความเสียหายที่รอทางการและทุกภาคส่วนเร่งจัดการแก้ไขและฟื้นฟู เมื่อมองดูแผนที่บริเวณที่ถูกน้ำท่วม พบว่าย่านการค้าและการท่องเที่ยวที่สำคัญ ต่างจมใต้ผืนน้ำอันเชี่ยวกราดหมด ทั้งย่านไนท์บาซ่า ถนนช้างคลาน ถนนท่าแพ ถนนช้างม่อย กาดวโรรส กาดเมืองใหม่ วัดเกต ถนนเชียงใหม่-ลำพูน หมู่บ้านเชียงใหม่ ชุมชนวัดศรีปิงเมือง ถนนมหิดล แม้กระทั่ง “เวียงกุมกาม” เมืองโบราณที่อายุเก่าแก่กว่าเมืองเชียงใหม่ มีชื่อเสียงในฐานะ “นครใต้พิภพ” ที่ถูกน้ำท่วมจนจมใต้ผืนดินในยุคอดีตกาลก็หนีไม่พ้นเหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีหลายพื้นที่ที่น้ำท่วมไปไม่ถึง ซึ่ง “คูเมืองเชียงใหม่” เขตเมืองโบราณที่เป็นย่านท่องเที่ยวที่สำคัญ มีแลนด์มาร์คที่เป็นจุดเด่น ทั้งประตูท่าแพ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ วัดเจดีย์หลวง วัดพระสิงห์ วัดเชียงมั่น กลับรอดพ้นจากน้ำท่วม ซ้ำยังสามารถจัดงานถนนคนเดินได้ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งประวัติศาสตร์
เวียงกุมกาม ถือเป็นเมืองโบราณที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1837 โดยพญามังราย ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านนา หลังจากทำสงครามตีเมืองหริภุญชัย (จังหวัดลำพูนในปัจจุบัน) สำเร็จ จึงได้มีการสร้างเมืองใหม่ริมแม่น้ำปิงเพื่อแสดงฐานอำนาจที่แท้จริง แทนที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่ยึดครองมา โดยได้ใช้ผังเมืองเดิมของหริภุญชัย รวมทั้งจำลองเจดีย์ที่สำคัญ อย่าง กู่กุด มาไว้ที่เมืองใหม่แห่งนี้ คือ กู่คำหลวง วัดเจดีย์เหลี่ยม แต่สิ่งที่ทำให้พญามังรายต้องย้ายไปสร้างเมืองใหม่อีกครั้ง เพราะเวียงกุมกามตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ ทำให้เผชิญปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง ถึงขั้นปรากฏในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 61 ว่า “…ถึงยามกลางวรรษา (ฤดูฝน) น้ำท่วมฉิบหายมากนัก”
เพราะฉะนั้น จึงมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้น นั่นก็คือ “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” ในปี พ.ศ. 1839 โดยใช้ผังเมืองแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส สร้างเมืองขึ้นบนที่ราบเชิงดอยสุเทพ ที่เรียกว่า “ลานตะพักลำน้ำ” ซึ่งอยู่บนพื้นที่ดอนสูง ห่างจากลำน้ำ และที่ราบน้ำท่วมถึง และเมื่อดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ประกอบแล้ว เวียงกุมกาม ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอสารภี ไม่ไกลจากริมแม่น้ำปิง มีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 300 เมตร ขณะที่พื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ รวมถึงย่านคูเมืองมีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 320 เมตร จะเห็นได้ว่าตัวเมืองเชียงใหม่อยู่สูงกว่าเวียงกุมกาม ทำให้คูเมืองเชียงใหม่รอดพ้นจากน้ำท่วมไปได้ ถือเป็นความอัจฉริยะของผู้สร้างบ้านแปงเมืองเชียงใหม่ที่เลือกทำเลที่ตั้งของเมืองให้รอดพ้นจากน้ำท่วมได้
ไม่เพียงแค่นั้น เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ยังถือเป็นน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 500 ปี ซึ่งในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ได้ระบุว่าเมื่อปี พ.ศ. 2067 ในรัชสมัยของพญาเมืองแก้ว กษัตริย์ล้านนาในสมัยนั้น ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้น ระดับน้ำเอ่อล้นเกือบท่วมถึงประตูเชียงเรือก หรือประตูท่าแพในปัจจุบัน มีผู้คนจมน้ำเสียชีวิตจำนวนมาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของกาดเชียงเรือก ตลาดและย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น
เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ไม่เพียงแต่จะทำให้เราต้องศึกษาธรรมชาติ เพื่อวางแผนรับมือป้องกันเหตุการณ์ในอนาคต แต่ยังได้ศึกษาประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ในอดีต ที่เป็นเสมือนบทเรียนจากคนรุ่นก่อน ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกในอนาคต
ที่มา
- https://www.chiangmainews.co.th/social/3470317
- http://hydro-1.rid.go.th/Data/HD-04/houly/water_today.php
- https://www.facebook.com/fprid1cm/posts/pfbid02vPLLxUs4zS1yXh4xKtXYWTYayF3Px1SASNfUTAck1DS7uoCsxWphSwh6LQQfsKzNl?locale=th_TH
- https://www.facebook.com/fprid1cm/posts/pfbid0tYrYksFsRSzUySbmwGmVpXhmuS1NeWyhYVnJpKg7efMRTCZgXKdRq89comuraQGPl
- webpac.library.mju.ac.th:8080/mm/fulltext/research/2557/daranee_danwandee_2555/chapter4.pdf
- https://www.finearts.go.th/fad7/view/21701-การศึกษาทางด้านปฐพีวิทยาของเวียงกุมกาม
- https://www.silpa-mag.com/history/article_75275
- https://www.facebook.com/wichayaculcmru/posts/pfbid02T2cxBvKWi37PVRgNnWCCx6XoH4mBganZXAKdYtqQbaJM4k94kFdZrDP3RLrUrCBpl
- https://www.facebook.com/GeologicalSciencesCMU/videos/1735128620633089/?locale=th_TH
- https://chiangmai.moc.go.th/th/content/page/index/id/1055