GAY

เข้าสู่เดือนมิถุนายนกันแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับเดือนนี้ไม่ได้เลยคือการมาถึงของ Pride Month หรือ การเฉลิมฉลองอัตลักษณ์ของ LGBTQIA+ ซึ่งเราจะได้เห็นสีรุ้งอยู่รอบตัวได้ในเดือนนี้ โดยอย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่าจุดเริ่มต้นของกลุ่มคนเหล่านี้ต้องเริ่มที่ G หรือ Gay ก่อนที่มีคำนิยามบ่งบอกพวกเขาในช่วงแรก ๆ ว่าพวกเขาคือกลุ่มคนที่รักในเพศเดียวกัน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนความหมายมาเรื่อย ๆ จนเหลือให้คงอยู่แต่ความหมายที่ว่าพวกเขาคือกลุ่มชายที่รักชายด้วยกันเอง แต่หากใครได้เรียนภาษาแบบลึกในระดับหนึ่งก็จะรู้ว่าแต่เดิมแล้วคำนี้มีความหมายในอีกแบบ เพื่อต้อนรับการมาถึงของ Pride Month บทความนี้เราจะพาไปเจาะลึกถึงความหมายของคำว่า “Gay” กัน

หากเราย้อนประวัติศาสตร์ไป เราจะได้ความหมายดั้งเดิมที่มีมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 14 ว่า “full of joy, merry; light-hearted, carefree” ที่หมายถึงว่า “เปี่ยมไปด้วยความสุข, ร่าเริง, เบิกบานใจ, ปราศจากกังวล” โดยมีรากฐานของคำลงถึงไปถึงศตวรรษที่ 12 ซึ่งคำว่า Gay มาจากคำภาษาฝรั่งเศสเดิมว่า “gei” และลงลึกไปอีกก็จะเห็นว่ามีพื้นฐานมาจากกลุ่มภาษาเจอร์เมนิก โดยปรากฎหลักฐานการใช้คำนี้เป็นครั้งแรกในช่วงปี ค.ศ. 1225 ในหนังสื่อที่ชื่อว่า “Ancrene Riwle” และหากเราลองค้นหาสื่อสิ่งพิมพ์ในยุคนั้น คุณจะเจอคำว่า Gay ที่ใช้แทนถึงความสุขหรือความสำราญใจเต็มไปหมด

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 คำว่า Gay เริ่มมีความเกี่ยวข้องทางเพศ โดยเริ่มความหมายชุดที่สองจาก Oxford English Dictionary ว่า “addicted to pleasures and dissipations” ซึ่งแปลว่า “เสพติดความสุขและเสเพล” จากนั้นก็เริ่มมีการใช้คำว่า Gay เพื่อระบุบุคคล อย่าง Gay Woman หมายถึงโสเภณี, Gay Man หมายถึงชายเจ้าชู้ และ Gay House หมายถึง ซ่อง รวมไปถึงในศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการใช้คำว่า Gey Cat (คำว่า Gey คือคำว่า Gay เหมือนกันแต่อยู่ในภาษาสก็อต) ที่หมายถึง นักเลงวัยรุ่นที่อยุ่ภายใต้การดูแลของนักเลงรุ่นเก๋า ซึ่งในบางครั้งแล้วก็อาจจะมีเพศสัมพันธ์กันกับรุ่นพี่เพื่อแลกกับความปลอดภัยของชีวิตตนเองและการคุ้มครองภายในแก๊ง (ตามความหมายที่ระบุอยู่ในหนังสือ Dictionary of “Underworld & Prison Slang;” ของ นาธาเนียล เออร์สไคน์ ปี ค.ศ. 1933) หรือมีความหมายถึงชายขายบริการให้ผู้หญิง

ส่วนความหมายที่หมายถึงการร่วมเพศนั้นมีหลักฐานปรากฏในหนังสือ Dictionary of American Slang ว่าเริ่มมีการใช้ตั้งแต่ช่วง ปี ค.ศ. 1920 เป็นต้นมา ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันที่ผู้คนเริ่มหยิบคำว่า “Straight” มาเป็นคำที่ระบุถึงผู้ที่รักเพศตรงข้าม แต่ในขณะเดียวกันการเป็นเกย์ในสหราชอาณาจักรช่วงนั้นถือว่าผิดกฎหมายในช่วงศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งการมาของภาพยนตร์ที่ชื่อ “Light Up the Sky!” ภาพยนตร์แนวคอเมดี้ดราม่าที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหน่วยลาตระเวนในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีซีน Syd McGaffey ที่กำลังจะประกาศอะไรบางอย่างกลางกระท่อมที่พังยับหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว โดยมีบทประมาณว่า

Syd : “ผมอยากจะประกาศบางสิ่ง”
คนอื่น : “กับใครอ่ะ? (เข้าใจว่าเป็นการขอแต่งงาน)”
Syd : “ไม่ใช่กับเอ็งแน่ เอ็งไม่ใช่สเป็คข้าสักหน่อย”
คนอื่น : “โอ๊ะ ข้าไม่รู้นะเนี่ย ว่าเอ็งแอบเป็นเกย์”

ซึ่งตามบทแล้วก็สมควรจะพูดอย่างนั้น เพราะนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชาย และมันก็กลายเป็นจุดเริ่มของการใช้คำว่า Gay ในบริบทของการรักร่วมเพศ 

ต่อมาในปี ค.ศ. 1963 ความหมายใหม่ของคำว่า Gay ก็แพร่กระจายไปทั่วจนเป็นอันรู้กันดีว่าหมายถึงอะไร ตามตัวอย่างที่ปรากฎในหนังสือ The Intelligent Woman’s Guide to Man-Hunting ของ Albert Ellis และนวนิยายปี ค.ศ. 1964 เรื่อง Last Exit to Brooklyn ของ Hubert Selby Jr. ได้มีการบรรยายตัวละครหนึ่งเอาไว้ว่า “มีความภาคภูมิใจในการเป็นเกย์ โดยมีสติปัญญาและสง่าผ่าเผยเหนือกว่าผู้อื่นที่ไม่ใช่เกย์…. (โดยเฉพาะผู้หญิง)” ซึ่งบวกเข้ากับการประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางเพศฉบับใหม่ ปี ค.ศ. 1967 (ถือว่าเป็นการครบรอบ 50 ปีของชุมชน LGBTQ+ ในสหราชอาณาจักร) ที่ทำให้การรักร่วมเพศในประเทศไม่ผิดกฎหมายอีกต่อไป รวมถึงทำให้ผู้คนรู้ความหมายใหม่และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนความหมายเก่าก็ยังมีการปรากฏใช้อยู่บ้าง

ส่วนในประเทศไทยก็มีการปรากฏของการรักร่วมเพศมาอย่างช้านาน หลักฐานของคำว่าเกย์ในไทยอาจจะยังไม่มีที่มาแน่ชัดว่ามาเริ่มใช้ในช่วงไหน แต่มีการคาดว่าเริ่มมาใช้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ตามหลักฐานบางส่วนในปรากฎในในคอลัมน์ “คุยเฟื่องเรื่องเซ็กส์” ของลุงหนวด ในนิตยสารคู่ทุกข์คู่ยาก ฉบับเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2526 ใจความบางส่วนว่า “…ต่อมาในปี พ.ศ. 2507 เริ่มมีธุรกิจการขายบริการทางเพศในประเทศไทย เพื่อสนองความต้องการให้กับชาวต่างชาติเป็นหลัก ตามย่านถนนสีลมและพัฒน์พงษ์ เป็นต้น…” ซึ่งนั่นอาจจะกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้คำว่าเกย์ในไทย และในช่วงเดียวกันนั้น นิตยสาร “แปลก” ก็เป็นนิตยสารที่กลุ่มรักร่วมเพศนิยมอ่านกันมาก โดยเฉพาะคอลัมน์ของ “โก๋ ปากน้ำ” ที่มักจะใช้เป็นพื้นที่ระบายในเรื่องของชายรักชาย อีกทั้งตัวนิตยสารยังเป็นผู้ให้กำเนิดคำว่า “เกย์คิง” และ “เกย์ควีน” อีกด้วย

ปัจจุบัน คนบางกลุ่มก็ไม่อยากใช้คำว่า Gay ในการระบุตัวตนเพราะมันดูตีกรอบมากเกินไป ก็เลยมีการหันไปใช้คำอื่น เช่น คำว่า “Queer” เป็นต้น และในนามของผู้เขียน ก็อยากจะรณรงค์ว่าผู้อื่นที่เป็นเพศใดก็ตามหรืออยู่ในบริบทใดก็ตาม ขอให้ร่วมกันน้อมรับและเคารพเรื่องทางเพศของผู้อื่น เพราะกว่าที่พวกเขาจะก้าวออกมาบอกได้มันต้องใช้พลังใจเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบที่ทุกเพศยอมรับตรงกันว่าสิ่งใดควรหรือสิ่งใดไม่ควร สุดท้าย ขอทิ้งท้ายเอาไว้ว่าขอให้ทุกคนและทุกเพศมีความสุขในเดือนแห่งความภูมิใจตลอดทั้งเดือนนี้

อ้างอิง

CREATED BY

สิ่งมีชีวิตที่หยิบเรื่องรอบตัวมาเขียนมาเล่าให้คนอื่นอ่านและฟัง ส่วนตัวคนเขียนนั้นการอ่านอันดับสอง การนอนอันดับหนึ่ง