จากกระแส ‘ผีฮ่องกง’ เรื่องราวชวนหลอนจากยูทูบเบอร์สาวชื่อดังที่กลายเป็นไวรัลสุดขนหัวลุกในช่วงนี้ ทำให้เรื่องราวของฮ่องกงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง แม้จะเป็นด้านที่อาจจะชวนสยองขวัญอยู่ไม่น้อย แต่ชาวเน็ตบ้านเราก็ยังไม่ลดราวาศอกที่จะค้นหาต้นตอและที่มาที่ไปของภาพถ่ายสุดสยองนี้ เพื่อให้เรื่องนี้จบสมบูรณ์ตามแบบฉบับเรื่องผีแบบไทยๆ
แม้ ‘ผีฮ่องกง’ จะยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่วันนี้ SUM UP ขอหยิบยกตำนาน ‘ผีฮ่องกง’ สุดสยองที่เกิดขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อปี 1989 ซึ่งในท้ายที่สุดตำนานนี้ถูกลงความเห็นว่าเรื่องนี้มีคุณโกสต์แน่นอนนน
เรื่องราวเกิดขึ้นในวันหนึ่งของเดือนธันวาคมปี 1989 ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านไท่โป ฮ่องกง บรรยากาศในวันนั้นดำเนินไปอย่างปกติ จนกระทั่งมีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามาสั่งอาหารสำหรับ 4 คนให้นำไปส่งที่ห้องเช่าในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ละแวกใกล้เคียง
ออเดอร์ดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการโทรสั่งอาหารทั่วไปตามปกติ พนักงานร้านก็เร่งรีบทำอาหารตามออเดอร์เพื่อนำไปส่งให้แก่ลูกค้าที่ห้องเช่าตามหน้าที่ เมื่อไปถึงที่ห้องเช่าแห่งนั้นพนักงานร้านก็พบกับห้องเช่าที่มืดสนิทราวกับไม่มีคนอาศัยแต่อย่างใด พนักงานคนนั้นจึงตัดสินใจเคาะประตู สักพักก็มีเสียงพูดออกมาจากข้างในบอกให้วางอาหารไว้หน้าห้อง ก่อนที่จะยื่นเงินออกมาจากช่องใต้ประตู พนักงานก้มเก็บเงินค่าอาหารโดยไม่ได้สนใจหรือนึกสงสัยว่าทำไมห้องเช่าแห่งนี้ถึงปิดเงียบแต่กลับมีคนอยู่ข้างใน
แต่แล้วเมื่อถึงเวลาปิดร้าน เจ้าของร้านอาหารก็ได้ทำการตรวจสอบเงินจากยอดขายประจำวันกลับพบว่าเงินของออร์เดอร์ดังกล่าวเป็นเงินกงเต๊กแบบที่คนจีนนิยมเผาให้กับบรรพบุรุษในวันเช็งเม้ง เจ้าของร้านรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก คิดว่าโดนลูกค้ารายนี้หลอกกินฟรีเสียแล้วและโกรธที่พนักงานส่งอาหารที่ไม่ตรวจสอบเงินให้ดี ปล่อยให้ร้านถูกลูกค้าหลอกกินฟรีเสียได้ เจ้าของร้านได้แต่เก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้เนื่องจากตอนนี้ก็ดึกแล้ว ไว้ค่อยว่ากันในวันถัดไป
แต่แล้วในวันถัดมาเหตุการณ์ซ้ำรอยก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาเจอเงินกงเต๊กมัดรวมอยู่กับเงินยอดขายประจำวันของร้าน ครั้งนี้เจ้าของร้านคิดว่าจะต้องเดินทางไปที่ห้องเช่าแห่งนี้ด้วยตนเองเพื่อจัดการกับลูกค้าจอมขี้โกงรายนี้ หากลูกค้ารายนี้หวังกินฟรีและโทรมาสั่งอาหารกับร้านของเขาอีกครั้ง
และแล้วสายที่เจ้าของร้านรอคอยก็โทรเข้ามาในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ครั้งนี้เจ้าของร้านตัดสินใจไปส่งอาหารด้วยตัวเองตามที่ได้วางแผนเอาไว้ หมายมั่นปั้นมือว่าจะจับคนร้ายให้ได้คาหนังคาเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาไปถึง เหตุการณ์เดิมเหมือนที่เกิดขึ้นกับพนักงานของเขาก็เกิดขึ้นคือมีเสียงพูดออกมาจากห้องให้วางอาหารไว้หน้าประตูพร้อมทั้งสอดเงินออกมาจากช่องใต้ประตู เจ้าของร้านหยิบเงินขึ้นมาตรวจสอบดูพบว่าเงินที่ได้รับเงินที่เป็นเงินของจริง เขาเช็กแล้วเช็กอีกก็เห็นแน่ชัดแล้วว่าเป็นเงินจริง ๆ เลยตัดสินใจกลับร้านเนื่องจากไม่อยากที่จะมีปากเสียงกับลูกค้ารายนี้
แต่แล้วเจ้าของร้านก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อเขาทำการตรวจสอบเงินยอดขายในวันนั้นกลับเขาเจอเงินกงเต๊กปะปนมาอีกแล้ว เจ้าของร้านประหลาดใจเป็นอย่างมากและรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ก็ในเมื่อเขาตรวจดูเองกับมือว่ามันคือเงินจริง ๆ เมื่อตอนที่เขาไปส่งอาหารที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ด้วยตัวเอง
เขาคิดว่าครั้งนี้จะแจ้งความตำรวจแล้ว เพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากลเสียเหลือเกิน และเมื่อตำรวจไปถึงอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้นและได้ลองสำรวจดูอย่างละเอียด ก็พบว่าอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้มีสภาพเหมือนถูกทิ้งร้างไร้การดูแล อีกทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งอยู่ในห้องเช่าแห่งนั้น
เมื่อเปิดเขาไปทั้งหมดก็ต้องตกใจเพราะภาพที่เห็นนั้นคือ โต๊ะไพ่นกกระจอกที่มีศพนั่งล้อมวงกันอยู่ 4 ศพ สภาพเหมือนพวกเขาเสียชีวิตขณะกำลังนั่งล้อมวงเล่นไพ่นกกระจอกกันอยู่ สภาพของศพนั้นกำลังอยู่ในช่วงเน่าเปื่อยโดยไม่มีร่องรอยบาดแผลภายนอกแต่อย่างใดและคาดว่าชายหนุ่มทั้ง 4 คนน่าจะเสียชีวิตมานานมากกว่า 1 สัปดาห์แล้ว
ผลชันสูตรพลิกศพปรากฏว่า ชายหนุ่มทั้ง 4 เสียชีวิตจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปจนร่างกายขาดอ๊อกซิเจน ซึ่งน่าจะมาจากการเผาถ่านเพื่อเพิ่มความอบอุ่นขณะที่ทั้ง 4 ล้อมวงเล่นไพ่นกกระจอกกัน แต่ด้วยระบบระบายอากาศที่ไม่ดีทำให้ทั้ง 4 สูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมากจนเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว แต่ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นคือภายในศพมีอาหารของร้านอาหารของเขาอยู่โดยผลการตรวจพบว่าอาหารในกระเพาะของทั้ง 4 คนนั้นเพิ่งกินอาหารเข้าไปเมื่อ 2 วันที่แล้วนี่เอง
จากเหตุที่เกิดขึ้น คาดการณ์ได้ว่าด้วยความที่ทั้ง 4 คนเสียชีวิตแบบไม่รู้ตัวทำให้ดวงวิญญาณอาจจะคิดว่าพวกเขายังคงนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกันอยู่ตามปกติ และก็ยังคงสั่งอาหารมากินพร้อมกันแบบที่เคยทำกันมาตามปกติอยู่ก็เป็นได้
เรื่องราวคุณโกสต์สั่งอาหารนี้ถือเป็นเรื่องเล่าระดับตำนานที่ถูกกล่าวขานกันมาอย่างยาวนาน แม้จะยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นจริง แต่เรื่องราวนี้เป็นที่โจษจันจนได้ออกอากาศในรายการของไต้หวัน สามารถติดตามได้ที่ลิ้งใต้คอมเมนต์