หากจะเปิดหนัง Feel Good ขึ้นมาดูในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สักเรื่อง ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกันที่เล่าเรื่องมิตรภาพที่เติบโตไปพร้อมกับการเดินทาง อย่าง Green Book ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
Green Book ออกฉายครั้งแรกในปี 2018 เป็นผลงานการกำกับของ ‘ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี’ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการสร้างที่อิงมาจากเรื่องจริง โดยชูสองประเด็นหลัก ๆ คือ ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในยุค 1960s กับ มิตรภาพที่ได้มาระหว่างการเดินทางของ ‘ดอน เชอร์ลีย์’ และ ‘โทนี่ วัลเลลองก้า’ หรือ ‘โทนี่ ลิป’
ตอนเปิดเรื่อง หนังได้พาเราไปทำความรู้จักกับนิสัยของ โทนี่ ลิป ที่เป็นคนเหยียดสีผิวแบบตรงไปตรงมา แต่ชีวิตดันถึงจุดหักเหจนต้องไปร่วมงานกับคนผิวดำซึ่งเป็นนักเปียโนระดับโลก อย่าง ดอน เชอลีย์ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า โทนี่ ลิปต้องคอยขับรถให้เขาในระหว่างที่ออกทัวร์คอนเสิร์ตทางใต้ ระยะเวลาจะอยู่ที่ราว ๆ 2 เดือน ซึ่งในวันที่เริ่มงานได้มีคนมอบหนังสือ Green Book ให้แก่โทนี่ ลิป และภายในหนังสือเล่มนี้นี่เองที่สะท้อนให้เห็นถึงการเหยียดสีผิวในยุคสมัยนั้น
Green Book เป็นหนังสือเล่มสีเขียวบาง ๆ มีราคาอยู่ที่ราว ๆ 1.25 ดอลลาร์ และเป็นคู่มือสำหรับนักเดินทางของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับห้องพัก ร้านอาหาร ที่เปิดให้บริการและให้การต้อนรับกับคนผิวดำ เพราะมีหลาย ๆ แห่งไม่ต้อนรับคนผิวดำ และการมีอยู่ของหนังสือเล่มนี้ก็สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมในห้วงเวลานั้นที่การเหยียดสีผิวเป็นไปอย่างเข้มข้น นอกเหนือไปจากการที่ดอน เชอลีย์ถูกเหยียดสีผิวจากคนอื่น ๆ แล้ว ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกเหยียดด้วยกันเองจากคนที่มีเชื้อชาติหรือสัญชาติเดียวกันอีกด้วย เพราะพวกเขามองว่าในจุดที่ ดอน เชอลีย์ยืนอยู่มีความแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ที่นี้เราน่าจะเดาความรู้สึกของดอน เชอลีย์ออกแล้วว่า เขาจะรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกกดดัน และรู้สึกทำให้เป็นคนอื่น จนเขาดูเศร้าและดูหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา
ระหว่างการเดินทางที่มีกันแค่เพียงสองคนบวกกับอุปสรรคที่ทั้งคู่ต้องพบเจอ ทำให้ทั้งคู่ค่อย ๆ จูนเข้าหากันและมิตรภาพของโทนี่ ลิปและดอน เชอลีย์ก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น ความแตกต่างหรืออคติที่โทนี่ ลิปเคยมีต่อคนผิวดำก็ค่อย ๆ ทลายลง ซึ่งหนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพของเพื่อนมนุษย์ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่มีขอบเขตเรื่องของเชื้อชาติ สัญชาติ และสีผิวเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ความแตกต่างของนิสัยสุดขั้วของทั้ง 2 คนนี้ยังช่วยทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ความแตกต่างของทั้งคู่ยังทำให้บทสนทนาเรื่องนี้เต็มไปด้วยความตลกและในบางบทสนทนาก็เต็มไปด้วยคำพูดที่ลึกซึ้ง ยกตัวอย่างเช่น ในฉากหนึ่งที่ทั้งคู่นอนคุยกันเรื่องพี่ชาย และดอน เชอร์ลีย์บอกว่าตัวเขาไม่ยอมเขียนจดหมายหาพี่ชาย แต่ก็รอการติดต่อของพี่ชายอยู่ โทนี่ ลิปก็เลยสวนไปว่า จะรอทำไม ก็เขียนไปก่อนเลยเพราะ “The world is full of lonely people afraid to make the first move” หรือที่แปลว่า โลกนี้เต็มไปด้วยคนเหงาที่ไม่กล้าจะเริ่มก่อน ซึ่งเป็นประโยคที่น่ารักเอามาก ๆ
อย่างไรก็ดี Green Book เป็นภาพยนตร์ที่ย่อยง่ายและให้ความรู้สึกดี ๆ หลังดูจบ ทั้งนี้การเหยียดเชื้อชาติ การลดทอนความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่มีมาโดยตลอด และการเกิดขึ้นของ Green Book ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่การันตรีสิ่งเหล่านั้น แต่สิ่งที่จะมาทำลายให้สิ่งพวกนี้หายไปก็คือ มิตรภาพหรือการมองอีกคนเป็นเพื่อนมนุษย์อย่างเท่าเทียม