ขึ้นชื่อว่าเกมโชว์ใครบ้างจะไม่อยากเล่น และใครบ้างจะไม่อยากรวยทางลัดด้วยวิธีนี้ แน่นอนว่าด้วยวิธีการเล่นบวกกับเงินรางวัลที่ล่อตาล่อใจ ทำให้ใครต่อหลายคนต่างเลือกที่จะมาเล่นเกมโชว์ เพื่อคว้าเงินและรางวัลต่าง ๆ เข้าบ้านตัวเอง ซึ่งบางรายถึงขั้นทำแจ็คพอตแตกมาแล้วก็มี แต่กับที่จะเล่าต่อไปนี้ … ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

Who Wants to Be a Millionaire? หรือถ้าเป็นชื่อไทยที่หลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี คือ เกมเศรษฐี เกมโชว์ที่เรียกว่ามีมูลค่าของเงินรางวัลสูงที่สุดในช่วงยุคมิลเลนเนียล ด้วยมูลค่ามากถึง 1 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่ครั้งแรกของการออกอากาศในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 1998 จนถึงปัจจุบัน มีเศรษฐีหน้าใหม่หลายต่อหลายคน แต่กับชายที่ชื่อ Charles Ingram กลับถูกตัดชื่อออกจากทำเนียบผู้คว้าเงินล้าน ทั้งที่ตอบคำถามมูลค่า 1 ล้านปอนด์ได้สำเร็จ

เพราะเหตุใดเขาถึงถูกตัดชื่อ และซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น คือไม่ได้เงินรางวัลกลับบ้านไปเลยแม้แต่ปอนด์เดียว!

ย้อนกลับไปในช่วงของการออกอากาศเมื่อเดือนกันยายน 2001 ตัวของชาลส์ได้เข้าร่วมการแข่งขัน และได้เป็นผู้เล่นชิงเงินล้าน การตอบคำถามของเขาดูเหมือนไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่เมื่อเข้าสู่คำถามข้อลึก ๆ มูลค่าของเงินรางวัลเริ่มสูงขึ้น ทีมงานฝ่ายผลิตรายการเริ่มจับสังเกตความผิดปกติบางอย่าง สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ การเลือกคำตอบในแต่ละข้อ ในตอนแรก ชาลส์ได้เลือกคำตอบที่ผิด แต่ก่อนจะยืนยันคำตอบ ได้เปลี่ยนใจเลือกคำตอบที่ถูกต้อง และเขาก็ตอบถูกมาเรื่อย ๆ จนถึงข้อมูลค่า 1 ล้านปอนด์ เขาก็ตอบถูก และได้ถูกจารึกชื่อว่าเป็นผู้ที่คว้าเงินล้านได้สำเร็จ

แน่นอนว่าความสงสัยที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้โปรดิวเซอร์ของรายการตัดสินใจขอค้นตัวของชาลส์ ไล่ตั้งแต่เส้นผมไปจนถึงรองเท้า เพื่อค้นหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการโกง แต่ก็ไม่เจอ ทางด้านบริษัทโปรดักชันที่ผลิตรายการนี้ ได้ทำการตรวจเช็กเทปที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จไปเมื่อครู่ เช็กตลอดตั้งแต่วินาทีแรกของการถ่ายทำ ทีมงานจึงได้พบกับความจริงบางอย่าง ที่นำมาสู่การเปิดโปงว่าชายผู้ที่เพิ่งคว้าเงินล้านไปเมื่อครู่นี้ได้กระทำการโกงระหว่างแข่งขัน

โดยวิธีที่เขาใช้ในการโกงนั้นก็คือ ตัวของชาลส์จะอ่านคำตอบ ผสมกับวิเคราะห์คำตอบไปเรื่อย ๆ ถ้าคำตอบที่เขาเลือกเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ภรรยาที่นั่งอยู่ในกลุ่มคนดู กับผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่รอคัดเลือก จะทำการ “ไอ” หรือ “กระแอม” ในลำคอ เพื่อส่งสัญญาณให้ชาลส์รู้ว่า คำตอบที่ตัวเองจะเลือกนั้นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่ถ้าคำตอบที่จะเลือกนั้นเป็นคำตอบที่ผิด จะไม่มีเสียงไอหรือกระแอมเล็ดลอดออกมา และตัวของชาลส์จะอ่านคำตอบวนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ยินเสียงไอหรือกระแอมออกมา

หลังจากที่ไขความกระจ่างได้สำเร็จ ทางรายการได้ทำการระงับการจ่ายเงินแก่ชาลส์ และเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อศาลในเดือนเมษายน 2003 โดยทางผู้ผลิตรายการได้นำเทปรายการที่ว่ามานี้ใช้เป็นพยานหลักฐาน ทางด้านของชาลส์ยังคงยืนกรานและปากแข็ง โดยอ้างว่าในระหว่างการถ่ายทำนั้น เขาไม่ได้ยินเสียงไอหรือกระแอมแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงกระนั้นทางด้านผู้ผลิตได้เบิกพยานหลักฐานเพิ่ม คือเทปรายการที่ถ่ายทำในคืนที่สอง ปรากฏว่าในค่ำคืนนั้นมีเสียงไอและกระแอมรวมกันมากถึง 192 ครั้ง ทั้งมาจากภรรยาของชาลส์ และผู้เล่นคนอื่นที่สมรู้ร่วมคิดในการโกง

ท้ายที่สุด ศาลได้พิพากษาให้กลุ่มของชาลส์เป็นฝ่ายผิด ตัดสินให้ถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี และต้องชดใช้ค่าปรับร่วมกันเป็นจำนวนรวมกว่า 115,000 ปอนด์ ถือเป็นการจบเรื่องราวการโกงออกจอในวงการเกมโชว์ของเมืองผู้ดี

ภายหลัง ผู้ผลิตรายการได้อัปโหลดเทปรายการดังกล่าวลงบนยูทูบ พร้อมทั้งได้อธิบายเพิ่มเติมในเทปดังกล่าวว่า ในการถ่ายทำรายการแต่ละครั้ง ทีมงานฝ่ายโปรดักชันจะใช้กล้องจำนวน 8 ตัว ในการบันทึกภาพ ทั้งจับภาพใบหน้าของพิธีกร, ผู้เล่น รวมถึงบรรยากาศภายในสตูดิโอ และไมโครโฟนจำนวน 21 ตัว ในการบันทึกเสียง ทั้งเสียงของพิธีกร เสียงของผู้เล่น และเสียงผู้ชมในสตูดิโอ ซึ่งนั่นถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นงามที่ทำให้การกล่าวหาว่าโกงนั้นมีมูลมากพอ แน่นอนว่าทั้งเสียงไอ กระแอม และรีแอกชันตอนที่กำลังไอได้ถูกบันทึกเก็บไว้ตลอดระหว่างที่มีการถ่ายทำ

ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องราวที่ผ่านมานานกว่า 20 ปี แต่ถือได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ (หรือไม่น่าจดจำก็แล้วแต่) ในวงการเกมโชว์แห่งเมืองผู้ดี และคงเป็นเรื่องที่ตัวของชาลส์จะไม่มีวันลืมได้ลงเช่นกัน

อ้างอิง

CREATED BY

นักข่าวสายฟรีแลนซ์