หวานชื่นรื่นรมย์! คือ สโลแกนคุ้นหูของแบรนด์น้ำหวานยี่ห้อดังอย่าง ‘เฮลซ์บลูบอย’ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ เรามักจะเห็นขวดเฮลซ์บลูบอยหลากสีวางเรียงรายอยู่ที่ร้านขายน้ำแข็งใส โดยจุดเริ่มต้นของน้ำหวานยี่ห้อดังเกิดจาก 4 พี่น้องแห่งตระกูล ‘พัฒนะเอนก’ ที่ตอนนั้นที่บ้านเปิดร้านโชห่วย และมองเห็นว่าในท้องตลาดยังไม่มีน้ำหวานรูปแบบนี้ขาย จึงได้คิดค้นสูตรน้ำหวานออกมาวางขาย ซึ่งได้เริ่มคิดค้นสูตรน้ำหวานและวางขายในปี 2502 ต่อมาในปี 2521 ได้เริ่มจดทะเบียนชื่อว่า บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และดำเนินธุรกิจยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน
เรามักจะคุ้นตาว่า ‘เฮลซ์บลูบอย’ ถูกบรรจุในขวดแก้ว และการลงทุนในบรรจุภันฑ์ก็สื่อถึงการใส่ใจในสินค้า เพราะว่าการบรรจุน้ำหวานไว้ในขวดแก้วสามารถกักเก็บความหวานได้นานกว่าขวดพลาสติกประมาณ 2 – 5 ปี และแม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับเฮลซ์บลูบอยสีแดงและเขียว แต่แท้ที่จริงแล้วเฮลซ์บลูบอยมีรสชาติให้เลือกสรรถึง 9 รสชาติ ได้แก่ ครีมโซดา, องุ่น, มะลิ, สับปะรด, กุหลาบ, สละ, ซาสี่, สตรอเบอรี่, แคนตาลูป
แม้ว่า ‘เฮลซ์บลูบอย’ จะถูกวางขายมานานถึง 60 กว่าปีก็ตาม แต่ก็ยังสามารถทำกำไรได้เป็นพันล้านบาทต่อปี โดยหากเปิดรายได้ของ บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ย้อนหลัง ตั้งแต่ ปี 2563-2565 มีข้อมูล ดังนี้
- ปี 2563 รายได้รวม 3,320 ล้านบาท กำไร 1,057 ล้านบาท
- ปี 2564 รายได้รวม 3,563 ล้านบาท กำไร 1,137 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้รวม 3,020 ล้านบาท กำไร 956 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้รวม 3,718 ล้านบาท กำไร 904 ล้านบาท
การประสบความสำเร็จของแบรนด์ ‘เฮลซ์บลูบอย’ มีเทคนิค ดังนี้
ไม่ใช่เป็นเพียง ‘น้ำหวาน’ แต่เป็น ‘หัวเชื้อ’ ในการให้ความหวาน
‘เฮลซ์บลูบอย’ ไม่ได้วางตัวเป็นน้ำหวานเท่านั้น แต่วางตัวเป็นสารให้ความหวานที่เข้มข้น โดยผู้บริโภคสามารถนำสินค้าไปรังสรรค์เป็นเมนูอื่น ๆ ต่อได้ ซึ่งยกตัวอย่างง่าย ๆ ว่า ในท้องตลาดมีการนำ ‘เฮลซ์บลูบอย’ ไปใช้ในเมนูอื่น ๆ เช่น นมเย็น น้ำแข็งใส ไอติม เป็นต้น ซึ่งนั่นเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้เข้ากับทุกกลุ่ม
“ทำธุรกิจแค่ ‘น้ำหวาน’ และ ‘น้ำตาลก้อน’ ตามความถนัด“
นอกเหนือจากการขายน้ำหวานแล้ว บริษัท เฮลซ์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้ขายสินค้าเพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือ ‘น้ำตาลก้อน’ ซึ่งก็จะเห็นว่าบริษัทนี้ไม่ยอมละทิ้งความหวานเลยแม้แต่น้อย เหตุผลคือ ต้องการทำธุรกิจในสิ่งที่ตนเองถนัด และต้องการให้ภาพจำของแบรนด์ยังคงเป็นความหวานอยู่ และการขายสินค้าเพียงแค่ 2 อย่างในเวลานานหลายสิบปี นับว่าเป็นการพัฒนาแบรนด์ด้วยความมั่นคง ใจเย็น และเผชิญความเสี่ยงน้อยที่สุด
สินค้า MASS ที่ขายในราคาที่ใครก็จับต้องได้
‘เฮลซ์บลูบอย’ วางตัวเองเป็น MASS และสินค้าครัวเรือนมาตั้งแต่ต้น เพราะขายในราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ตัวโลโก้แบรนด์เองก็สื่อถึง ‘ผู้ใช้แรงงาน’ (Blue Collar) ซึ่งเป็นรูปเด็กผู้ชายใส่เอี้ยมสีฟ้า คล้ายกับต้องการจะสื่อสารว่าผู้ใช้แรงงานควรดื่มน้ำหวานให้ชื่นอกชื่นใจหลังจากใช้แรงในการทำงานมาทั้งวันแล้ว
อย่างไรก็ดี การประสบความสำเร็จของแบรนด์ ‘เฮลซ์บลูบอย’ เกิดจากการพัฒนาสินค้าโฮมเมดที่สร้างภาพจำแบรนด์ ทั้งบรรจุภัณฑ์ โลโก้ ราคา ไว้คงเดิมตั้งแต่ต้นจนติดตลาด จะสังเกตได้ว่าการทำการตลาด ‘เฮลซ์บลูบอย’ ในปัจุบันไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่นัก แต่สินค้ายังเป็นที่จดจำ และสร้างรายได้เป็นพันล้านต่อปี นั่นก็เพราะตัวสินค้าถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี และทำให้ยังคงอยู่ได้แม้ว่าจะขายสินค้าเพียงแค่ 2 ชนิด และมีคู่แข่งทางการตลาดจำนวนมหาศาลก็ตาม

อ้างอิง
- https://www.brandage.com/article/34662
- https://www.everydaymarketing.co/business-and-marketing-case-study/การตลาด-เฮลซ์บลูบอย-case-study/
- https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/5808.html
- Datawarehouse