High School Frenemy - มิตรภาพคราบศัตรู

High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู” ซีรีส์มิตรภาพแบบเพื่อนกันกี่โมง??? ออกกาศทางช่อง GMM 25 ที่กำลังพาสาววายฟออินฟินความงอนกันไปงอนกันมาของสองเพื่อนรักชินกับเซนต์ จนถึง EP ล่าสุด เขาดีกันแล้ว เขากลับมารักกันแล้ว ตอนนี้ช่วยกันลุ้นกับความเป็นเพื่อนแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันไปก่อนว่าจะเป็นยังไงต่อไป 🙂 

วันนี้ทีม SUM UP ชวนน้องๆ นักแสดงทั้ง 4 คนมาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ฟีลสบาย ๆ สไตล์มิตร ๆ สกาย – นานิ – เค – มาร์คจิ กับเรื่องราวสนุก ๆ ในกอง รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ ความสนิทสนมของพวกเขาที่โลกเหวี่ยงให้มาอยู่ด้วยกันกับซีรีส์เรื่องนี้ 

ชวนกันอ่านบทสัมภาษณ์แบบยาว ๆ แล้วนึกภาพตาม นึกถึงความซน ๆ แสบ ๆ ของพวกเขา แล้วคุณจะอ่านไปยิ้มไปแบบไม่รู้ตัว

ใครเป็นใคร “มิตรภาพคราบศัตรู High School Frenemy” เริ่ม…

เค : ‘เค เลิศสิทธิชัย’ รับบทเป็น ‘เคน’ ครับ อยู่วิทยาเขตเทพบูรพาครับ ตัวเคนก็จะเป็นนักเรียนหัวโจก เหมือนเป็นหัวหน้าแก๊งของฝั่งเทพบูรพาครับ วัน ๆ ไม่อยากทำอะไร อยากหาเรื่องอย่างเดียว ความตั้งใจเดียว คือ อยากโค่น ทุกคนในโรงเรียน อยากเป็นที่ 1 ของโรงเรียนครับ

นานิ : ‘นานิ-หิรัญกฤษฎ์ ช่างคำ’ นะครับ รับบทเป็น ‘ชิน’ อยู่วิทยาเขตอุดรพิทักษ์ครับ ตัวละครชินก็จะเป็นคนห้าว ๆ ปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ แต่อีกคาแรกเตอร์ตอนย้อนอดีตไปจะเป็นเด็กดี เหมือนแบบพลิกโลกอะไรอย่างนี้ครับ เป็นหัวหน้ากลุ่มอุดรพิทักษ์ เป็นผู้นำ แล้วก็จะมีเรื่องราวกับเซนต์มาหลาย ๆ เรื่อง

สกาย : ‘สกาย’ ครับ รับบทเป็น ‘เซนต์’ นะครับ อยู่วิทยาเขตเทพบูรพา เคยเป็นเพื่อนสนิทกับชิน คาแรกเตอร์ก็จะเป็นคนที่คิดชั้นเดียว ตรงไปตรงมา คิดเอง จบที่ตัวเอง ไม่ปรึกษาใคร แล้วปัจจุบันจะเป็นคนที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพราะว่าอยากหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น

มาร์ค : ‘มาร์ค จิรันธนิน’ รับบทเป็น ‘เคเบิ้ล’ คาแรกเตอร์เขาจะเป็นตัวละครที่เป็นเด็กเนิร์ด เป็นเด็กเรียน ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่อยากเรียน แต่จริง ๆ แล้วเคเบิ้ลเขาก็อยากจะเป็นเด็กทั่ว ๆ ไปที่อยากจะมีเพื่อน อยากจะเที่ยวเล่นกับคนอื่น แต่ว่าเขาโดนกดดันจากที่บ้านว่าจะต้องตั้งใจเรียนนะ ก็เลยทำให้เขากลายเป็นเด็กที่ไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครครับ

มีอะไรน่าติดตามบ้างสำหรับซีรีส์เรื่องนี้

สกาย : ในเรื่องจะเล่าถึงเด็กโรงเรียนเดียวกันแต่ว่าคนละวิทยาเขตกัน คือ วิทยาเขตเทพบูรพากับวิทยาเขตอุดรพิทักษ์ คือเรื่องเกิดขึ้น เพราะว่าทั้ง 2 วิทยาเขตต้องมารวมเป็นโรงเรียนเดียวกัน อุดรพิทักษ์ต้องมารวมกับเทพบูรพา 

เค : เท้าความเหมือนว่า 2 วิทยาเขต เป็นศัตรูกันมาเป็น 10 ปีแล้ว แล้ววันหนึ่งโดนจับรวมเข้าหาด้วยกัน ความสนุกอยู่ตรงนี้แหละ

สกาย : ถูก เหมือนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นว่าให้เกลียดกัน

เค : ใช่ !!!

ความน่าสนใจในคาแรกเตอร์ของแต่ละคนที่ได้รับล่ะ 

เค : อย่างของเคเล่นเป็นเคน อย่างที่บอกว่าเราเป็นหัวโจกของฝั่งเทพบูรพา เบื้องหลังของเคนที่ชอบหาเรื่องไปทั่ว ชอบหาเรื่องเด็กเทพบูรพาด้วยกันเอง แล้วหาเรื่องเด็กอุดรพิทักษ์ จริง ๆ เขามีสาเหตุอยู่ว่าเขาเติบโตมาอย่างไร หรือว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องทำให้เขาไปจัดการเด็กเทพบูรพา มีสาเหตุของเขาอยู่แล้ว ผมว่าเป็นอะไรที่น่าติดตามของเคนด้วย ทำไมเด็กคนหนึ่งเติบโตแล้วมาเป็นคนแบบนี้ 

นานิ : ส่วนชินนะครับ สำหรับผม ชินเขาจะเป็นคนที่แข็ง ๆ ปากไม่ตรงกับใจอะไรอย่างนี้ ความน่าติดตามของตัวละครชิน หลัก ๆ ชินจะอยู่กับเซ้นส์ ความสัมพันธ์ที่เมื่อก่อนสนิทกันมากแล้วทำไม ณ ปัจจุบันถึงแบบแตกหักได้ขนาดนี้ ทำไมถึงเกิดเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ระหว่าง 2 คนนี้ พอชินมาเป็นหัวหน้าของอุดรพิทักษ์ แล้วก็ต้องมาเจอกับฝั่งของเทพบูรพาที่เป็นหัวโจกกัน ก็ไม่ถูกกัน มีเรื่องกันตลอดจนจบถึงมีจุดเปลี่ยนแปลงของแต่ละตัวละคร มีอะไรที่น่าติดตามเยอะมาก ๆ อยากให้ทุกคนได้ติดตามจริง ๆ

สกาย : ของเซนต์นะครับ ความน่าติดตาม นอกเหนือจากพาร์ทหลัก ๆ ที่ต้องการกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกับชินเหมือนเดิม จะมีพาร์ทอื่นด้วย เพราะว่าเราพยายามที่จะสมานแผลระหว่างอุดรพิทักษ์กับเทพบูรพา คือหมายถึงว่าเราช่วยเพื่อนด้วย ไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะกัน ก็จะช่วยทุก ๆ คนในโรงเรียน รวมไปถึงพาร์ทครอบครัวด้วย ก็จะมีความสัมพันธ์กับคุณพ่อ

มาร์ค : ตัวละครเคเบิ้ล ความน่าสนใจจะอยู่ที่ว่า ทำไมเคเบิ้ลทำไมถึงเป็นเด็กแบบนี้ เป็นเด็กเก็บกดไม่กล้า มีที่มาที่ไป อาจจะเป็นเรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่ว่าจะมีจุดเปลี่ยนอยู่ที่ว่าจะกลายเป็นเพื่อนกับเพื่อน ๆ คนอื่นได้ไหม จะกลับมาเป็นเด็กปกติหรือเปล่า จะยังโดนแกล้งอยู่ไหม ก็จะเล่าต่อไปเรื่อย ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ 

จริง ๆ จุดที่ยากของตัวละครของเคเบิ้ล คือ เคเบิ้ลจะรู้สึกอึดอัดอยู่ตลอดเวลา อันนี้เราต้องแสดงออกมาให้ได้ แล้วตอนผมเล่นผมก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ว่า ‘เออ!! เวลาเราเล่น เรารู้สึกเหนื่อยจังเลย’ ทั้ง ๆ ที่บางทีเราแทบจะไม่ได้มีบท แค่กล้องมารับหน้าเราอย่างเดียว แต่เราต้องรู้สึกอึดอัดแบบนั้นออกมาครับ

ระหว่างตัวละครกับความเป็นเรามีความแตกต่างกันขนาดไหน

เค : เป็นตัวเอง 100% เอ้ย !!! ไม่ใช่นักเลงจ๋า

นานิ : 5555

สกาย : 5555

(พากันหัวเราะ)

เค : ผมว่าสิ่งที่แตกต่างกับตัวเคนเอง คือ ฝั่งของตัวเคนจะชอบใช้กำลังในการแก้ปัญหา เป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไร จริง ๆ คิดแหละ แต่เป็นคนที่คิดตื้น ๆ ประมาณว่าแค่ต้องการใช้กำลังในการแก้ปัญหาทุกอย่าง แล้วเคนเติบโตมากับการใช้กำลังตลอดเวลาแล้วมันได้ผลนะ ไม่ว่าจะเป็นมาจากครอบครัวหรือว่าสังคมที่ตัวเองอยู่ รู้สึกว่าการใช้กำลังจะตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ใช่ แต่ตัวเองก็ไม่ได้คิดแบบนั้น 

แล้วไปศึกษาความเถื่อนของตัวละครเคนมาจากไหน

เค : โห!!! สกายเลยนี่ ในกอง (หันไปหาสกายแล้วหัวเราะ)  จริง ๆ คือเคได้รับบทตัวร้ายแบบนี้มาค่อนข้างบ่อยเลยรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่เราคุ้นเคยครับ เรารู้สึกว่าไอ้ตัวร้ายไม่มีอะไร แค่ต้องการรังควานคนอื่น คิดอะไรทำอย่างนั้น แล้ววัน ๆ เป้าหมายเขาไม่ได้อยากทำอะไร แค่อยากกวนคนอื่นแล้วอยากหาเรื่องคนอื่นมันคือความสนุกของตัวละคร เลยรู้สึกว่าเลเยอร์อาจจะไม่ได้เยอะเท่าของเคเบิ้ลครับ

นานิ : ดูเป็นเวอร์ชันที่โหดสุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมาสำหรับพี่เคนะครับ ส่วนตัวที่ผมดูคือตัวของเคนเนี่ยจะรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่เป็นหัวหน้าจริงแบบนิ่ง ๆ จริง ๆ 

ตัวละครของนานิล่ะ ชินกับนานิต่างกันยังไง

เค : ต่างกับตัวเองอย่างไร (คิด คิด คิด คิด)

นานิ : โอโห !!! ต่างกันลิบโลกเลย เหมือนอย่างเดียว ความหล่อ

เค : โอโห้ !!!

สกาย : ตายละ !!! 

นานิ : (ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนตอบต่อ) ตัวชินจะเป็นตัวละครที่เหมือนเป็นคนที่เสียใจ แต่ก็ห้ามแสดงออกให้รู้ แต่คือต้องให้รู้ว่ากำลังเสียใจ สมมุติว่าจะร้องไห้แต่ห้ามมีน้ำตา เหมือนเป็นคนที่อยู่ข้างในแบบลึกๆ มาก อย่างที่ผมบอกคือชินจะเป็นคนแข็งกระด้าง ปากไม่ตรงกับใจ พูดอย่างนึงแต่ตรงข้ามกับที่คิดหมด

สกาย : แต่เก็บความรู้สึกเก่ง 

นานิ : ใช่ ๆ แต่ถ้าเป็นตัวผม การพูดมันก็ไม่เท่าชินแล้ว เรื่องการใช้ชีวิตก็คือไม่เหมือนชินเลย อย่างตอนนี้ชินคือต้องแบกรับทั้งอุดรพิทักษ์ คอยปกป้องทุกคน energy เขาจะสูง เขาจะมีความเป็นผู้นำค่อนข้างมาก แล้วการใช้โทนเสียงชินกับผมก็จะไม่เหมือนกัน ชินเขาจะเป็นโทนต่ำ ส่วนผมก็จะเป็นคนประมาณนี้ แหลม ๆ ผมจะเป็นคนพูดเนือย ๆ ชินต้องกระชับกระชับอะไร มีหลายอย่างที่แตกต่างกัน

ผมรู้สึกเจอในตัวเองอีกเวอร์ชัน แล้วเรารู้สึกว่าถ้าเราเรากำลังรู้สึกอย่างนี้ ชินคงเป็นแบบนี้ เลยนำจุดนี้แบบมา relate กันครับ รู้สึกว่าเหมือนเราเรียนรู้ไปกับตัวละครชิน เลยเข้าใจตัวละครชิน มาก ๆ พอเราต้องเข้าไปเป็นตัวละคร ก็เลยง่ายมาก เพราะเรารู้สึกเข้าใจ เหมือนเป็นเราที่อยู่ในร่างของชิน

สกาย : ตัวละครเซนต์ แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท คือ พาร์ทอดีตกับพาร์ทปัจจุบัน อดีตเป็นพาร์ทที่เป็นหัวโจก ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ชอบมีเรื่องชกต่อย จะเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างพลุ่งพล่านแบบว่าไปสุด กระทืบคือกระทืบเลย ต่างกับตัวจริงสุด ๆ เลย เพราะว่าตัวจริงเป็นคนใจเย็น น่ารัก น่าทะนุถนอม (ยิ้ม)

ผมมีศึกษาดูความเดือดดาลบ้างครับ ดูพวกซีรีส์ที่มีแอคชั่นซีน กับดราม่าผสมกัน เพื่อรับรู้ถึงกลิ่นอายว่าเป็นประมาณนี้

มาร์ค : สิ่งที่เคเบิ้ลคล้ายกับผม (คิด คิด คิด) สิ่งที่คล้ายกันจะเป็นเรื่องที่ว่าเป็นคนพูดน้อย คือผมเป็นคนพูดน้อยแต่จะไม่เท่าเคเบิ้ล คือเคเบิ้ลเขาจะเก็บกด มีอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา บอกใครไม่ได้ บอกแม่ไม่ได้ บอกเพื่อนก็ไม่ได้ เป็นสิ่งที่ต่างกับผม 

ส่วนเรื่องการทำการบ้าน ผมโชคดีตรงที่พี่ฝนผู้กำกับมีเวลาให้ผม workshop ค่อนข้างที่จะหลายครั้ง แล้ว workshop กับบทแม่ที่แสดงโดย พี่ฝน (สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ)  ค่อนข้างที่จะเยอะเลยเข้าใจว่าผู้ใหญ่มีมุมมองแบบนี้นะ ตัวละครของเคเบิ้ล ผมต้องดีไซน์ออกมาเอง เราก็นำเรื่องราวในวัยเด็กที่เราเคยเจอ หรือบางทีต้องดีไซน์ขึ้นมาเองว่าอะไรที่ทำให้เคเบิ้ลเป็นอย่างนี้ อย่างทุกวันนี้ เขาเจอทางบ้านที่เข้มงวดมาจนส่งผลให้เขาเป็นเด็กแบบนี้ การ workshop ไปเรื่อย ๆ ทำให้ซึมซับความรู้สึกแบบนี้เข้าไปเรื่อย ๆ

ซีนประทับใจของแต่ละคน 

เค : จริง ๆ มีหลายซีนมาก ส่วนตัวผมชอบซีนแอ็กชันทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นซีนที่ผมประทับใจน่าจะเป็นซีนที่แนะนำวิทยาเขตเทพบูรพาและเขตอุดรพิทักษ์ที่เราใส่ชุดนักเรียนแล้ววิ่งเข้าหากัน เป็นซีนที่ทางโรงเรียนบอกว่าจะเอาสองวิทยาเขตมายุบรวมกันแล้ว อาจารย์ก็บอกว่า ‘เฮ้ย !!! มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะว่าสองวิทยาเขตนี้เป็นคู่อริกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว’ ซีนที่เราวิ่งเข้าหากัน มันดูมีพลัง ดูเท่มากครับ

สกาย : เท่สุด ๆ จริง

เค : ฝั่งไหนเท่กว่า?

สกาย : ก็บูรพาดิวะ (ยิ้มชนะ)

เค : แล้วนี่ชอบซีนไหน? (หันไปถามนานิ)

นานิ  : จริง ๆ ชอบหลายซีน เยอะมาก เยอะจริง ๆ ด้วยความที่รู้สึกว่า เออ…แต่ผมบอกมากไม่ได้ เพราะจะเป็นการสปอย อยากให้คนที่กำลังอ่านดูกันให้จบ ผมชอบทุกซีนที่ตัวเองเล่น ชอบองค์ประกอบภาพที่ออกมา ซีนแอ็กชัน ซีนหมู่มวลเพื่อน ซีนเซนต์กับชินอะไรอย่างนี้ ผมรู้สึกว่าเป็นอะไรบางอย่างที่รู้สึกว่าเราแฮปปี้ แล้วผมคิดว่าถ้าผมสนุก คนดูน่าจะสนุกด้วย อยากให้คนได้มาดูจริง ๆ ผมดูแล้วรู้สึกหายเหนื่อยครับ

สกาย : รู้สึกขนลุกเลย (แซว)

นานิ : ขนลุกเลยเหรอ

สกาย : เวลาดูไง…ผมชอบซีนที่เข้ากันทั้งหมดทั้งกับเค้า (หันไปหาคนข้าง ๆ) กับซีนที่เข้าพร้อมกันหลาย ๆ คนด้วย ประทับใจกันคนละแบบ เรื่องเราตัวละครเยอะเนอะ 10 กว่า แต่ถ้ารวมกันทั้งหมดเวลาเข้าซีน action 40 – 50 คนได้ ก็จะมีความยาก มีการเตรียมตัว การ blocking อารมณ์ แล้วพอเล่น มีหลายอย่างที่ต้องคอนโทรล แล้วเราผ่านไปก็จะรู้สึกว่า…

นานิ : เราผ่านไปแล้วนะ

สกาย : แล้วก็ร่วมมือกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้วก็ผ่านมาได้

มาร์ค : ผมชอบซีน action อยู่หลายซีน เพราะว่าผมอยากเล่น แต่ไม่เคยได้เลยตั้งแต่เป็นนักแสดงมา พอเห็นเพื่อน ๆ เล่น เราก็มาดูที่ถ่ายทำออกมาแล้ว ผมรู้สึกว่า ‘เออ !!! มันน่าสนุก’ แล้วอยากจะลองเล่น ซีนที่ชอบจริง ๆ จะเป็นซีนเล็ก ๆ ที่เคเบิ้ลนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อน ผมชอบซีนนั้นครับ

นานิ : สปอยอยู่เหรอ 

มาร์ค : ใช่

นานิ : ไม่เป็นไรเล่าไปเลย 

มาร์ค : บทสัมภาษณ์นี่เราออกตอนไหนนะครับ 

มาร์คถามมายังทีมงานที่กำลังนั่งสัมภาษณ์แลได้คำตอบว่าเป็น EP.12

สกาย : โอเคอยู่ ไม่ได้สปอยมาก 

มาร์ค : ซีนสั้น ๆ ที่ว่า เคเบิ้ลกำลังนั่งทานข้าวกับเพื่อน ๆ 4 คน คือเป็นซีนเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีอะไร แต่ว่าได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกันในแบบมิตรภาพระหว่างเพื่อนที่กำลังจะก่อ หรือว่า…มิตรภาพของคนอื่น…ที่เป็นคู่…อะไรประมาณนี้ (ทุกคนยิ้มมมมมม)

สกาย : เป็นซีนที่น่ารัก น่าชัง

อยากให้ทุกคนแชร์เรื่อง ‘มิตรภาพ’ ของแต่ละคน 

มาร์ค : มิตรภาพ ก็ตรงตัวครับ มิตรภาพของผม หมายถึงเพื่อน ไม่ว่าจะสมัยมัธยม หรือมหาวิทยาลัย ถึงเวลาจะผ่านกับไปนานแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนยังเหมือนเดิมจนทุกวันนี้ครับ 

นานิ : มิตรภาพไม่เคยจางหาย

มาร์ค : ใช่ครับ 

นานิ : คุณสกาย วงศ์รวี ต่อเลยครับ 

สกาย : มิตรภาพ ‘มิตร’ แปลว่า ‘เพื่อน’ ‘ภาพ’ แปลว่า ‘รูป’ เป็นรูปของเพื่อนครับ

นานิ : เฮ้ยยยย !!!!

สกาย : มิตรภาพก็คือความสัมพันธ์ในรูปแบบหนึ่ง คือ เป็นเพื่อนที่ไว้วางใจกัน สามารถเชื่อใจกันได้

เค : เหมือนนึกอะไรในหัวออกมาทีละคำ ณ ตอนนี้

นานิ : ค่อย ๆ กำลังคิด  

สกาย : กำลังคิดอยู่ไง inside 

นานิ : เพื่อนก็มิตรภาพ คือ เพื่อนที่เรานั่นแหละอย่างที่สกายบอก คือที่เราสบายใจ ไว้วางใจ ที่เราอยู่ด้วยแล้วแฮปปี้ อยู่ด้วยแล้วไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นมิตรภาพที่ดีคอยช่วยเหลือกัน คอยซัพพอร์ตกัน

สกาย : พวกผมถือว่าเป็นมิตรภาพของคุณหรือเปล่า (หันไปถามนานิ)

นานิ : เป็นมิตรภาพที่ดีครับ…ในคราบศัตรูด้วย

เค : คือจริง ๆ มันก็ตรงตัวอย่างที่ทุกคนบอกแล้วว่า มิตรภาพมันก็เหมือนภาษาอังกฤษว่า ‘Friendship’ ใช่ไหม ผมว่า ‘มิตรภาพ’ คือ แบบอะไรที่ผ่านเวลามา…

นานิ : โห !!! คมแน่เลย ใช่ป่ะ

เค : ไม่ใช่ ไม่คมดิ ปูมาแบบนี้คืออะไร

สกาย : ขอแบบซึ้ง ๆ 

เค : ผ่านอะไรมาด้วยกัน ไม่หวังอะไรจากเพื่อน

นานิ : เนื่องจากพี่เคเขามีประสบการณ์ที่มากกว่าคนอื่นเพราะเขาโตสุด เขาเลยจะเล่าเรื่องแบบเรื่องมิตรภาพได้เยอะ ‘อ่ะ !!! เล่าอีก’ 

สกาย : ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน

นานิ : ใช่

มาถึงมิตรภาพในกองอะไรสนุก ๆ เล่าให้เราฟังได้บ้าง

นานิ : โห !!! เยอะเลยพี่

สกาย : นี่เลยครับ (ชี้ไปที่เค)  มิตรภาพในเรื่องของกิน ชอบสั่งขนม สั่งชามากิน

เค : อืม ใช่ ชอบสั่งโตเกียว อร่อย Food Support มาได้นะครับ ผมเป็นคนชอบกิน เวลาที่ซีนรวมกันเยอะ ๆ บางครั้งเวลาว่างไม่รู้จะกินอะไร ระหว่างช่วงบ่ายไม่รู้จะทำอะไร ก็จะ ‘นานิ โตเกียวป่าว ?’

สกาย : น้ำตาลตก ๆ 

นานิ : แล้วผมก็ตามทุกครั้งเลย ผมก็บ้าจี้ตามทุกครั้ง ‘เอาครับพี่เค’ (หัวเราะ)

เค : คิดไม่ออกไงว่าจะกินอะไร ทางกองก็มีของว่างให้อยู่แล้ว ผลไม้ ของเปรี้ยว ไส้กรอกทอด ลูกชิ้นทอด แต่ไม่รู้จะกินอะไร พอนึกถึงว่าขนมโตเกียวไหม แล้วตกที่โตเกียวตลอด เลยจบที่โตเกียว

นานิ : ชอบกินโตเกียวเนอะ

เค : ใช่อร่อยดีครับ

นานิ : ครับ

สกาย : ครับ

เค : มิตรภาพอะไรในกองอีก

สกาย : มีมิตรภาพนอนครับ

นานิ : ผมนอนเซฟแรงไว้เข้าซีนครับ เพราะซีนผมเหนื่อยมาก

สกาย : นอนด้วยกันทุกคน

นานิ : นอนอยู่ข้างกันเนี่ยเรียงกัน ถ้าเป็นภาพเป็นกล้องจับก็คือโต๊ะตั้ง เก้าอี้ตั้งแล้วนอนเรียงกันหลับกันทุกคน

สกาย : เหมือนเข้าค่ายลูกเสือ

นานิ : ใช่

สกาย : นอนแผ่กัน มิตรภาพเรื่องความสามัคคีแล้วกัน มีป่ะ ?

นานิ : มี 

เค : สามีคคียังไง

สกาย : ช่วยกันไง เวลาช่วยกัน เวลาเข้าซีนด้วยกัน ใครลืม blocking ก็ช่วยเหลือกัน ‘ขยับหน่อย ๆ มึงบังกู’

(หัวเราะกันทุกคน)

นานิ : ก็จะเป็นมิตรภาพแบบความเฮฮาในระหว่างที่เราจะถ่าย 

เค : มาร์คมีไหม?

มาร์ค : ถ้านอกจากมิตรภาพนอน ก็จะเป็นมิตรภาพในการทำงาน เพราะผมรู้สึกว่าทุกคนตั้งใจด้วยความที่นักแสดงมันเยอะ ต้องรับหลายคัท ทุกคนพยายามตั้งใจเล่นให้มันผ่านไปได้ด้วยดีผ่านไปได้ไว เพราะว่าทุกคนอยู่แล้วว่ามันเหนื่อยมาก ก็ชอบตรงนี้ครับ

นานิ : ครับ

อยากให้แชร์ให้ฟังว่าในวัยที่เรากำลังเรียนอยู่ อย่างช่วงมัธยมมีความประทับใจอะไรระหว่างเพื่อนบ้าง?

สกาย : ผมไม่มีมิตรภาพ ผมเป็นหมาป่าเดียวดายครับ

นานิ : อันนี้เป็นมิตรภาพไหมครับ ?

สกาย : เป็นนิดหนึ่งก็ได้ครับ

นานิ : โอเค เป็นเกียรติมากครับ

สกาย : ล้อเล่น ๆ จริง ๆ ก็คล้ายกัน ๆ เพื่อนมัธยมก็ยังมีไปแฮงค์เอาท์กันตลอด เหมือนเราผ่านสิ่งต่าง ๆ มาด้วยกัน มัธยมเป็นช่วงที่เป็นวัยรุ่น มีทั้งสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ปัญหาต่าง ๆ ที่เราต้องเจอ เราเติบโตกับคนกลุ่มนี้ ช่วยกันผ่านอุปสรรคทั้งหลาย ตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ ทำการบ้าน ทำงานกลุ่ม จนกระทั่งกับปัญหาในชีวิต ๆ ปรึกษากันตลอดอย่างนี้ครับ 

เค : สุดยอด 

นานิ : ผมก็คล้าย ๆ ทุกคน ผมว่าเพื่อนในช่วงวัยเรียนมัธยมหรือม.ปลาย น่าจะเป็นโมเมนต์ที่หาได้ยากที่สุดที่เราจะกลับไปใช้ชีวิตได้แบบนั้น น่าจะเป็นช่วงที่สนุกที่สุดแล้วมีความทรงจำหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน เรารู้สึกว่าอยู่กับเพื่อนคนนั้นคนนี้สนุกเลยแฮปปี้ ตรงนี้ที่ทำให้มิตรภาพไม่หายไปไหนครับ อยู่ในความทรงจำจนทุกวันนี้

สกาย : เนี่ย !!! คมเหมือนกัน ถ้าต้องเลือกระหว่างเพื่อนมัธยมที่สนิทที่สุดคนหนึ่งกับเซ้นส์ในเรื่องคุณจะเลือกใคร

นานิ : โห !!! เอาจริง ๆ ต้องเป็นเซนส์อยู่แล้วถูกไหม เพราะว่าเซ้นส์มันผ่านทุกอย่างมาทั้งชีวิตเลย

เค : ก็แกะกระเทียมเนอะ (ฮิ้วววววววววว)

สกาย : เดี๋ยวมือเหม็น 

นานิ : ครับไปคุณเคน เอ้ย !!! คุณเค

เค : ม.ปลายผมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วก็ย้ายไปอีก 2-3 โรงเรียน เราย้ายโรงเรียนบ่อยจะเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนตลอด รู้สึกว่าไม่ใช่มิตรภาพแบบยาว แต่เป็นเหมือนอย่างที่นานิบอก เป็นความทรงจำมากกว่าว่ามีเหตุการณ์ประทับใจอะไรที่เพื่อนแต่ละคนเขาดีกับเรา

เวลาทะเลาะกับเพื่อน มีวิธีการง้อเพื่อนกันยังไง

สกาย : ผมไม่เคยโกรธกับเพื่อนเลยในชีวิตนี้

เค : จริง ใช่

สกาย : ไม่เคยเลย 

มาร์ค : มีครับ ด้วยความที่ผมสนิทกับเพื่อนมาก ๆ ปกติไม่ค่อยโกรธกันอยู่แล้ว แต่ว่าต้องมีบ้าง  พอเราสนิทกันมาก ๆ อาจจะมีละเลยความรู้สึกบางอย่าง อาจมีเรื่องที่ไม่ถูกใจกันบ้าง ถ้าถามว่าง้ออย่างไร จริง ๆ ถ้าเกิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้ชายปกติเขาไม่ได้ง้อกันอยู่เเล้ว แป๊บเดียวก็อาจจะหายโกรธ ถ้าเป็นเรื่องที่หนักจริง ๆ แล้วผมเป็นฝ่ายผิด ผมก็จะขอโทษไปตรง ๆ ว่า ‘เออ !!! กูขอโทษที่กูทำงี้’ ก็ว่าไปตรง ๆ 

นานิ : ผมเป็นคนขี้น้อยใจนะ เพื่อนจะติดตามใจเรา แล้วเราก็ดันเอาแต่ใจ สมมติว่าผมผิด หรือว่าทำคนอื่นงอน ผมก็จะเข้าไปคุยเลย คุยว่า ‘เป็นอะไร ?’ ต้องเคลียร์ พอเคลียร์ปุ๊บก็หาย ก็คุยตรง ๆ 

เค : ผมว่าส่วนใหญ่ผมเป็นคนไม่ค่อยทะเลาะกับใคร แต่ถ้ามีอะไรพูดตรง ๆ ‘เอ้ย !!! ไม่พอใจอะไรก็พูดมา’ อะไรอย่างนี้

สกาย : ขอโทษครับพี่ 

เค/นานิ/สกาย/มาร์ค : 555555

สกาย : ของผมมีแล้ว คิดออกแล้ว!!! ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนงอน ๆ มากกว่า เพราะผมชอบทำอะไรคนเดียว ไปดูหนังคนเดียว ไปกินข้าวคนเดียว แล้วเพื่อนจะชอบด่าแบบ  ‘ไม่ชวน ทำไมมึงไม่ชวนกู’

นานิ : น้อยใจ ๆ

มาร์ค : แล้วตอนนี้ชวนหรือยัง ?

สกาย : ไม่ชวน ๆ ชอบทำคนเดียว 

เค : เนี่ย 555555

มีบทบาทไหนที่อยากเล่นและยังไม่ได้เล่นบ้าง

มาร์ค : นอกจากบทแอ็คชัน ผมอยากเล่นแนวดราม่า ก็คือแบบเศร้า ๆ ไปเลย ซึ่งยังไม่มีโอกาสได้เล่นเลย เพราะผมชอบดูแนวนั้นมาก ก็เลยอยากลองเล่นดู

สกาย : จริง ๆ อยากเห็นมาร์คเล่นบทที่ energetic 

เค : ต้องพูดเยอะ ๆ ใช่ป่ะ

สกาย : มันดูตรงกันข้าม แต่มันจะท้าทาย

มาร์ค : เดี๋ยวรอให้มีโอกาสประมาณนั้นครับ

พี่เจี๊ยบ : สกายล่ะ ?

สกาย : จริง ๆ ตอนแรกอยากเล่น action แต่ตอนนี้ complete แล้วกับเรื่องนี้ ถ้า next step อาจจะต้องเป็นแบบนินจา 

เค : ขนาดนั้นเลยหรอ

สกาย : ล้อเล่น ๆ อันนั้นน่าจะเวอร์ไป จริง ๆ มีบทอะไรก็อยากลองหมด ถ้าท้าทาย

นานิ : ถ้าสมมติว่าเขาให้บทเล่นเป็นพ่ออันนี้รับไหม?

สกาย : เราต้องใส่หนวดป่าว หนวดปลอมป่ะ?

นานิ : เอาดิ 

เค : บวชเป็นพระเอาไหม ? บวชเป็นพระ

นานิ : หลวงพี่สกาย

สกาย : ได้

นานิ : เดี๋ยวไปเป็นเด็กวัดเดินตาม

แล้วนานิล่ะครับ มีบทไหนที่ยังไม่ได้เล่นแต่อยากเล่น

นานิ : เหมือนกัน อยากลองมาเล่นบทแอ็กชันครับ แต่พอมาเล่นจริงกลับกลายเป็นคนโดนซ้อมอย่างเดียวเลย พอได้มาเล่นเรื่องนี้รู้สึกว่าอยากอัปเลเวล แล้วผมรู้สึกว่าผมอยากเล่นแนวคาถาอาคม 

เค : จอมขมังเวทย์

นานิ : ใช่ ๆ ผมแอบติดพันอยู่พักหนึ่ง มันเท่เลยอยากลองเล่นแนวแฟนตาซีบ้าง แล้วก็อยากเล่น comedy เพราะตัวเองโดนดราม่ามาตลอดแล้วรู้สึกว่าชีวิตจมทุกข์เหลือเกิน อยากให้โลกมันสดใสบ้าง ก็อยากไปตลกบ้างไป 

สกาย : ไหนลองเสกคาถาใส่กล้องสักบทหนึ่ง

นานิ : โอม แค่คาถาก็ไม่รอดแล้ว 

สกาย : เฮ้ย เท่อยู่ ๆ

เค : ของเคอยากเล่นอะไรที่ต้องใช้ CG เยอะ ๆ ที่ต้องจินตนาการ ใส่ตัวเขียว

สกาย : เนี่ย ๆ ได้เเล้ว CG จริง ๆ 

เค : อยากมีพลัง แล้วต้องใช้จินตนาการ หรืออีกอย่างที่อยากเล่น คือ ซอมบี้ พวกหนีซอมบี้

นานิ : อยากเล่นเป็นซอมบี้

สกาย : อยากเล่นเป็นซอมบี้ 

เค : ไม่อยากเล่นเป็นซอมบี้ ไม่อยากแต่งหน้า อยากเป็นคนหนีซอมบี้ เอาชีวิตรอด

ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนล่ะ เวลาว่าง ทำอะไรกัน

นานิ : พี่เคเปิดสวนสัตว์ครับ ชอบเลี้ยงสัตว์ 

สกาย : สัตว์ exotic ป่ะ 

นานิ : เลี้ยงเยอะ ทั้งโลกที่มี

เค : มีเยอะมาก แปดสิบกว่าตัว 

นานิ : จริง ๆ เขาเอามาโชว์ผมตลอดเลย มีแต่สัตว์แปลก ๆ 

เค : ชอบสัตว์มาก เราจะมีคนเลี้ยงสัตว์ด้วยที่บ้าน แต่ถ้าวันไหนที่ผมว่าง ผมจะบอกเขาว่า เดี๋ยวผมจัดการเอง ตื่นมาสิบโมงเสร็จประมาณเที่ยงครึ่งกว่าจะจัดการสัตว์ทุกอย่างเสร็จ

แล้วนานิล่ะ เวลาว่าง ๆ ทำอะไร?

สกาย : ผมรู้ !!!

นานิ : เล่นเกม…เป็นพาร์ทที่ต้องทำ ถ้าว่างจริง ๆ ผมจะไม่ออกจากห้องเลย เล่นเกม ดูดฝุ่นห้อง ถูพื้น ซักผ้า งานบ้านเลย 

เค : จริงป่ะ 

นานิ : จริง แต่หลัก ๆ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำหรอก ขี้เกียจ แต่มันว่างไง พอว่างมาก คือจะทำแล้ว เราก็จะเล่นเกมดูหนังบ้าง แล้วหลัก ๆ ก็จะเล่นเกม ผมรู้สึกว่านี่คือชีวิตที่ relax ที่สุด 

เค : อันนั้นคือว่าง แต่ทักไป บอก ‘อุ๊ย !!! วันนี้ผมไม่ว่าง’

นานิ : ไม่ !!! ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เล่นไง (ยิ้ม)

เค : สกายทำอะไร?

สกาย : ผมชอบเล่นกีฬา 

เค : สกายบ้ากีฬาจริง 

สกาย : ชอบกีฬา ทำทุกอย่างเลย อะไรที่ไม่เคยทำ

เค : เห็นไปวิ่งรอบสวน เป็น 10 กิโลเลย

นานิ : จริง อันนี้ผมเป็นพยานได้ เพราะว่าสกายก่อนมาถ่ายซีรีส์ ก่อนมากองถ่ายตื่นตีห้าไปวิ่ง คือแบบเราถ่ายแถวไหนนะ (หันไปหาเค)

เค : แถวพัฒนาการมาจากพระราม 9 

สกาย : วิ่งตอนเช้า

เค : ฟิตเกิน 

มาร์ค : แต่เขาฟิตจริง

เค : มีซีนหนึ่งอะไรนะ เลิกกองออกไปต่อยมวย ตอนนั้นคือนัดกันไปเอง ต่อยมวยกันเสร็จถามว่า ‘ไปกินข้าวกินต่อป่ะ’ สกายตอบว่า ‘ไม่ กูไปเตะบอลต่อ’ 

นานิ : ใช่เหรอ

สกาย : ใช่ เป็นคนชอบแข่งขันที่เป็นกีฬา 

มาร์ค : ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายเหมือนกัน แต่ว่าไม่ชอบเล่นกีฬา คืออย่างสกายจะชอบเตะบอล ตีแบด เล่นเทนนิส ผมไม่เอารู้สึกว่าร้อน ชอบในร่มแบบเวทเทรนนิ่ง ผมชอบอะไรที่มันเย็น ๆ  แต่จริง ๆ ผมเป็นคนชอบกิน ชอบตะลอนทัวร์ ชอบกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อน เพื่อนชวนไปไหน กินในกรุงเทพฯ ผมไปได้หมด 

เค : หืมมมม

มาร์ค : ชอบกินมาก 

ให้บอกความรู้สึกถึงใครคนหนึ่งที่อยากบอก 

มาร์ค : ผมประทับใจ พี่เต ตะวัน เพราะว่าผมมีได้ซีรีส์กับพี่เตเรื่องนึง ประทับใจพี่เตตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลย ตอนนั้นพี่เตยังไม่รู้จักผมเลย แต่ผมรู้จักพี่เต พี่เตเข้ามาคุย ‘ชื่ออะไร’ ถามแค่นี้ผมก็ประทับใจแล้ว ทั้งที่เราก็เป็นเด็กใหม่ พี่เตก็เข้ามาชวนคุย พอได้เล่นซีรีส์ด้วยกัน เริ่มสนิทกัน เป็นกลุ่มที่แสดงด้วยกัน พี่เตชอบชวนไปทานข้าว เป็นพี่ที่ผมรักมาก ๆ คนนึงเลยครับ

เค : ผมประทับใจพี่กบ ทรงสิทธิ์ ซีรีส์เรื่องแรกเขาเล่นเป็นพ่อผมด้วย ด้วยความที่เราประมาท ไม่เคยเล่นซีรีส์ พี่กบก็มาคอยให้คำแนะนำ ทำให้เราไม่เครียด เรารู้สึกว่า ‘เฮ้ย !!! เรารู้จักเขาในทีวีมาตั้งนาน’ รู้สึกว่าพี่เขาเป็นดาราเบอร์ใหญ่ ตอนเจอกันครั้งแรกพี่เขามีความเป็นกันเองมาก ผมประทับใจตรงนี้

นานิ : คุณสกาย ครับ คุณสกาย ใครคนนั้นของคุณ คือใครครับ

สกาย : ตัว N

นานิ : ขึ้นด้วยตัว N มาแล้ว ยืนรอ…(ยิ้ม) 

สกาย : N แล้วอะไรต่อนะะะ … N แล้วก็ A แล้วก็ N แล้วก็ I 

เค : เอ้ย จริง

สกาย : อือ!!! จริง

(คนที่ถูกพูดถึงกำลังนั่งยิ้ม)

เค : ตอนนั้นรู้ยังว่าจะเล่นซีรีส์เรื่องเดียวกัน

สกาย : ยังไม่รู้ ครั้งแรกที่เจอกัน รู้สึกว่าเป็นคนที่คล้าย ๆ กัน เวลาที่เจอคนใหม่ ๆ จะไม่ค่อยกล้าเข้าไปทำความรู้จักมาก

นานิ : ใช่ แต่มีบางอย่างทำให้เราต้องทักกัน

สกาย : ไม่รู้เพราะอะไร

เค : เจอครั้งแรกที่ไหน ? 

นานิ : ครั้งแรกที่งานข้างนอกก่อน แล้วอยู่ ๆ ก็ทักกัน 

สกาย : ใช่

นานิ : หลังจากนั้นก็นั่งคุยกับสกาย ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะกลับมาเจอกัน ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ค่ายเดียวกัน ได้มาเล่นด้วยกัน โลกกลม

สกาย : เจอกันครั้งแรก คิดในใจ…

เค : ไอ้นี่มันขี้เก๊กจังวะ (หัวเราะ)

สกาย : ผมอย่างเท่!!!

เค : สมัยนั้นมัดจุกแล้วหน้านิ่ง ๆ 

นานิ : โอเค ๆ

สกาย : แต่ตอนนั้นเท่จริง ๆ

นานิ : เอาจริง ๆ ผมก็เท่แหละ (หัวเราะ)

หนังในดวงใจของแต่ละคนเรื่องอะไรบ้าง

เค : ผมชอบเพลงในละครเวที I Dreamed a Dream 

สกาย : I Dreamed A Dream ฉันฝันถึงฝัน

มาร์ค : ตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนจะเข้าวงการ ผมเป็นไม่ชอบดูหนังที่มีสาระ คือ หนังรางวัล ผมไม่ดูเลย รู้สึกว่าชอบดูหนังความบันเทิงแบบ blockbuster ผมจะดูประจำ แต่พอเข้าวงการมาเราต้องดูหนัง ดูการแสดง ดูหนังที่ดี หนังที่ได้รับรางวัล เขาได้รางวัลกันได้อย่างไร ผมชอบเรื่อง Green book

นานิ : ผมชอบ Toy story เป็นเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพ ดูแล้วอิน ผมคิดว่าถ้าผมมีลูกมีครอบครัวก็อยากให้ดู เหมือนสืบทอด เพราะว่าตอนนั้นผมดูกับแม่ แล้วเป็นจำความทรงจำดี ๆ ผมไปดิสนีย์แลนด์ ผมจะอินกับพวกนี้มาก เป็นความทรงจำวัยเด็กที่ทำให้เราเติบโต

สกาย : ผมชอบ Inside Out เหมือนเห็นการเติบโตของของตัวละครนั้นแล้ว relate กับชีวิตเราซึ่งใครไปดูกลับมาก็รู้สึก relate กันทุกคน

นานิ : อีกเรื่อง Your Name เคยดูป่ะ ?  ดีมาก

เค : นึกถึงซีรีส์เกาหลีเรื่องนึง My name ป่ะ 

นานิ : My name ดีมาก ชอบ

สกาย : แล้ว Your Series My Series ล่ะ (ทุกคนหัวเราะ)

นานิ : ครับ ก็ขอฝากพวกเราด้วยนะครับ มีนักแสดงอีกเยอะแยะมากมายนะครับกับซีรีส์ High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู  ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่ EP ทุกคนน่าจะชอบกับมิตรภาพของพวกเรา แต่ว่าไม่ได้สนับสนุนเรื่องการใช้ความรุนแรงนะครับ

เค/นานิ/สกาย/มาร์ค : ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

ต้องบอกว่าเป็นบทสนทนาที่ทั้งซน ทั้งน่ารักมาก ๆ
สมกับที่แท๊กใน X ถามกันว่า…
“ไม่วายตรงไหน”
“เพื่อนแบบแอบ ๆ คือไรก่อน”
“มิตรภาพ…กี่โมง”
ทางเรายืนยันถึงความเคมี ชีวะ ฟิสิกส์ของทั้งคู่จริง ๆ
หักมุมเป็นซีรีส์วายได้เลยนะ
ทางนี้พร้อมมาก !!!

มิตรภาพ คราบศัตรู High School Frenemy
ออกอากาศทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.30 น. ช่อง GMM25
รับชมย้อนหลังทาง VIU เวลา 22.30 น.

เพลง ไม่ทิ้งกัน (Promise) OST. High School Frenemy มิตรภาพคราบศัตรู
นักร้อง : สกาย วงศ์รวี, นานิ หิรัญกฤษฎิ์ 

 อิมินาสกายนานิ นะจ๊ะทุกคน ^_^

AUTHOR

ทะเล จำปี ดนตรี ทราย และ ฉัน