หากคุณเป็นคนรักเพลงลูกทุ่ง หรือคนที่คุ้นเคยกับวงการนี้เป็นอย่างดี เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคุณน่าจะรู้จักกับ ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ นักร้องสาวผู้เติบโตและทะยานถึงขีดสุดในฐานะนักร้องคนหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเพลงที่กำลังเป็นที่นิยมในยุคนั้นอย่าง ‘เพลงลูกทุ่ง’ ได้อย่างแน่นอน เพราะเธอสร้างปรากฏการณ์มากมายในฐานะการเป็นศิลปินตลอดระยะเวลาที่ทำงานนี้มา

ซึ่งนอกจากชีวิตของเธอที่ขึ้นสุดในบษนะการเป็นนักร้องลูกทุ่งแล้ว ชีวิตที่ลงสุดจากการเป็นโรคร้ายที่คนส่วนใหญ่ในยุคนั้นไม่คุ้นเคย ก็ทำให้ผู้คนเสียใจและเสียดายในความสามารถของเธอ เพราะในขวบปีที่เธอเสียชีวิตนั้นเธอมีอายุได้เพียง 30 ปีเท่านั้น จากความสามารถทั้งหมดที่มี เธอสมควรไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน

วันนี้ SUM UP เลยอยากพาคุณไปรู้จักกับ ‘โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLM)’ โรคร้ายที่เธอเป็น และชีวิตของเธอในห้วงเวลาของการหายหน้าไปจากวงการเพราะพบเจอโรคนี้ตอนนั้นกัน

ภาพจาก พิพิธภัณฑ์ พุ่งพวง ดวงจันทร์

ก่อนอื่นต้อง Recap ชีวิตแม่ผึ้งกันแบบสั้น ๆ เป็นอันดับแรก เดิมที ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ มีชื่อจริงคือ ‘รำพึง จิตต์หาญ’ และมีชื่อนามแฝงแรกที่ใช้เข้าประกวดในช่วงเริ่มต้นว่า ‘น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย’ ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ตั้งแต่เข้าประกวดเวทีต่าง ๆ ตอนอายุ 8 ปี ก่อนที่ในช่วงอายุ 15 ปี มนต์ เมืองเหนือ จะรับเธอเป็นศิษย์ และเปลี่ยนชื่อในวงการเป็น ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’ นับแต่นั้นมา

ซึ่งตั้งแต่นามแฝงใหม่นี้เป็นต้นมา พุ่มพวงก็เริ่มโด่งดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในสังกัดค่ายเพลงอโซน่า โปรโมชั่น ในปี พ.ศ. 2525 – 2529 ที่มีเพลงฮิตที่คนยุคนี้คงได้ยินบ่อยตามรายการประกวดร้องเพลงอย่าง คนดังลืมหลังควาย (2528), อื้อฮื้อ ! หล่อจัง (2528) และ ห่างหน่อย-ถอยนิด (2529) ก่อนจะย้ายมายังค่ายพีดี โปรโมชั่น และ ซีบีเอส เร็คคอร์ด (ประเทศไทย) ในช่วงปี พ.ศ. 2530 – 3532 และถูกเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้เข้ากับกระแสนิยมแบบเพลงสตริงมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นที่ยอมรับมากนัก และได้ย้ายไปทำงานกับค่ายเพลงอื่นอย่างมิวสิคไลน์, ท็อปไลน์, อาร์เอส โปรโมชั่น, เมโทรแผ่นเสียง-เทป และแฟนตาซี ไฮคลาส อยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง

หลังจากนั้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2534 พุ่มพวงก็เริ่มห่างหายจากวงการเพลง จากอาการป่วยด้วยโรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) โรคที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้นกันของร่างกาย และโจมตีเนื้อเยื่อปกติของร่างกายจนทำให้ป่วยได้ ซึ่งโดยปกติมีทั้งการไม่เกิดอาการ มีอาการรุนแรงเพียงเล็กน้อย จนไปปถึงมีอาการรุนแรงจนเสียชีวิตได้

โดยในรายของพุ่มพวง เธอได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และโรงพยาบาลตากสินที่จันทบุรี ซึ่งเป็นช่วงที่อาการทรุดลงประมาณหนึ่งจากการขาดยาและขาดการรักษาอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ก่อนจะกลับมาดีขึ้นบ้างตามลำดับ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่พุ่มพวงหาหมอเดือนละครั้ง สลับกับการทำงานไปด้วย โดยผลงานชิ้นท้าย ๆ ของเธอก็คืออัลบั้มโลกของผึ้ง (2535) ซึ่งเป็นอัลบั้มสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เป็นช่วงที่พุ่มพวงย้ายมารักษาตัวที่บ้านพักของน้องสาว (สลักจิต ดวงจันทร์) วันนั้นเป็นวันที่เธออยากไปเยี่ยมลูกชายที่เชียงใหม่ และอยากแวะไหว้พระพุทธชินราชที่พิษณุโลก แต่ระหว่างการเดินทางอาการเกิดกำเริบและทรุดลงตามลำดับอย่างรวดเร็ว จนต้องพาตัวไปยังโรงพยาบาลพุทธชินราชเพื่อรักษาโดยด่วน แต่ก็ไม่ทันการณ์ เพราะในคืนเดียวกันนี้เอง เธอเสียชีวิตลงอย่างสงบในเวลา 20.55 น. ด้วยวัยเพียง 30 ปีเท่านั้น

ก่อนที่พิธีรดน้ำศพของเธอจะถูกจัดขึ้นที่วัดมกุฏกษัตริยาราม เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2535 และพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ณ วัดทับกระดาน จ.สุพรรณบุรี

https://www.youtube.com/watch?v=ZcIpJ8q0WqA

หากนับกันจริง ๆ แล้ว พุ่มพวงเจออาการของโรคนี้ตั้งแต่ปลายปี 2534 และเสียชีวิตจากโรคนี้ตอนกลางปี 2535 ซึ่งถือเป็นระยะเวลาไม่นานนักที่โรคร้ายนี้พรากชีวิตของเธอไป ความน่ากลัวของโรคนี้คือแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด แต่จะเน้นการระงับอาการและลดการอักเสบเสียเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการไปลดกระบวนการภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ส่วนในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ทางเลือกนั้นยังไม่พบว่ามีวิธีใดที่รักษาแล้วเห็นผล โดยส่วนมากแล้วผู้ป่วยโรคนี้อาจจะมีอายุขัยสั้นกว่าคนปกติ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นโดยตรงกับพุ่มพวง อีกทั้งโรคนี้จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา อย่างโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุด และหากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมแล้ว ผู้ป่วยโรค SLE จะมีโอกาสกว่า 80% ในการมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 15 ปี

และหากว่ากันอย่างง่าย ๆ โรคนี้มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 9 เท่า โดยมากจะเป็นวัยเจริญพันธุ์ในช่วงอายุ 15 – 45 ปี และมักพบในคนชาวแอฟริกา แคริบเบียน รวมถึงจีนมากกว่าคนขาว ส่วนประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ตัวเลขความชุกของโรคเทียบเคียงกับอัตราส่วนประชากรยังไม่แน่ชัดมากนัก

โดยสาเหตุส่วนมากของโรคนี้คือพันธุกรรม และกรรมพันธุ์จากครอบครัว จากยีนบางตัวที่อาจก่อให้เกิดโรคนี้โดยตรงจากพ่อแม่หรือญาติที่เคยป่วยเป็นโรคนี้ หรือมียีนบางตัวสร้างปฏิกิริยากับปัจจัยแวดล้อมจากผู้ป่วยและทำให้เกิดโรคนี้ได้ เช่นผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจที่กินยา Procainamide หรือคนไข้ความดันโลหิตสูงบางรายที่กินยา Hydralazine ก็มีโอกาสทำให้เกิดโรคนี้ได้ รวมถึงฮอร์โมนเพศหญิงก็ยังสามารถทำให้เพศหญิงที่กำลังจะมีประจำเดือน หรือกำลังตั้งครรภ์สามารถเกิดอาการของโรคนี้ได้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากกังวลว่าตนกำลังเข้าข่ายการเป็นโรคนี้ หรือสังเกตุอาการตามข้อมูลในบทความบนเว็บไซต์ของสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ต่าง ๆ แล้วพบว่ามีหายข้อตรงกัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการโดยด่วน และสามารถป้องกันการเป็นโรคนี้ได้หลายวิธี ทั้งการตรวจสุขภาพเป็นประจำ หลักเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง และหลีกเลี่ยงการกินยาคุมกำเนิดหรือใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะอาจกระตุ้นในโรคนี้กำเริบขึ้นได้อีกนั่นเอง

ที่มา

CREATED BY

Content Creator

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป