นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ‘แม่น้ำเจ้าพระยา’ คือสายธารสำคัญที่ไหลผ่านกลางแผนที่ประเทศไทยมาอย่างช้านาน คอยหล่อเลี้ยง และสร้างชีวิตน้อยใหญ่ให้ทั้งสัตว์และผู้คนต่อเนื่อง อาจจะมีขาดช่วงไปบ้างเพราะฤดูกาลตามการเปลี่ยนผ่านของโลก และมันได้ส่งผลให้วิถีชีวิตของผู้คนไม่เป็นไปตามครรลอง จนต้องมีการริเริ่มแนวคิดการสร้างเขื่อนขึ้นในประเทศไทย และนั่นคือสาเหตุการเกิดขึ้นของเขื่อนทดน้ำแห่งแรกในประเทศไทย ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงเพราะการเลื่อนสร้าง และใช้เวลาร่วม 5 แผ่นดิน โครงการจึงจะแล้วเสร็จ
วันนี้ SUM UP ขอพาไปทำความรู้จักที่มาที่ไปของเขื่อนสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ‘เขื่อนเจ้าพระยา’ ที่จังหวัดชัยนาทกัน
ย้อนกลับไปช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงรัชกาลที่ 5 ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยามีการเพาะปลูกตลอดแนวพื้นที่ราบริมแม่น้ำกันอย่างมากมาย โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่แถวจังหวัดชัยนาทไปจนถึงทะเลอ่าวไทย เพราะเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้น้ำฝนในการเพาะปลูกเป็นหลัก และในขณะเดียวกันเมื่อถึงช่วงหน้าแล้ง พื้นที่ตลอดช่วงดังกล่าวก็จะประสบปัญหาภาวะภัยแล้งมากที่สุดนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ในช่วงปี พ.ศ. 2446 ‘เย โฮมัน วันเดอร์ไฮเด’ วิศวกรชลประทานชาวฮอลันดาที่เข้ารับราชการในไทย สังกัดหน่วยงานชลประทาน กระทรวงเกษตราธิการ ในตำแหน่งเจ้ากรมคลองคนแรกของประเทศไทย จึงได้เป็นผู้เสนอ ‘โครงการเจ้าพระยาใหญ่’ เพื่อชี้ว่าประเทศไทยควรเริ่มต้นสร้างเขื่อนทดน้ำปิดกั้นแม่น้ำเจ้าพระยา และได้เลือกพื้นที่ก่อสร้างในอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท



ในแง่ภาพใหญ่ของประเทศ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ได้มีพระราชดำริให้มีการวางโครงการชลประทานในหลายพื้นที่ของลุ่มน้ำภาคกลาง เพื่อทำให้จุดสำคัญของประเทศที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมสามารถเพาะปลูกได้อย่างราบรื่นในองค์รวม ซึ่งเมื่อมองกลับมายังไอเดียการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่แบบนี้ งบประมาณที่สร้างก็มากตามไปด้วย มีการประมาณการว่าต้องใช้เงินลงทุนถึง 50 ล้านบาท เขื่อนนี้จึงจะเกิดขึ้นได้ ไอเดียนี้จึงถูกพับเก็บไปอย่างน่าเสียดาย เพราะงบประมาณที่มีนั้นจำเป็นต้องกระจายไปบริหารจัดการโครงการอื่น ๆ อย่างโครงการรักษาน้ำในที่ลุ่ม
ก่อนที่ในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 6 ภาวะฝนแล้งกลับมาเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศอีกครั้ง หลังพบหน้าแล้งติดต่อกันราว 2-3 ปี ประชาชนเดือดร้อนกันทุกหัวระแหง กรมทดน้ำจึงฟื้นไอเดียการสร้างเขื่อนเจ้าพระยาอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายอีกเช่นเดิม เพราะ ณ ขณะนั้นมีการก่อสร้างเขื่อนอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว รวมถึงยังอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โครงการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่นี้จึงถูกพับเก็บไปอีกครั้ง
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2491 ตรงกับรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 และช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั่วโลกประสบภาวะขาดแคลนอาหาร เพราะเต็มไปด้วยปัญหาการผลิตพืชผล แม้ในพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำที่เหมาแก่การเพาะปลูกก็เจอปัญหาเศรษฐกิจกระทบแทน กรมชลประทานจึงรื้อฟื้นไอเดียการก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยานี้กลับมาอีกครั้งเป็นรอบที่ 3 ซึ่งในรอบนี้ความต้องการเป็นผล จากความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องเร่งแก้ไข และรัฐบาลเห็นชอบด้วย
2 ปีต่อมา หน่วยงานระดับประเทศอย่าง ธนาคารโลก ที่เห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาปากท้องของคนทั่วโลก จึงอนุมัติให้ประเทศไทยสามารถกู้เงินจำนวน 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นทุนซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งหมดได้สำเร็จ โดยใช้เงินของประเทศจ่ายค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างอีกแรงหนึ่ง สิริรวมแล้วโครงการสร้างเขื่อนเจ้าพระยาได้เริ่มต้นสร้างจริง ๆ ในปี พ.ศ. 2495 หรืออีก 49 ปีหลังจากที่เจ้ากรมคลองเริ่มเสนอแนวคิด แล้วเสร็จทั้งระบบในปี พ.ศ. 2500 ใช้งบประมาณมากถึง 1,160 ล้านบาท มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 23 เท่าเลยทีเดียว
‘เขื่อนเจ้าพระยา’ ตั้งอยู่ที่บริเวณคุ้งบางกระเบียน หมู่ที่ 3 ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เป็นเขื่อนทดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีช่องระบายน้ำ 16 ช่อง กว้างช่องละ 12.50 เมตร ความยาวโดยรวมอยู่ที่ 237.50 เมตร สูง 16.5 เมตร มีระบบโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 300 กิโลวัตต์ ใช้ทดน้ำเพื่อส่งให้พื้นที่เพาะปลูกในโครงการชลประทานเจ้าพระยาได้ 17 จังหวัด หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 5.7 ล้านไร่ รวมถึงยังมีระบบระบายน้ำฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุอุทกภัย และบนสันเขื่อนมีสะพานกว้าง 7 เมตร เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นพื้นที่สัญจร และเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง
ปัจจุบันเขื่อนเจ้าพระยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่หนึ่งของจังหวัดชัยนาท เพราะทิวทัศน์โดยรอบเขื่อนสวยงาม มีฝูงนกเป็ดอาศัยอยู่ร่วมหมื่น ๆ ตัว ทุกปีเมื่อถึงช่วงปลายปีถึงต้นปีถัดไป จะมีการจัดงานท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่เสมอ ๆ และเป็นสถานที่สำคัญที่หนึ่งของประเทศไทย ในฐานะเขื่อนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นได้ด้วยแนวคิดการเป็นเขื่อนแห่งแรกในไทย แม้จะใช้เวลาร่วม 50 ปี และ 5 แผ่นดินตามรัชสมัยของกษตริย์ไทย กว่าไอเดียที่ถูกพับเก็บไว้หลายต่อหลายครั้งจะกลายเป็นจริงได้จนถึงทุกวันนี้





