หากตอนเด็ก ๆ ใครเป็นสายเล่นเกมคงพอจำความรู้สึกของการถอดแผ่น CD ออกมาเช็ดให้สะอาดอีกสักหนึ่งครั้ง และใส่แผ่นลงไปในเครื่อง PlayStation 2 เครื่องเล่นเกมสีดำขนาดกลาง เพื่อเข้าเล่นเกมที่เราชื่นชอบได้ ซึ่งรู้หรือไม่ว่า นอกจาก PS2 จะเป็นเครื่องเกมคอนโซลเก่าในตำนานแล้ว ยังคงเป็นเครื่องเล่นเกมของค่าย Sony ที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย
.
ย้อนความทรงจำกันสักนิดว่า ไอ้เจ้าตัวเครื่อง PlayStation 2 นี้ถูกวางขายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ปี 2000 และได้ไปเปิดตัวที่อเมริกาในปีเดียวกัน ราคาเปิดตัวครั้งแรกอยู่ที่ 299 เหรียญสหรัฐ และในขณะนั้นการเข้ามาทำเครื่อง PS2 ของค่าย Sony ยังได้ตีตลาดของบริษัท SEGA Dreamcast ที่ทำเครื่องเกมคอนโซลออกมาขายก่อนหน้านั้นได้อีกด้วย แต่ก็ยังคงมีคู่แข่งทางธุรกิจเจ้าอื่น ๆ ในท้องตลาดอยู่ดี ซึ่งกว่า PlayStation 2 เองจะได้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมขายดีที่สุดอย่างในปัจจุบันก็มีที่มาที่น่าสนใจเช่นกัน
ย้อนกลับไปในช่วงปี 1987 ในยุคนั้นเราจะคุ้นชินกับการเล่นเกมภาพ 8 Bit โดยเล่นผ่านเครื่องเล่นเกมแฟมิคอม (Famicom) โดยค่ายที่ครองตลาด ณ ขณะนั้นก็คือค่าย ‘Nintendo’ และหลังจากนั้นทาง Sony กับ Nintendo ก็ได้เริ่มจับมือกัน เพราะต้องการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของเครื่องเล่นเกมให้สามารถเล่นผ่านแผ่น CD ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งช่วงนั้นนั่นเองที่ทำให้ Sony ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีของเครื่องเล่นเกม และสิ่งที่เป็นคีย์ของเรื่องนี้ก็คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘Super Disc’ ที่ตอนนั้นทั้ง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่เองยังไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจตนในอนาคต
การจับมือกันพัฒนาโปรเจกต์ของทั้ง 2 บริษัทยักษ์ใหญ่เป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งคลอดสินค้าออกมาเป็นเครื่องเล่น PlayStation เริ่มต้นด้วย PlayStation เป็นเครื่องเล่นที่ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นได้ทั้งผ่านตลับเกมของค่าย Nintendo และสามารถเล่นผ่านแผ่น CD ของค่าย Sony ซึ่งความร่วมมือกันของทั้ง 2 บริษัทดูเหมือนจะไปได้ดี จนได้มีการวางโปรเจกต์ใหม่ ๆ ในอนาคตร่วมกันขึ้น แต่ถึงที่สุดแล้วโปรเจกต์เหล่านั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะทางค่าย Nintendo ได้เลือกที่จะปล่อยมือกับค่าย Sony และไปจับมือกับบริษัทคู่แข่งของ Sony แทน การถูกทิ้งไว้กลางทางจาก Nintendo ทำให้โอกาสในการทำธุรกิจเกมของ Sony ดูจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ

จนกระทั่งประธานบริษัทของ Sony หรือ คุณโนริโอะ โอกะ (Norio Ohga) ได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าทำธุรกิจในวงการเครื่องเล่นเกมต่อ จึงได้มีโครงการเพื่อพัฒนาเครื่องเล่นเกมคอนโซลโดยเฉพาะขึ้น แต่ ณ ขณะนั้นการเดินเข้าไปนำเสนอโปรเจกต์ที่มีเนื้อหาว่า “จะทำเครื่องเล่นเกมที่เล่นโดยเล่นผ่านแผ่น CD ได้และเป็นภาพ 3D” ทำให้เกิดข้อโต้เถียงกันมากมายในบอร์ดบริหารว่า สิ่งสิ่งนี้น่าจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงที่สุดแล้วความสำเร็จของเกมที่ใช้เทคโนโลยี 3D ของค่าย SEGA Dreamcast ทำให้ Sony เริ่มมองเห็นทางและเปลี่ยนใจเริ่มเดินหน้าต่อ ด้วยการหาเครือข่ายพันธมิตรจนได้ค่ายเกมกว่า 250 ค่ายมาร่วมด้วย โดยใน 250 ค่ายนั้นมีค่าย Namco และ Konami รวมอยู่ด้วย ตลอดจน Sony ยังได้ซื้อบริษัทสัญชาติยุโรปมาเพื่อผลิตเกมอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงการเดินเกมเต็มกำลังของทางโซนี่
จนในปี 1994 ทาง Sony ได้เริ่มวางขาย PlayStation1 ซึ่งวางขายช่วงแรกราคาอยู่ที่ประมาณหมื่นต้น ๆ ในราคาไทย และการวางขายในครั้งนั้นถือว่าประสบความสำเร็จ จนได้ต่อยอดออกมาเป็น PlayStation2 ที่วางจำหน่ายไปทั่วโลกในปี 2000 โดยตัวเครื่อง PS2 สามารถอ่านได้ทั้งแบบ CD-ROM และ DVD-ROM หรือหมายถึงสามารถใช้เล่นเกมก็ได้ จะใช้ดูวิดีโอหรือภาพยนตร์ก็ได้เช่นกัน และอีกหนึ่งจุดเด่นของ PlayStation2 คือการใช้ระบบ Backward Compatible หรือ ‘ระบบย้อนอดีต’ ซึ่งก็คือการเล่นบนแพลตฟอร์มเก่าอย่าง PlayStation1 ได้ด้วย โดยในยุคนั้นมีเพียง PS2 เครื่องเดียวที่ทำได้ และจำนวนแผ่นเกมที่มหาศาลของ PlayStation2 ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Sony ประสบความสำเร็จด้วยยอดขาย 13 ปี ขายไปได้ประมาณ 155 ล้านเครื่องเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะผ่านมานานถึง 20 กว่าปีแล้ว แต่ PlayStation2 ก็ยังคงเป็นเครื่องเกมคอนโซลสุดเจ๋งในตำนานที่แม้ว่าจะมีที่มาจากการถูก ‘หักอก’ แต่การไม่หยุดพัฒนาสินค้าก็ทำให้ Sony กลายเป็นบริษัทที่สามารถผลิตเครื่องเล่นเกมคอนโซลที่มียอดขายสูงที่สุดและเป็นเครื่องเล่นเกมในดวงใจของเกมเมอร์อีกหลาย ๆ คนอีกด้วย
อ้างอิง : YouTube/Blognone , GamingDose , Online Station , Marketeer
