หากใครเคยเดินผ่านบูทร้านชาชีสแบรนด์ Nose Tea ก็คงเคยสงสัยกันบ้างว่า ทำไมมีคิวต่อแถวยาวเหยียดแทบจะตลอดเวลาเลยนะ และไม่ใช่แค่สาขาเดียวด้วย ไม่ว่าจะเป็นสาขาไหน ๆ ก็มีคนยืนอออยู่เต็มหน้าร้านแทบจะตลอดเวลา และทุกคนเคยสงสัยไหมว่ากับแค่ ‘ชา’ ที่ดูเหมือนจะมีคู่แข่งเต็มท้องตลาด อะไรกันนะที่ทำให้ไอ้เจ้า Nose Tea ชาจมูกเขียว มาแรงแซงทุกเจ้าได้
ก่อนอื่นต้องขอเปิดประวัติก่อนว่าชาชีสแบรนด์ Nose Tea ก่อตั้งโดย ‘คุณไผ่ กชณิชา ฐิติชนาโชติ’ ซึ่งในปัจจุบัน Nose Tea มีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาทาวน์อินทาวน์, สาขาสยามเซ็นเตอร์, สาขาเอ็มควอเทียร์, สาขาเดอะมอลล์บางกะปิ, สาขาเซ็นทรัลเวิลด์, สาขาสามย่านมิตรทาวน์, ส่วนราคาของ Nose Tea นั้นเริ่มต้นที่แก้วละ 65-150 บาท และยอดขายชาชีสของคุณไผ่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดซึ่งก็คือ 250% ใน 3 เดือนเท่านั้น และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ได้มาด้วยความบังเอิญ เพราะตัวคุณไผ่เองก็เคยทำธุรกิจมาก่อนหน้านี้แล้ว และถ้าหากพูดถึงเทคนิคการทำการตลาดก็พอจะมีประเด็น ดังนี้
อาศัยการขายฐานลูกค้าเดิมด้วยโลโก้แบรนด์
คุณไผ่เคยทำธุรกิจมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งก็คือธุรกิจครีมลอกสิวเสี้ยนที่จมูก Nakiz Lively Nose และการเลือกใช้โลโก้ด้วยรูปจมูกสีเขียวซึ่งก็คือโลโก้เดิมเพราะต้องการดึงฐานลูกค้าเดิมให้เข้ามาซื้อชาชีสเพราะว่า Target group ของสินค้าทั้ง 2 ชนิดนี้ คือคนกลุ่มเดียวกันซึ่งก็คือ ‘คนวัยทำงาน’ นอกจากนี้การใช้โลโก้สีเขียวรูปจมูกเขียวบนแก้วชายังเป็นการดึงดูดลูกค้าที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นรูปนี้กันนะ พร้อมกับการย้ำภาพจำแบรนด์ให้ชัด ๆ แก่ลูกค้าอีกด้วย

การทำการตลาดออนไลน์ที่แข็งแรง
การทำธุรกิจสมัยนี้หากไม่ทำการตลาดออนไลน์ไปคงจะเป็นไปไม่ได้คุณไผ่ได้เลือกทำคอนเทนต์บนช่อง TikTok ซึ่งพักหลัง ๆ มานี้เทคนิคการทำการตลาดผ่านคอนเทนต์โดยใช้ CEO เป็นคนเล่าเรื่องค่อนข้างได้ผลและประสบความสำเร็จสูง เพราะสามารถสื่อสารได้อย่างตรงไปตรง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการตั้งใจขายแบบบริสุทธิ์ใจนั่นเอง ซึ่งยอดคนดูบน TikTok ของคุณไผ่มีตัวเลขที่สูงถึงหลักล้านทำให้คนที่เข้ามาดูอยากลองชิมชาชีสแสนอร่อยแบรนด์ Nose Tea กันขึ้นมาทันที และหากลองเข้าไปดูในเพจของ Nose Tea ก็จะเห็นกับกราฟิกชาสวย ๆ เต็มไปหมด รวมถึงบนช่องยูทูปของ Nose Tea ก็ยังมีการเล่าที่มาที่ไปของแบรนด์แบบสั้น กระชับ และน่าดูอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคุณไผ่ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ออนไลน์เป็นลำดับต้น ๆ ของการทำธุรกิจในยุคนี้
โลเคชั่นสำคัญที่สุด
สถานที่ขายเป็นเรื่องเบสิคที่เรารู้เหมือนกันว่า อยากขายดีทำเลต้องดี และการที่คุณไผ่เลือกที่จะเจาะกลุ่มใจกลางเมืองไล่ไปตามห้างไม่ว่าจะเป็น สยามเซนเตอร์, ทาวน์อินทาวน์, เอ็มควอเทียร์, เซ็นทรัลเวิลด์, สามย่านมิตรทาวน์ เป็นต้น นั่นก็เพราะคุณไผ่น่าจะคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่าโลเคชั่นเหล่านี้ตรงกับ Target group ซึ่งคือคนวัยทำงานหรือเพิ่งเริ่มทำงาน และคนกลุ่มนี้มีกำลังทรัพย์พอที่จะจ่ายราคาชาชีสในราคา 65-150 บาท
ขายชาในเวย์ที่ต่างจากเจ้าอื่น
อย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นว่าการขายชาในบ้านเราค่อนข้างมีหลายเจ้าและมีคู่แข็งเต็มตลาดไปหมด แต่วิธีการขายชาชีสของคุณไผ่เริ่มต้นจากการเป็นคนที่หลงไหลในการดื่มชามาตั้งแต่ต้น ทำให้เข้าใจในฐานะผู้บริโภคคนหนึ่ง และเมื่อกลับมาเห็นว่าในประเทศไทยยังไม่มีแบรนด์ชาจริง แต่ไม่มีแบรนด์ชาชีสที่ขายเป็นจริงเป็นจัง จึงได้เริ่มต้นทำธุรกิจนี้ขึ้น ซึ่งร้านของคุณไผ่มีตั้งแต่ชาชีสไปจนถึงชาชีสที่ท็อปด้วยผลไม้เพื่อเพิ่มความสดชื่น คุณไผ่เคยเปิดเผยไว้ว่าก่อนจะเปิดร้านได้คิดค้นสูตรมาอย่างดีที่สุด และจะเลือกแต่ผลไม้ที่ควบคุมรสชาติของมันได้ในทุก ๆ ฤดูกาล ซึ่งกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างได้มาตรฐานนี่เองที่ทำให้สินค้าออกมาคุณภาพดีและถูกปากคนไทย รวมถึงข้าง ๆ แก้วคุณไผ่ยังแนบวิธีการกินชาชีสให้อร่อยไว้อีกด้วย เราคงพอจะเห็นภาพว่า ‘สินค้าที่ดี’ คือคีย์แรกที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ และการใส่ใจรายละเอียดของลูกค้าก็เป็นอีกหนึ่งคีย์ที่สำคัญเช่นกัน
อย่างไรก็ดี การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีต้นทุนการผลิตและแรงกายที่ต้องทุ่มทุนสูง แต่ถ้าหากทำธุรกิจด้วยการมีแผนการตลาดที่ดี สินค้าที่ดี มีความซื่อสัตย์กับลูกค้า และสามารถนำเสนอสินค้าไปสู่สายตาลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ การทำธุรกิจก็อาจจะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
