‘Cause I want it now
(เพราะฉันต้องการมันตอนนี้)
I want it now
(ต้องการมันเดี๋ยวนี้)
Give me your heart and your soul’
(มอบหัวใจและจิตวิญญาณของเธอมา)
นี่คือเนื้อหาบางส่วนจาก ‘Hysteria’ ผลงานเพลงของ ‘Muse’ วงโปรเกรสซีฟร็อก (Progressive Rock) จากประเทศอังกฤษ ด้วยกลิ่นไอของดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกา (Electronica) ผสมผสานกับซาวด์กีต้าร์ที่เสียงแผดกว่าระดับปกติ ประกอบกับไลน์เบสที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ทุกครั้งที่เราฟังเพลงของ Muse มันราวกับว่ากำลังได้ยินปฏิกิริยาทางเคมีที่ผู้บรรเลงคือนักวิทยาศาสตร์ และตัวโน้ตทุกตัวที่ออกมาคือการกระจายตัวของโมเลกุล
ตัวซิงเกิล Hysteria เป็นส่วนหนึ่งจากอัลบั้ม Absolution ที่ปล่อยออกมาในปี 2002 ซึ่งแนวคิดของอัลบั้มนี้จะพูดถึงการอภัยโทษและจุดจบของทุกสิ่ง โดยนักร้องนำอย่าง Matthew Bellamy เคยออกมาพูดถึงอัลบั้มนี้ว่า จุดจบของทุกสิ่ง หรือ “Apocalypse Please” เป็นการอุปมาอุปไมยเกี่ยวกับความเป็นไปของโลก เพราะจุดจบของโลกค่อนข้างเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าตกใจ มีหลายเพลงในอัลบั้มพูดถึงสิ่งที่กำลังจะจบลง ไม่ว่าจะเป็นจุดจบของโลกหรือความสัมพันธ์กับใครสักคน ซึ่งตัวซิงเกิล Hysteria เองก็เลือกที่จะบอกเล่าจุดจบของคนที่ ‘เอาแต่ใจตัวเอง’ กับความรักมากเกินไป เสียจนมันทำให้เราดูกลายเป็น ‘คนโรคจิต’ ในสายตาคนอื่น
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Hysteria ไม่ใช่โรคขาดผู้ชายไม่ได้ แต่เป็นโรคที่ควบคุมการแสดงออกด้านพฤติกรรมของตนเองไม่ได้ต่างหาก Hysteria เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งผู้ป่วยจะไม่มีสามารถควบคุมอารมณ์ หรือควบคุมความวิตกกังวลของตนเองได้ ซึ่งการสาเหตุการเกิดอาจมาจากปมในวัยเด็กที่ขาดความรัก ขาดความอบอุ่น ทำให้ต้องการเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น ซึ่งหากนำมาเชื่อมโยงกับเนื้อเพลงของ Muse ก็ทำให้เราพอจะตีความได้ว่าเพลง Hysteria ของ Muse น่าจะกำลังพูดในมุมมองของคนที่ ‘ขาดความรัก’ และต้องการความรักจากคน ๆ หนึ่งมาก ซึ่งความปรารถนาอันมากล้นของเขานี่แหละที่ทำให้การแสดงออกของเขาเหมือนคนเป็น Hysteria คือขาดความรักไม่ได้ ต้องการให้คนมาสนใจตลอด
นอกจากนี้ในอัลบั้มเดียวกันยังมีซิงเกิล ‘Stockholm Syndrome’ ที่นำภาวะทางจิตวิทยาของเหยื่อที่ถูกผู้ร้ายข่มขู่จนรู้สึกเห็นใจ มาบอกเล่าเป็นเพลงที่นำเสนอในมุมมองของผู้ร้ายที่ต้องการเลี้ยงไข้เหยื่อให้ทั้งรู้สึกกลัวและรู้สึกรักไปในเวลาเดียวกัน เมื่อคอนเซปต์ทางจิตเวชมาหลอมรวมกับแนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เราได้กลิ่นไอใหม่ ๆ ในการฟังเพลง ซึ่งโดยรวมแล้ว Muse อาจพยายามสื่อว่าความรักที่บิดเบี้ยวสามารถทำให้เราเป็นบ้าได้
CREATED BY
ไม่ชอบคนข้างล่าง