“ไม่นานหรอกถ้าอาการแบบนี้ อีกเดี๋ยวก็เลิกกันละ” คือหนึ่งท่อนจากเพลง ‘เดี๋ยวก็เลิกกัน’ Single ใหม่ล่าสุดของวง I Hate Monday วงดนตรีที่รวมเหล่าบรรดาเด็กแสบเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งเพลงเดี๋ยวก็เลิกกันเป็นหนึ่งในอัลบั้มของ Weekday ที่จะปล่อยออกมาทั้งหมด 5 เพลง โดยแต่ละเพลงมีเนื้อหาและดนตรีที่ไล่ระดับความเศร้าไปจนถึงความสนุก ซึ่งเพลงนี้เป็นตัวแทนของ ‘วันพฤหัส’
วง I Hate Monday ให้ความรู้สึกเหมือนกับการดูหนังเรื่อง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ ที่จุดเริ่มต้นของการทำวงดนตรีมาจากการรวมตัวกันในกลุ่มเพื่อน ๆ และเวทีที่ทำให้พวกเขาได้เป็นศิลปินเต็มตัวก็คือ ‘Hotwave Music Awards’ เวทีในฝันของเด็กมัธยมที่ชื่นชอบและหลงไหลในศาสตร์ด้านดนตรี ส่วนเส้นทางความฝัน, ความหวัง, การทำเพลง, การทำงานกับเพื่อน และอัลบั้มใหม่ล่าสุดของ I Hate Monday จะเป็นอย่างไร อ่านบทสัมภาษณ์สุดพิเศษที่ได้มาจากการนั่งคุยกับเหล่าเด็กแสบได้เลย ตอนนี้!
ห้องเรียนมันแคบเลยรวมตัวกันทำวง ‘I Hate Monday’
ปิง : พวกเราเรียน ม. ปลาย มาด้วยกันที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหิดล ตรงศาลายาครับ อยู่ห้องเดียวกัน เป็นเพื่อนกัน ก็เลยตัดสินใจฟอร์มวงขึ้นมาเพื่อจะไปแข่งในงานต่าง ๆ คือก่อนหน้าจะมาประกวด Hotwave Music Awards (เวทีการแข่งขันวงดนตรีระดับมัธยมศึกษา) เรามีแข่งมาบ้างก่อนแล้ว แต่มีเวที Hotwave นี่แหละ ที่มันดูประสบความสำเร็จที่สุด
นีโน่ : ในห้องมันจะมีหลาย ๆ เครื่องเอก พวกคลาสสิค พวกร้องเพลง คนเล่นกีตาร์ไฟฟ้าได้ ตอนนั้นน่าจะมีแขนงแจ๊สด้วย ซึ่งห้องเรียนมันเล็กอยู่แล้ว ประมาณ 20 คน ถ้าตัดคลาสสิคออกไปก็จะครึ่ง ๆ เหลือประมาณไม่กี่ 10 คนในห้องเรียน นั่งเรียนก็ใกล้ ๆ แล้วอยากฟอร์มวงขึ้นมา หันซ้าย หันขวาก็เจอกันเอง เลยคุยกันว่า เรามาลองฟอร์มวงกันดีไหม
ทำไม ‘วง I Hate Monday’ ต้องมี 5 คน
ปิง : ตอนนั้นผมรู้จักกับหยีมากกว่าเพื่อนคนอื่น ก็คุยกันว่าอยากฟอร์มวง และไปหางานแข่ง ไปหางานเล่น แต่ตอนแรกไม่ได้คิดไว้เลยว่าจะมี 5 คน มันเหมือนโชคชะตาหรือเปล่า หันไปเจอกันและพวกเขาเล่นเก่ง ความสนิทมันก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอีกทีมันก็มี 5 คนไปแล้ว บวกกับสถานที่ที่เราเรียนมันเป็นวิทยาลัยดนตรีด้วย มันเลยไม่ได้รู้สึกว่าวงเราต้องมีประมาณนี้นะ เหมือน อ่อ เรียนเอกนี้ เล่นอันนี้ได้ ก็ดึง ๆ มา เป็นเรื่องปกติ
มิค : เหมือนเราเล็งว่าจะเป็นวงร๊อคเลยมีกีตาร์ 2 คน จริง ๆ วงดนตรีเริ่มต้นตอนนั้นน่าจะเริ่มที่ 4 คนอยู่แล้ว มีร้องนำ มีกีตาร์ มีเบส มีกลอง แต่ไม่รู้เหมือนกันทำไมเรามีกีตาร์ 2 คน
ฟอร์ด : ตอนแรกไม่ใช่ผมเป็นเบส แต่ว่าเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง และเขาไปเรียนต่อต่างประเทศพอดี ผมจำได้มิคกับหยีนี่แหละ เดินเข้ามาถามผมว่าสนใจไหม ก็เลยเข้ามาตั้งแต่ตอนนั้นเลย

เรียนสายดนตรีไม่ได้ ‘ง่าย’ อย่างที่คิด
นีโน่ : ผมเรียนมหาวิทยาลัยที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ดนตรีนี่แหละ ต่อสาขาเดิมคือแจ๊สได้ประมาณครึ่งเทอม ก็ย้ายไปต่อมัลติมีเดีย ส่วนตัวผมมองว่าการเรียนดนตรีมันมีความกดดัน ความเครียดประมาณหนึ่ง เวลาสอบรวมวงมันจะมีระบบชนชั้นด้วยนะ แบบว่าเล่นดีจะอยู่วงสูง เล่นไม่ดีก็จะได้อยู่วงกลาง ๆ ไปจนถึงท้าย ๆ มันเลยมีความกดดันประมาณหนึ่งครับ แต่ระหว่างที่ผมออกไป ผมก็ยังติดต่อวงอยู่เรื่อย ๆ ยังเล่นดนตรีอยู่เรื่อย ๆ มันเหมือนกับเราแค่เหนื่อยกับการเรียนแบบเดิม เหนื่อยกับการสอบ แต่สำหรับเราเราก็ยังเล่นดนตรีด้วยความสนุกอยู่
‘Hotwave Music Awards’ เวทีแห่งความฝันของเด็กมัธยมหลาย ๆ คน
มิค : ก่อนหน้าจะประกวดเวที Hotwave ก็มีประกวดเวทีอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้เยอะมากที่จำได้แม่น ๆ มี 2 อัน Oishi Band Battle, Silpakorn Youth Music Award และก็ไป Hot Wave เลย จุดตัดสินใจที่ไปประกวดอยู่ช่วง ม.6 และพวกเราไม่ได้คิดอะไรกันเยอะเลย มีวงอยู่แล้วก็ต้องประกวด ไม่ต้องปรึกษาอะไรกันมาก
ฟอร์ด : ผมจำได้ว่าเราไม่ได้คุยเรื่องแพลนกันเลย เราแค่รู้สึกว่าเราไปสนุกกัน แต่ว่าพวกเราทุ่มเทนะ เรียนก็ต้องเข้าตั้งแต่ 8 โมง ทำเทปเสร็จกันตี 3 ตี 4 จำได้แม่นเลย ไปอัดเพลงกันที่ห้องอัดรุ่นพี่ เราเอาสนุกอย่างเดียวเลยครับตอนนั้น คิดแค่ Step by Step ไม่ได้คิดอะไรไกลเลย เหมือนตอนนั้นเขาแจ้งมาว่าต้องส่งคลิป 2 เพลง เราก็คุยกันแค่นั้นว่า 2 เพลงจะส่งเพลงอะไรบ้าง และก็นัดไปห้องอัด อัดเดโม่ ส่ง จบ
มิค : ตอนส่งไปก็แอบหวังอยู่นะ เพราะรู้สึกว่าตึงอยู่ ตอนนั้นร้อนวิชา รู้สึกได้โชว์อะไรสักอย่าง (หัวเราะ) ตอนนั้น 2 เพลงที่ส่งไปคือเพลงความเจ็บปวดของปาล์มมี่ กับอีกอันหนึ่งเป็นจะรักหรือจะร้ายของ Klear
ตอนประกวด Hotwave Music Awards กลัววงไหนมากที่สุด
มิค : ตอนนั้นผมกลัว ‘วงมั่นคง’ ผมรู้สึกว่าน้องเขาเป็นเด็กที่เล่นดนตรีแล้วมารวมกลุ่มกันได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีอาจารย์ที่คอยดูค่อนข้างดีด้วย เพราะตอนไปแข่งเรามีโอกาสได้ไปเล่นแต่ละโรงเรียน ตอนเราไปเล่นโรงเรียนเขา ก็ได้เจออาจารย์เขา เราก็รู้สึกว่าวงนี้น่ากลัว
ปิง : เอาจริง ๆ ผมกลัวทุกวงเลย ผมรู้สึกว่าเหมือนพอพวกเขาไม่ได้เรียนดนตรีตลอดเวลา พอเขาจับการเล่นดนตรีแล้วมันดูเหมาะสม ผมรู้สึกว่าเออเขาเล่นแล้วมันสนุกจริง ๆ ซึ่งผมรู้สึกว่าของเรายังขาดสิ่งตรงนั้นไป อาจจะเป็นว่าตอนเรียนแล้วมันก็คิดเยอะ มันขาดความสนุก ตอนนั้นก็เลยกลัวหมดเลย เพราะพวกเขาดูสนุกกันกับสิ่งที่ตัวเองทํากันทุกวงเลย
ความรู้สึกตอนตกรอบ Hotwave Music Awards รอบ 4 วงสุดท้าย
มิค : ก็เสียดายครับ แต่รู้สึกว่าเต็มที่แล้วเลยไม่ได้เสียดายอะไรมาก เพราะเราได้ลองแทบทุกอย่างเลย ยิ่งเรื่องแนวเพลงก็ลองทุกแนวจริง ๆ ยิ่งรอบสุดท้าย เราลองเปลี่ยนแนวเพลงดู ทำทุกอย่างที่อยากทำ เอาเครื่องดนตรีที่เรียนจริงมาเล่นบนเวที ก่อนหน้านั้นเราก็เล่นร๊อคปกติ แต่รอบสุดท้ายลองเอาดับเบิ้ลเบสมายืนเล่น เอากีตาร์มานั่งเล่นบนเวที ขณะที่หลาย ๆ วงทั้งวิ่ง ทั้งกระโดด แต่พวกผมนั่งเล่น เพราะว่ามีกรรมการอยากให้ลอง
ฟอร์ด : ตอนนั้นพวกเราแทบจะไม่มีศูนย์กลางเลย หมายถึงไม่รู้ว่าศูนย์กลางคือตรงไหน พวกเราฝืนไปเรือย ๆ แต่พอรอบสุดท้ายเอาคำพูดกรรมการมาปรับใช้ แต่ผมจำไม่ได้ว่ารอบไหน กรรมการพูดว่าพวกคุณเล่นน้อย ๆ มันก็ดูดีนะ ตอนซ้อมพวกเราก็ลุยทำกันเลย เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว เราก็เลยทำอะไรที่อยากทำละกัน ได้เป็นตัวของตัวเองด้วย และก็มีคนมองเห็นตรงนั้น เลยเป็นด้านบวกดี ๆ

จุดเริ่มต้นของการเป็นศิลปินในค่าย White Music
นีโน่ : เหมือนพอปล่อย Single ไปแล้วก็เริ่มเข้าตากรรมการหลายเจ้าอยู่เหมือนกัน เราก็มีโอกาสไปถึงถิ่นของเจ้านั้น ๆ อยู่หลายค่าย เขาก็น่าจะดู Hotwave นี่ล่ะ และพอเห็น Single เห็นแนวเพลงเขาก็เริ่มทาบทาม สุดท้ายก็ประชุมกัน และก็มาจบที่ White Music
มิค : เหตุผลที่เลือก White Music เพราะจากช้อยส์ที่มีตอนนั้น ค่ายน่าจะเหมาะที่สุดกับวง เป็นป๊อปที่ยังซีเรียสมิวสิคได้อยู่
ที่มาของชื่อวง ‘I Hate Monday’
ปิง : มันเป็นช่วงรอยต่อ อย่างที่บอกว่าตอนนั้นเรากำลังหางานแข่ง มีช่วงหนึ่งเขาต้องการทราบชื่อวง และพวกเราเป็นพวกติดชิลล์อ่ะ เขาก็จี้มา ระหว่างนั้นผมก็เล่นโซเชียลตามปกติเปิดไปเจอไลน์อัปมีชื่อวงหนึ่งชื่อว่า I don’t like monday เราก็เลยเอาพลิกแพลงนิดหน่อยเอง (หัวเราะ) เรามินิมอลกว่าเรียกว่า น้อยแต่มาก แต่ตอนประกวดตอบคำถามอีกแบบนะ ตอบหล่อไปก่อนทำนองว่ามันเป็นคำที่ทุกคนน่าจะ Relate กันนะ แต่เอาจริง ๆ ตอนผมเลือกมาผมก็มีความคิดนี้อยู่นะ ดูเป็นเรื่องที่คนบ่นกันว่าวันจันทร์อีกแล้ว แล้วก็ชอบในความหมาย แบบเป็นสิ่งที่เกลียดแต่เราก็ต้องเจอทุกสัปดาห์ เป็นอุปสรรคที่ต้องผ่านไปให้ได้ หล่อเลย
คำพูดที่ว่า ‘ทำงานกับเพื่อนเดี๋ยวจะทะเลาะกัน’ ใช้ได้กับ I Hate moday ไหม
นีโน่ : หลายคนชอบพูดว่าอย่าทำงานกับเพื่อนสนิทเพราะเดี๋ยวจะทะเลาะกัน ซึ่งส่วนใหญ่ที่ทะเลาะกันเป็นเรื่องเงิน ซึ่งวงเราฟอร์มทีมกันมาตั้งแต่ ม.4 ตอนนั้นมันยังไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนี้เลย จนมาถึงตอนนี้มันก็ยังติดนิสัยเหล่านั้นอยู่ เรื่องทะเลาะกัน เรื่องนิสัยส่วนตัวพวกเราก็ไม่ได้เป็นคนร้อนอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าจะมีอะไรที่มันแปลก ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องความติดชิลล์บ้าง
ฟอร์ด : ผมว่าการทำงานกับเพื่อนมันมีข้อดีครับ ทำกับเพื่อนมันมีความสบายใจ รู้สึกว่าเราคุยกันได้ทุกเรื่อง เราไม่ต้องคิดเยอะ ถ้าเราทำงานกับคนที่อายุต่างกันมันจะต้องคิดนู่น คิดนี่ แต่กับเพื่อนเราอยู่กันมาเรารู้กันอยู่แล้ว เพื่อนคนนี้เป็นยังไง คิดยังไง ก็เลยอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของการไม่ทะเลาะกันด้วย
ปิง : ส่วนตัวรู้สึกว่า การที่ทำงานด้วยกันมันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องรู้สึกระวังหรือกลัวว่าจะทะเลาะอะไรกัน ผมรู้สึกว่าเรารู้จักกันมานานจนรู้ว่าเส้นแบ่งคือตรงไหน ตรงไหนคือเกิน ตรงไหนคือไม่เกิน และทุกคนก็ทำแบบนั้นมาตลอด มันเลยไม่ต้องพยายามทำ ก็เลยอยู่กันมาได้เรื่อย ๆ ไม่ค่อยมีอะไรค้างคาใจกันเท่าไหร่
ฟอร์ด : เหมือนเรารู้ว่าเส้นของเพื่อนคนนี้เป็นถึงตรงไหน มันก็คือการให้เกียรติกับเพื่อน มันเลยเส้นที่ต้องจูนมาเยอะแล้ว คือมันรู้หมดแล้ว แบบสมมุติผมสะกิดปิงอะไรเงี้ย ปิงก็จะรู้แล้วว่าสะกิดเรื่องอะไร

การทำเพลงสไตล์ I Hate moday
มิก : ช่วงแรกเราขึ้นเดโมกันเอง และก็เอาเพลงไปให้โปรดิวเซอร์ช่วยตบ รวมถึงเนื้อด้วยขึ้นกันไปและเอาให้พี่โปรดิวเซอร์, พี่ซองไรเตอร์ช่วยตบเนื้อให้อีกที พอเวลาผ่านไปเนื้อยังทำกันเอง แต่ดนตรียังให้พี่ ๆ ช่วย และก็ลองเปลี่ยนไปทำเองกันหมดเลย และก็ลองเปลี่ยนกลับมามีซองไรเตอร์ดู ให้เขาขึ้นเนื้อร้องทำนอง และค่อยมาทำดนตรี ก่อนหน้านั้นขึ้นธีมก่อน และค่อยเขียนเนื้อ ก็จะคนละแบบนะครับ
นีโน่ : การมีซองไรเตอร์ก็จะช่วยชี้ทาง พวกเราถนัดพาร์ตดนตรีกันมากกว่า เมื่อก่อนเวลาเขียนเนื้อ เราไม่ได้เขียนคนเดียวนะ มันจะเป็นอารมณ์แบบเราทำงานส่งอาจารย์สักอันหนึ่งอ่ะ ช่วย ๆ กันแต่ง คนหนึ่งเอาประโยคนี้มาใส่นะ และก็ฟัง แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนมันยังไม่ใช่ทาง
เจาะเบื้องหลังการทำเพลง ‘หยดนี้ให้เธอ’
นีโน่ : ดราฟต์แรกสุดเราแต่งกันเอง แต่เราจำเนื้อร้องดราฟต์แรกไม่ได้ มันฟุ้งจัดเลย ค่อนข้างไกลจากเวอร์ชั่นที่ปล่อยไป ถ้าอยากรู้ความหมายต้องถามพี่ปู๋ว่าเป็นมายังไง
มิค : เหมือนมันเริ่มมีความพยายามจะใส่ทำนองที่มันฟังดูปกติบนคอร์ดที่ดูไม่ปกติมั้งครับ ตอนแรกสุดทุกตัวมันจะอยู่ในคีย์หมดเลย คอร์ดที่สอง มันจะหลุด ๆ ออกไปนอกคีย์ คือเราทดสอบระบบว่ามันจะผ่านเข้าไปในแก้วหูผู้ฟังหรือไม่
ฟอร์ด : แต่กลายเป็นเพลงนั้นเป็นเพลงแรกที่เราได้ทำกัน ปัจจุบันพวกเราก็ยังคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้นนะ
นีโน่ : มันน่าจะเพียวสุดนะ ออร์แกนิคสุด
อัลบั้มใหม่ไม่ใช่แค่ ‘Monday’ แต่มันคือ Weekday!
นีโน่ : ตอนแรกเลยเราก็เหมือนหาคอนเซ็ปต์ให้กับอัลบั้มกัน เราเลยกลับมามองที่ชื่อวง ว่าชื่อวง I Hate Monday ก็เลยคุยว่ามีอะไรที่มันเกี่ยวกับ I Hate หรือ Monday ไหม จนสุดท้ายมันออกมาเป็น Weekday เพราะเราได้โจทย์มาพอดีว่าจะปล่อยเป็น EP อัลบั้มเป็น 5 เพลง ซึ่งมันก็เข้ากับ Weekday 5 วันพอดี และเราก็คิดกันต่อว่า I Hate Monday ชื่อวงของเราเนี่ย ความหมายของมันคือ คนมักจะไม่ชอบวันจันทร์ เราเลยตีความกันว่า วันจันทร์มันน่าจะเศร้าที่สุด และคนมักจะชอบวันศุกร์ เพราะได้ปาร์ตี้กันตอนกลางคืน เราเลยคิดว่าจะทำเพลงเศร้าจนสนุกไปเรื่อย ๆ 5 ไทป์ 5 เพลง ซึ่งเพลงที่เพิ่งปล่อยไปคือ ‘เดี๋ยวก็เลิกกัน’ มันอยู่ในวันพฤหัส ดนตรีมันเลยจะสนุก แต่เนื้อหาไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น ยังติดเศร้าอยู่นิด ๆ ส่วนเพลงก่อนหน้านี้คือเพลง ‘อย่าเพิ่งไปได้ไหม’ เพลงนั้นก็อยู่ใน EP ครับ เป็นเพลงของวันศุกร์ จะสนุกสนาน จอย ๆ เต๊าะ ๆ หน่อย แบบอยู่ด้วยกันก่อน อย่าเพิ่งไปเลย
ฟอร์ด : แอบสปอยล์ดีไหม เหมือนกับที่พูดไปก่อนหน้านี้ พวกเราคิดถึงฟีล ๆ ตอนทำเพลงหยดนี้ให้เธอใช่ไหมครับ ในอัลบั้มนี้มีเพลงฟีลนี้อยู่และทำเสร็จแล้ว
ประสบการณ์ร่วมงานการกับ The Voice UK ด้วยการดึงตัวมาเป็นนางเอกเอ็มวี ‘เดี๋ยวก็เลิกกัน’ เป็นอย่างไรบ้าง
ปิง : ดีครับ สนุกดี คือเอาจริง ๆ ตอนที่เราไปทํางาน เราอาจจะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขนาดนั้น แต่ว่ามันก็มีช่วงที่เข้าซีน ก็รู้สึกว่าเขาแบบเฟรนลี่ดี ดูน่าจะพูดคุยกันง่าย แล้วก็ดูเต็มที่กับเอ็มวีที่เขามาแสดงให้เรา เขาเต็มที่กับงานมาก พอเข้าฉาก 1 2 3 ปุ๊บ เขาเปลี่ยนร่าง ถ้ามีโอกาสได้คุยกันน่าจะเป็นคนสนุกดีครับ
นีโน่ : เอาจริง ๆ ผมค่อนข้างตื่นเต้นนะ แต่ตื่นเต้นหลังเพลงออก เพราะตอนคุยกันเรื่องเอ็มวี กับตอนถ่ายเอ็มวี ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ก่อนหน้านั้นผมเคยดูคลิปเขามาก่อนนะ ดูมาเยอะเลย ที่เป็นคลิปคุยกับอีกคนหนึ่ง เคยดูมาแบบผ่าน ๆ ตอนถ่าย MV ผมก็ไม่รู้จักเขา แต่พอ MV ปล่อยแล้วมีคนพูดถึง คนมาบอกว่าคือคนนี้ เราก็ตกใจว่า อ้าวเขาคือคนนี้หรอ คนที่เราเคยดูผ่านโซเชียล คนที่เรียกได้ว่าเป็นเน็ตไอดอล ซึ่งปกติเราดูอยู่แล้ว แค่จําไม่ได้
ฟอร์ด : ตอนแรกส่วนตัวผมไม่รู้ ผมไม่รู้ชื่อจริงเขา ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ตอนถ่าย MV ได้เห็นหน้าครับ เพิ่งมารู้ตอนที่เพลงออกว่าเค้าคือ The Voice Form UK เพิ่งรู้ว่าเขามีอิทธิพลในโลกออนไลน์ (หัวเราะ) อย่างไรฝากเพลงใหม่ล่าสุดของพวกเรา I Hate Monday ด้วยนะครับ ‘เดี๋ยวก็เลิกกัน’ หลังจากเพลงนี้เราก็จะปล่อยเพลงในอัลบัมของเราที่ชื่อว่า Weekday ฝากทุกคนรอติดตามด้วยครับ แล้วก็สามารถไปฟังเพลงได้ที่ทางยูทูปนะครับ Official White Music และ Streaming ทุกแพลตฟอร์มเลย แล้วก็สามารถติดตามพวกเราได้นะครับที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ I Hate Monday Band แล้วก็อินสตราแกรมกับทวิตเตอร์ครับ @Ihatemonday_Official ฝากทุกคนด้วยครับ
หมายเหตุ : คำว่า The Voice UK เป็นคำแซวเล่นกันในโลกออนไลน์ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด