เกือบหลับแต่กลับมาได้
“ฟื้นฟูขึ้นมาเยอะแล้วครับ พยายามคุมน้ำหนักไม่ให้กลับมาเท่าเดิม เพราะว่าถ้ากลับมาเท่าเดิมเราจะอ้วนไปอีก แต่ว่าก็พยายามหาอะไรทำ ออกกำลังกาย ได้มีโอกาสปั่นจักรยานทุกวัน”
พี่จั๊กพูดคุยกับเราด้วยความสดใส ย้อนให้ฟังถึงเรื่องราวเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมากับอาการป่วยที่เรียกได้ว่าเกือบหลับแต่กลับมาได้
“เอาจริงๆ นะ ตอนแรกเราคิดว่าเราเป็นโควิดด้วยซ้ำ แต่ตรวจ ATK หลายรอบปรากฏว่าไม่ใช่”

“ตอนนั้นเราไอหนัก แต่คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะปกติเราไออยู่แล้ว แต่ไปๆ มาๆ เริ่มเหนื่อยง่าย ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ รู้สึกเหนื่อย เริ่มสังเกต Heart Rate จาก Smartwatch สงสัยว่าทำไมขึ้นสูงจัง ก็ไปหาหมอตรวจเลือด ตรวจค่าตับ ค่าอะไรต่างๆ ผลออกมาปกติทั้งหมด ยกเว้นน้ำตาลสูง ก็ยังไม่เอะใจอะไรเท่าไหร่ แต่ที่เริ่มไม่ไหวคือตอนที่ไปเล่นคอนเสิร์ต ปกติร้องติดกันอยู่แล้ว 3-4 เพลง แต่รอบนี้เริ่มร้องไม่ไหว รู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยมากๆ ไม่เคยเหนื่อยแบบนี้มาก่อน
เราดู Heart Rate เราตอนนั้นขึ้นไปประมาณ 170-180 พอเช้ามาเลยกลับไปหาหมออีกครั้ง รอบนี้ให้หมอลองเอกซเรย์ ตรวจเลือดอย่างละเอียดอีกครั้ง เจอว่าเป็นวัณโรคระดับ 3+ อยู่ในระยะที่แพร่เชื้อได้แล้ว ที่ปอดมีฝ้าเยอะมากทั้งสองข้าง ต้องแอดมิทวันนั้นเลย เพราะที่ตรวจเจอเชื้อมันทำงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว”
แล้วที่มาของวัณโรค พี่จั๊กคิดว่ามาจากไหน ?
“เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งเขาเป็นวัณโรค โดยปกติใครที่เป็นโรคนี้ต้องรักษาตัวโดยการกินยาประมาณ 6 เดือน แล้วช่วงที่เขาป่วยเราก็ไปดูแลเขา เขาบอกเราว่า ‘เขาหายแล้ว’ แต่จริงๆ คือเขากินยาไม่ครบโดส จนเขาป่วยหนักขึ้นมาอีกรอบ ทีนี้หนักจนเข้า ICU รอบนี้โรคกลับมาเป็นเชื้อตัวที่ดื้อยา คือ หนักกว่าเดิมมาก จนในที่สุดเขาก็เสียชีวิต หลังจากนั้นระยะห่างกันน่าจะปีกว่า ก็มารู้ว่าตัวเองเป็นวัณโรค ตามที่ข่าวออกไป”

“จากที่หมอเล่าให้ฟัง คนส่วนใหญ่ที่เป็นวัณโรคมักจะหยุดยาเอง บางคนทนผลข้างเคียงไม่ได้ บางคนทนไม่ได้ที่ต้องกินยาวันละเป็น 10 เม็ด ผลข้างเคียงของยาค่อนข้างทรมานมาก ช่วงแรกๆ ผมปวดไปทั้งตัว ทุกข้อกระดูก ข้อเข่า ข้อแขน ข้อมือ หลัง สะโพก ไข้ขึ้น นอนไม่หลับ อาเจียน กินข้าวไม่ลง แรงไม่มีเลย สายตาไม่ปกติอีก ปลายประสาทอักเสบด้วย ผลข้างเคียงเยอะมาก !!!! ทำให้ผมเข้าใจเลยว่าทำไมผู้ป่วยบางคนถึงหยุดยาเอง ทีนี้พอหยุดยาเองแล้วยังมีอาการของโรค ไปหาหมอใหม่ กินยาใหม่ จะเจอกับภาวะที่ดื้อยาแล้ว อาการของโรคก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ผู้ป่วยวัณโรคต้องฝ่าฟันอาการพวกนี้หนักมาก ผมกินยาประมาณ 6 เดือน ต้องอยู่กับอาการทั้งหมดนี้ทุกวัน กว่าผมจะผ่านจุดนั้นมาได้ หนักมากสำหรับตัวเอง”
“ครอบครัว” กำลังใจสำคัญที่ทำให้ผ่านจุดที่ยากที่สุดในชีวิตมาได้
“ตอนนั้นเราท้อเหมือนกัน แต่หมอบอกว่าเราจะหาย ให้เรากินยาให้ครบและอดทน เราเชื่อหมอ ก็พยายามทำให้ได้ มีภรรยาคอยจัดยาใส่กล่องยาให้ ลูกชายคอยเตือนพอถึงเวลา พ่อ แม่ น้องสาว โทรมาถามอาการให้กำลังใจตลอด”


“เรามีความเชื่อว่าเราต้องกลับมาได้ ถึงสภาพร่างกายตอนนั้นจะแย่มากๆ ก็ตาม รักษาวินัยในการกินยา ลูกเมียคอยจัดยาให้ ถึงเวลา 2 ทุ่มคือกินยา ต้องกินให้ตรงเวลาทุกวัน ตอนนั้นน้ำหนักลดไป 8 กิโลกรัม เราก็พยายามกิน ภรรยาหาซื้ออาหารเสริม พวกโปรตีนมาให้ น้ำหนักขึ้นยากมาก เพราะวัณโรคเอาไปหมด เราท้อกับการกินมาก ต้องเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อให้ได้ เราเหลือแต่กระดูกผอมแบบฝ่อไปเรื่อยๆ เหลือแต่กระดูกเลยนะ ผอมมาก ถ่ายรูปออกมาเป็นโครงกระดูกเลย แล้วตอนนั้นที่อยู่ในระหว่างติดเชื้อกินยาต่างๆ เราไปไหนไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีแรงเลย”
“วัณโรค” ภัยร้ายใกล้ตัวที่ “เรา” ไม่ควรมองข้าม
“เรื่องวัณโรคจริงๆ มีมานานแล้ว และยังอยู่ แต่ไม่ค่อยรู้กันว่ามันยังอยู่ เชื้อวัณโรคจะอยู่ในอากาศ และอยู่ได้นานกว่าโควิด เจ้าหน้าที่ที่กองวัณโรคบอกว่าคนขับแท๊กซี่เป็นวัณโรคเยอะที่สุด เพราะรับผู้โดยสารขึ้นมาเยอะ แล้วชีวิตคนขับรถคืออยู่แต่ในรถที่เปิดแอร์ตลอดเวลา ไม่มีการถ่ายเทของอากาศ หากมีเชื้อเข้ามาเชื้อก็จะวนอยู่ในรถ”

“วิธีการสังเกตตัวเองอย่างแรกเลย อาการเริ่มต้น คือ เราจะมีไข้อ่อนๆ ตอนบ่ายหรือตอนเย็น แล้วจะเป็นทุกวัน ซึ่งก่อนหน้าที่ผมจะเป็น คือ ไข้ขึ้นอ่อนๆ อยู่พักใหญ่เลย พอมีไข้ เราก็กินยาลดไข้ ไข้ก้หายไป ตื่นเช้ามาปกติเราออกไปทำงาน พอตอนบ่าย ไข้เริ่มกลับมาอีกแล้ว เป็นอย่างนี้วนไปวนมาเป็นเดือน เราก็คิดนะว่าจะไปหาหมอ แต่ก็ชะล่าใจ คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร … นี่คืออาการแรก ต่อมาเรื่องของ ‘การไอ’ ถ้าไอผิดปกติ ควรไปหาหมอ”
“จุดสังเกตของผมอีกจุด คือ ผมจะเจ็บข้างหลัง ซึ่งตอนแรกสงสัยว่าเป็อะไรนเกี่ยวกับตับกับไตรึเปล่า ก็ไปตรวจค่าตับ ค่าไตเป็นปกติหมด ตอนนั้นเราคิดว่า หรือเราเป็นมะเร็ง พอไปตรวจ ค่ามะเร็งไม่มี แต่เราเจ็บตรงนี้ (ชี้ไปที่บริเวณสะบักเรื่อยลาถึงหลัง) เป็นอาการเจ็บไปจากปอดด้านหลัง ซึ่งตรงนั้น X-Ray ออกมาเห็นเลยว่าเชื้อมันเป็นกระจุกที่เข้มข้นที่สุด เป็นฝ้าก้อนใหญ่ที่สุด ตรงอื่นมันกระจายลามรอบๆ เหมือนกับรากไม้ทะแยงออกไป”


“วัณโรคเป็นโรคที่เกิดขึ้นทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นปอด ต่อมน้ำเหลือง ลงตับ แล้วแต่ว่าโรคจะไป Activate ที่ไหน เพราะฉะนั้น อาการอาจจะไม่เหมือนกัน แต่ที่มีแน่ๆ จะมีไข้อ่อนตอนบ่าย ถ้าเรากินยาแล้วหายแล้วพรุ่งนี้เป็นอีก วันที่สามเป็นอีก วันที่สี่เป็นอีก คือเป็นอาการที่น่าสงสัยว่าจะเป็นวัณโรค”
จั๊ก ชวิน กับ GRAMMY RS CONCERT HIT100 VOL.2 (2567)
“เห็นป๋าเต็ดโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าเป็นศิลปินที่ได้รับเสียงกรี๊ดที่ดังที่สุดในคอนเสิร์ต”
“ครับ เห็นว่าอย่างนั้น”
“จริงๆ ไม่คิดว่าจะได้รับกำลังใจเยอะขนาดนั้น ต้องขอบคุณทุกคนด้วยที่ให้กำลังใจกัน หลายๆ คนบอกว่า คงไม่ได้เห็น จั๊ก ชวิน บนเวทีนี้หรอก เพราะเห็นว่าป่วยอยู่ไม่น่าจะไหว แต่เรา fight จนถึงที่สุด สุดท้ายไปตรวจไม่เจอเชื้อแล้ว เชื้อตายหมดแล้วจาก 3+ เหลือไม่ถึง 1 คุณหมอออกใบรับรองแพทย์ว่าไม่มีเชื้อแล้วนะ สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติแล้ว ให้เอาใบนี้ไปยืนยันกับทางผู้จัดว่า ‘เราปลอดภัยแล้ว’
เวลาที่หมอเจาะเลือดเราไปตรวจในหลุมสไลด์หลุมหนึ่ง ถ้าเจอเกินเท่านี้ตัว ก็จะ1+ 2+ 3+ แต่ตอนที่เราเจอเชื้ออยู่แค่ 7 ตัว และเป็นเชื้อตาย เป็นซากเชื้อ จากที่มีเชื้อเป็นพัน เหลือแค่ 7 ตัว และเป็นซากที่เขาเจอถือว่าหมดแล้ว ไม่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ แต่สภาพร่างกายยังเหนื่อยอยู่ ยังร้องเพลงติดกันหลายๆ เพลงไม่ได้ ยังยืนนาน เดินนานไม่ได้ แต่ก็ยังสู้ไหวอยู่” (ยิ้ม)

“วันนั้นที่ขึ้นไปบนเวทีตอนร้องเพลง ตอนเดิน ยังเหนื่อยอยู่เล็กน้อย แต่ยังร้องเพลงไหว เราไหวในระดับที่เรารู้ว่าไหวอยู่นะ ตอนเดินยาวๆ ก็แอบเหนื่อยอยู่เหมือนกัน แต่กำลังใจดี เพื่อนๆ คอยเซฟ สำคัญคือแฟนเพลงเราเอาใจช่วยเราตลอด ส่งพลังใจมาให้ตลอดมัน Fulfill นะ เป็นอะไรที่ทำให้เราต้องสู้เพื่อที่จะมาให้ได้”
“ตอนนี้ดีแล้ว X-Ray ทั่วทั้งปอดคือฝ้าหายไปหมดแล้ว แต่ยังมีจุดที่หมอเรียกว่าแผลเป็น เหมือนที่เราวิ่งหกล้มหัวเข่าถลอก พอหายเราก็กลับมาวิ่งได้เหมือนเดิม แต่ว่าจะมีแผลเป็นอยู่ตรงนั้น มันไม่หายไป ในปอดเราก็เหมือนกัน ตรงจุดที่เป็นวัณโรคจะยังมีแผลเป็นอยู่”
จบกันไปเสียทีกับเรื่องราวที่เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตชีวิต ทีนี้เรามาชวนพี่จั๊กคุยถึงเรื่องชีวิตในวงการบันเทิงบ้าง นับย้อนไปนี่ก็เข้าปีที่ 26 แล้ว ที่ชื่อของ ชวิน จิตรสมบูรณ์ ถูกเล่าขานอยู่บนเส้นทางบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน นักแสดง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ มิวสิคไดเรคเตอร์ และผลงานการแสดงล่าสุดรับบทเป็นเอื้อ พ่อของเดย์ (ซี ทวินันท์) ในซีรีส์ Last Twilight ภาพนายไม่เคยลืม (2566)
กดดูวิดีโอได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
https://www.facebook.com/reel/4489919094566598
จั๊ก ชวิน ดนตรี และ กีตาร์ กับ อัลบั้มชุดแรกในชื่อ Double You (2541)
“คุณพ่อชอบเล่นดนตรี ที่บ้านจะมีเปียโน มีกีตาร์ ผมกดเล่นเปียโนไปเรื่อยๆ เล่นแบบงูๆ ปลาๆ ไม่ได้ไปเรียน แต่น้องสาวไปเรียนเล่นเป็นเพลงได้เลย เราชอบเสียงดนตรีตั้งแต่เด็ก ฟังวิทยุ ฟังเพลง แล้วมาหัดเล่นกีตาร์จริงๆ ตอนก่อนเล่นกีตาร์ ผมท่องโน้ตได้หมดแล้ว คือท่องโน้ตเอาเพลงอะไรมาแล้วก็บอกให้โน้ต แล้วเราบอกได้เลยว่าเป็นโน้ตอะไร ฟังแล้วรู้เลย
มาเล่นกีตาร์จริงๆ ตอน ป.5 อายุ 11 ปี เริ่มจากพ่อฝึกให้ ฝึกมาเรื่อยๆ แล้วไปลงเรียนที่สยามกลการอยู่ 2 ปี เรียนกีตาร์คลาสิค 2 ปีแล้ว หลังจากนั้นพอขึ้น ม.1 ก็ไม่ได้เรียนแล้ว พอ ม.1 ปุ๊บ เริ่มวุ่นวายกับชีวิตมากขึ้น เราเป็นวัยรุ่นเลยไม่ได้ไปเรียน แต่เรายังเล่นกีตาร์อยู่ เล่นกับเพื่อน เล่นกับพี่แถวบ้าน เขาเล่นเก่ง เขาก็มาสอนเรา ใช้ปิ๊กยังไง ตอนเรียนนี่ไม่ค่อยใช้ปิ๊กเลย เล่นแต่นิ้ว มาหัดใช้ปิ๊กก็สนุกดี แล้วมีรุ่นพี่ม.6 เข้ามาเห็นเราเล่นที่โรงเรียน เขาเลยชวนเราไปอยู่วงของเขา เอาไปซ้อมดนตรีกัน เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอ ม.2 กลุ่มพี่ ม.6 จบไป เราเลยตั้งวงกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ก็จะมีเพื่อนในห้องเราคนนี้ตีกลองได้ คนนี้เป็นนักร้องได้ จับมารวมวงกัน แล้วซ้อมดนตรีกันมาตลอด

กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีแบบหนึ่งที่เรียกว่า เล่นให้เป็นน่ะง่าย แต่เล่นให้เก่งน่ะยาก เปียโนเหมือนกัน เล่นให้เป็นมันง่าย แต่เล่นที่เก่งเลยอ่ะยาก มันมีความท้าทายของมัน ต้องใช้ความพยายามเยอะมาก
แล้วอยู่ๆ มาเป็น จั๊ก ดับเบิ้ลยู ได้ยังไง ?
“ตอนนั้นไปที่โพลีแกรมก่อน ไป Screen Test อัดเพลง เช็กเสียงกัน 2-3 เพลง พอดีว่าเจอพี่หมี (เทียนชัย เกียรติปรุงเวช) พี่หมีเป็นโปรดิวเซอร์ของ ไท ธนาวุฒิ และของหลายๆ คนในจีนี่ เรคคอร์ด”
พี่หมีถามผม ‘เฮ้ยทำไมไม่ไปแกรมมี่วะ’
ผมว่า ‘มันไปได้เหรอ’
พี่หมีบอก ‘เออ ลองไปดูสิ’
แล้วพอดีว่า แม่กับป้าทำงานที่ธนาคารกรุงไทย เคยทำโปรเจกต์ร่วมกันกับทางแกรมมี่ รู้จักพี่เล็ก (บุษบา ดาวเรือง) พี่เจือ (สันติสุข จงมั่นคง) พี่ทั้งสองก็ให้ไปลองทำ Screen Test ไปอัดเสียง ตอนนั้นผมเพิ่งกลับมาจากอเมริกา กลับมาซัมเมอร์ ยังเรียนไม่จบเลย เราก็ไปอัดแบบเบลอๆ แล้ววันหนึ่งมีโทรศัพท์ดังที่บ้าน เราก็รับ
“ฮัลโหล น้องจั๊กผ่านแล้วนะคะ เข้ามาเซ็นสัญญาได้”
เลยได้เป็นศิลปินกับแกรมมี่

“ตอนนั้นอายุ 17 อัลบั้มแรก Double You ปี 2541 จั๊กกับหญิง เพลงแรกที่ทำให้เป็นที่รู้จักคือเพลงเหนื่อย อัลบั้มที่ 2 Glow in the Dark ปี 2543 คนรู้จักเราเยอะแล้ว เธอสวย ตัวจริงของเธอ รักฉันเพราะอะไร ฉันจะตาม …
จริงๆ ชอบหลายเพลง แต่ชอบสุดจะเป็น ‘ตัวจริงของเธอ’ เพลงนี้เป็นเพลงที่เราพิสูจน์อะไรบางอย่างแล้วมันสำเร็จ ในยุคนั้นเขาจะแข่งกันทำเพลงง่ายๆ ซาวด์ต้องง่ายที่สุด แต่เราชอบเพลงยุค 70 เพลงที่สละสลวย แล้วใช้ Chord Tension เยอะๆ เลยลองทำเพลงนี้ดู แล้วลองพิสูจน์ดูว่า ถ้าเราทำเพลงยากจะประสบความสำเร็จได้ไหม ซึ่งออกมาแล้วมันใช่ แล้วมันก็ใช่มาจนถึงทุกวันนี้ 20 กว่าปีแล้ว”
เพลง : ตัวจริง…ของเธอ
ศิลปิน : DOUBLE YOU
คำร้อง : สุรักษ์ สุขเสวี
ทำนอง : ชวิน จิตรสมบูรณ์ (จั๊ก)
เรียบเรียง : พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
“จั๊ก ชวิน” กับบทของ “เจี๊ยบ” ใน “แฟนฉัน” ผลงานการแสดงเรื่องแรก (2546)
“จริงๆ แล้ว เมื่อก่อนมีละคร มีหนังติดต่อมาหลายเรื่อง แต่ผมไม่เคยตกลงเลย ไม่เคยรับเล่น เพราะเราคิดว่า เดี๋ยวไปเปลืองฟิล์ม เปลืองแฟลช เขาเทค 100 เทค เกรงใจ แล้วเราไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน แต่ว่าตอนแฟนฉัน เขาติดต่อมา 4 รอบ รอบแรกติดต่อมาทางนี้ ทางนี้ ทางนี้ แล้วรอบสุดท้ายไปเจอ พี่เล็ก บุษบา ดาวเรือง เดินสวนกันในตึก GMM พอดี

พี่เล็กบอก ‘เฮ้ย จั๊กไม่เล่นเหรอเรื่องนี้ มาเอาบทไปอ่านหน่อยก็ได้ อย่างน้อยก็ได้อ่านบทก่อน’ ผมก็ ‘โอเคครับ’ พี่เล็กเอาบทให้เลย ‘เอ้า!!! เล่มนึงไปอ่านซะ’ กลับถึงบ้านไปเปิดอ่าน หน้าแรกเสร็จ หน้าสองเสร็จ ‘เฮ้ย!!! แม่งดีนี่หว่า’ (หัวเราะ) แล้วเราไม่ต้องเล่นเยอะ เราเล่นแค่ออกมาประมาณ 15 นาทีของทั้งเรื่องนะ แล้วเป็นคนเล่าเรื่อง แต่ต้องไปลงเสียงพากย์ ตอนอ่านบทก็รู้สึกแล้วว่ามันทัช มันน่าจะดีนะ เลยตกลงเล่น
เราถามพี่จั๊กต่อว่า ทำไมทีมแฟนฉันถึงอยากให้พี่จั๊กรับบทนี้ พี่จั๊กบอกเรายิ้มๆ ว่า…
“คงเห็นว่าผมกับแน๊กหน้าคล้ายกัน แล้วน่าจะประเมินดูแล้วว่าอย่างแน๊ก โตขึ้นมาหน้าตาน่าจะประมาณนี้”

ชีวิตคือการเลือกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสิ่งที่เป็นเราที่สุด
“ตอนเด็กๆ อยากเป็น Marine Scientist (นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล) เราชอบวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เด็ก วิทยาศาสตร์จะเป็นวิชาที่ทำคะแนนได้ค่อนข้างดี แล้วก็ชอบ Biology เราศึกษาสัตว์โดยเฉพาะสัตว์น้ำพวกปู หอย เป็นอะไรสนใจมาก เราจะรู้จักปูเป็นร้อยๆ ชนิดเลยนะ ยิ่งศึกษา ยิ่งอ่าน ยิ่งสนุก สามารถบอกได้เลยว่านี่ปูอะไร พันธุ์นี้มีถิ่นฐานมาจากไหน เราชอบมาก ชอบตั้งแต่เด็ก ศึกษาลึกกันลงไปจนถึง Phylum (ไฟลัม – ขั้นอนุกรมวิธานขั้นหนึ่งในการจำแนกสัตว์ในทางวิทยาศาสตร์) แต่ว่าสุดท้ายแล้วพอมาเล่นดนตรี เราชอบดนตรีมากกว่า พอลองเครื่องดนตรีหลายๆ ชนิด เราเล่นได้หมด เปียโน กลอง เบส กีตาร์ สุดท้ายมาจบที่กีตาร์ เพราะรู้สึกว่ากีตาร์เป็นตัวเรามากที่สุด”
ชีวิตก็ต้องเลือกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอ
สุดท้าย เราได้เจอดนตรีที่แมชต์กับความเป็นตัวเรามากที่สุด

พัฒนาการเด็กรุ่นใหม่กับวงการดนตรี
“นักดนตรีสมัยนี้เล่นเก่งขึ้น”
“ผมไปเป็นกรรมการประกวดวงดนตรีบ่อย จะเห็นว่า ‘เฮ้ย!! เดี๋ยวนี้ขนาดเด็ก ป.6 ยังเล่นดนตรีสู้ผู้ใหญ่ได้ ฝีมืออย่างดีเลย‘ อาจจะยังไม่ถึงขั้นเลิศ เพราะความเป็นเด็กยังต้องอาศัยฝึกฝนไปเรื่อยๆ อีกเยอะ แต่สิ่งที่เราเห็นคือพัฒนาการของเด็ก วงดนตรีเด็กๆ เขาเล่นเก่งขึ้นเยอะมากๆ จาก 10 ปีที่แล้วที่เราเคยไปเป็นกรรมการ ยังมีบางวงที่ตั้งเสียงไม่ตรง สายกีตาร์ยังเพี้ยนขึ้นมาประกวด วงนี้ตกรอบตั้งแต่ดีดโน้ตแรกแล้ว ส่วนวงที่เข้ารอบจะมีแค่ 2-3 วง
เดี๋ยวนี้ล่าสุดที่ไปเป็นกรรมการมา มีวงเข้ารอบสุดท้าย 13-14 วง ทุกวงเก่งหมดเลย ไม่มีใครด้อยกว่าใคร ไม่น่าเชื่อสมัยนี้เขาไปเร็วมากๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าจะได้พัฒนาวงการเราไปเรื่อยๆ”
“ถ้าคุณอยากเก่ง คุณแค่ต้องซ้อม แล้วก็ซ้อม ผมซ้อมกีตาร์วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง”
“ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ จะเล่นได้แบบมืออาชีพ คุณต้องซ้อม ซ้อมเยอะๆ ต้องเริ่มจากช้าๆ ก่อน เหมือนนักวิ่ง อยู่ดีๆ จะให้เราไปวิ่งทีเดียว วิ่งแบบสับแบบเต็มที่เลยนะ วิ่งได้นั่นแหละ วิ่งได้ไม่ไกล มันก็เหนื่อย แต่ถ้าเราวิ่งแบบเหยาะๆ ไปเรื่อยๆ แรกๆ อาจจะช้าหน่อย แต่ถึงจุดหมายแน่นอน ค่อยๆ วิ่งไป ไม่ต้องสปีดขนาดที่เราต้องหยุดหอบเหนื่อยอยู่ข้างทาง”

“ดนตรีก็เหมือนกัน สมัยผมฝึกแรกๆ ฝึกจนนิ้วเป็นเลือดเลย ไม่อยากหยุด แต่ต้องหยุด เพราะเรารู้ว่าเกินลิมิตไปแล้ว ต้องหยุดไปหลายวันจนกว่าแผลจะหาย แล้วก็เริ่มเล่นใหม่ แต่คราวนี้เราจะรู้ว่าเราสามารถเล่นได้วันละเท่าไหร่ เราวางแผนไว้เลย เราจะเล่นวันละ 8 ชั่วโมง ฝึกทั้งวัน เล่นทั้งวัน ข้าวปลาก็กินอยู่ในห้อง แต่ถ้าเราเริ่มเจ็บนิ้วแล้ว เราต้องพอ อย่าฝืนเพราะถ้าฝืนมากกว่านี้ ก็จะบาดเจ็บ ทำให้ต้องรออีกระยะหนึ่งเลย กว่าแผลจะหาย เสียเวลาเข้าไปอีก
เริ่มจากช้าๆ ไปทีละขั้น ต้องพยายาม ต้องทุ่มเท เพราะว่าเราจะเล่นสิ่งที่ยากๆ ได้ ที่ซับซ้อนได้ ต้องใช้ความเข้าใจแล้วต้องฝึก ทำไปเรื่อยๆ พอเริ่มคล่อง ทุกอย่างจะลงตัวของมันเอง ทีนี้เราจะค่อยๆ ทำได้มากขึ้น ค่อยๆ เก่งขึ้น ทุกอย่างต้องใช้เวลา มีวินัยและอดทน”
ถ้าทำอะไรมากไม่ได้ ก็ต้องวาง แล้วนอน
“ทุกคนมีปัญหาหมดนะ อยู่ที่วิธีจัดการ ถ้าทำอะไรไม่ได้ ต้องทำที่ใจตัวเองนี่แหละ คือ ทำใจของตัวเราเองแค่นั้น เรื่องยากๆ เกิดขึ้นเสมอ แม้กระทั่งในเรื่องการทำงาน บางทีเราพยายามอัดกีตาร์ อัดเท่าไหร่ก็ไม่ Perfect สักที เพราะเราคิดสดๆ เดี๋ยวนั้น ยังมีจุดผิดพลาดตรงนี้ อัดไป 4 ชั่วโมงแล้วไม่ได้ เราต้องพอ หยุดก่อน ยิ่งฝืนไปจะยิ่งแย่ เราหยุดก่อน หยุดเลย ตอนนี้เลย แล้วพัก ปิดเครื่อง ออกจากห้อง ไม่ทำแล้ว นอนหลับเลย พอตื่นมาตอนเช้าสมองจะไบร์ท ตื่นมาตอนเช้าสิ่งแรกที่ลงมาทำ คือ เปิดเครื่องแล้วหยิบกีตาร์มาอัดเพลงนั้น เทคเดียวจบ ผ่าน”

“บางทีถ้าเราอยู่ใกล้กับปัญหามาก เราจะไม่เห็นภาพรวมของมัน มีปัญหาเกิดเพราะอะไร บางเรื่องเป็นแค่เส้นผมบังภูเขาใช่ไหม เราอยู่ใกล้กับมันมาก เราพยายามยื้อ พยายามแก้ ยิ่งจะผิดพลาด ยิ่งใช้เวลานานขึ้น ปัญหาลุกลาม แต่ถ้าเราถอยออกมาสักพักหนึ่ง แล้วเรามองกลับไป จะเห็นภาพรวม ‘อ๋อ!! ไอ้นี่มันเป็นอย่างนี้’ เราจะเห็นวิธีที่เราจะต้องแก้ปัญหาตรงนั้น ทีนี้ค่อยกลับเข้าไป แก้ไปทีละเปลาะ หมดไฟก็ออกไปเติมพลังชีวิต ออกไปเที่ยว เข้าป่า ตกปลา อยู่กับธรรมชาติ หรือไม่ก็เล่นกีฬาอย่างยิงปืน ยิงธนู กีฬาพวกนี้ต้องใช้ความแม่นยำสูง เหมือนเวลาที่เราเล่นดนตรีได้เร็วๆ เพราะเราต้องแม่น ถ้าเราไม่แม่นเล่นไม่ได้ อย่างโน้ตที่ต้องอาศัยความเร็วในการคอนโทรล นี่คือความแม่นยำ การเล่นกีฬายิงปืนก็เหมือนกันต้องอาศัยสมาธิ อาศัยความแม่นยำ ซึ่งเกิดจากการฝึกเท่านั้น”
ความสุข ณ วันนี้ของจั๊ก ชวิน
“เล่นกับลูก อยู่บ้านกับลูก เลี้ยงหมา เลี้ยงแมว เลี้ยงงู อยู่กับดนตรี”
“ถ้าวันไหนไม่ได้ออกไปทำงาน ผมก็จะอยู่เล่นกับแมว ที่บ้านมีแมว 4 ตัว หมา 1 ตัว งู 1 ตัว มีเพื่อน มีรุ่นน้องมาหาที่บ้าน ทำกับข้าวกิน เล่นกีตาร์ร้องเพลงตามประสา แต่ส่วนมากอยากเล่นกับลูก ผมมีความสุขกับการที่ได้เห็นการเติบโตของเขา ได้เห็นเขาเลือกในสิ่งที่เขาชอบ ให้เขาได้เรียนรู้ คืออะไรก็ได้ที่เขาอยากเล่น อยากทำ เพราะว่ามันเปล่าประโยชน์ที่เราจะบอกว่า ‘อย่า’ หรือ ‘ไม่’

เขาอายุ 12 อยู่ในวัยที่อยากเรียนรู้ในสิ่งที่เจอ อยากเล่นดนตรี อยากเข้าชมรมหมากรุก อยากทำอาหารเอง อยากกินของเผ็ด ทุกอย่างต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง แล้วเขาก็จะรู้ด้วยตัวเองว่าสิ่งไหนดี หรือสิ่งไหนที่ไม่ดี ซึ่งเราจะคอยบอก คอยแนะนำ คอยอยู่ข้างๆ”
“ผมว่าคนเรามีความสุขได้ไม่ยาก แค่รู้ว่าทำอะไรแล้วมีความสุข ก็ทำสิ่งนั้น แค่นั้นเอง”


ขอขอบคุณ ‘หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ)’ สำหรับการเอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำ https://www.facebook.com/buddhadasaarchives