วันนี้ (21 พฤษภาคม 2568) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ‘นายเอโตะ ทาคุ’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง ประเทศญี่ปุ่น ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอลาออกต่อ ‘นายชิเงรุ อิชิบะ’ นายกรัฐมนตรี ซึ่งสาเหตุในการลาออกมาจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของคำพูดของเขา
สืบเนื่องจากในงานสัมมนาเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ช่วงหนึ่งนายเอโตะได้พูดว่า “ผมไม่เคยต้องซื้อข้าวกิน เพราะผมได้รับข้าวเป็นของขวัญจากผู้สนับสนุน ผมมีข้าวมากพอจนสามารถขายได้” ซึ่งคำพูดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายตามมา เนื่องจากมันเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนกำลังเผชิญกับราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และดังที่เรารู้กันดีว่า ‘ข้าว’ เป็นอาหารหลักของผู้คนในญี่ปุ่น
ทั้งนี้ในทางการเมือง คำพูดหรือการสื่อสารในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และคำพูดของนายเอโตะอาจสร้างปัญหาเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลเสียงข้างน้อยภายใต้การบริหารงานของนายชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งแต่เดิมก็เผชิญกับปัญหาอยู่แล้ว และมันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม จนอาจนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง หรืออาจทำให้นายอิชิบะต้องลาออกจากตำแหน่ง
หลังจากที่นายเอโตะได้ยื่นหนังสือลาออกที่สำนักนายกรัฐมนตรี เขาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “ผมได้กล่าวถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้บริโภคกำลังได้รับความเดือดร้อนจากราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น ในฐานะของรัฐมนตรีผมต้องรับผิดชอบ อยากขอโทษประชาชนอย่างจริงใจ และเขาคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนี้” ทั้งนี้การลาออกของนายเอโตะถือเป็นการลาออกครั้งแรกภายใต้รัฐบาลที่นำโดยนายอิชิบะ ซึ่งคนที่จะมารับไม้ต่อในตำแหน่ง รมว. เกษตร ก็คือ นายชินจิโค โคอิซูมิ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม และเป็นลูกชายของอดีตนายกฯ
ด้านนายอิชิบะซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเกษตรฯ มาก่อน ได้กล่าวว่า เขาต้องการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและการพึ่งพาตนเองของประเทศญี่ปุ่น เขาได้เสนอแผนปฏิรูปภาคเกษตรกรรม รวมถึงการผลิตข้าวและการส่งออก แม้ว่าจะมีกระแสวิจารณ์ว่าเขาควรจะแก้ปัญหาราคาข้าวอย่างเร่งด่วนก่อน แต่นายอิชิบะมองว่าปัญหาราคาข้าวแพงไม่ใช่ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง นอกจากนี้เขายังได้ย้ำว่าเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค และจะเดินหน้าปฏิรูปนโยบายข้าว ส่วนทางด้านโคอิซูมิได้กล่าวว่า มาตรการที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเขาจะเร่งดำเนินการทันทีหลังจากที่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ แม้อุปสงค์ข้าวในญี่ปุ่นจะลดลงในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เพราะวิถีการกินของผู้คนมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้าวก็ยังคงเป็นอาหารหลัก ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ซึ่งปัญหาขาดแคลนข้าวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้มีการแจ้งเตือนให้เตรียมความพร้อมกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ประชาชนซื้อข้าวเพื่อกักตุน แม้ความตึงเครียดด้านอุปทานจะลดลงหลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง แต่ต้นปีที่ผ่านมาปัญหาการขาดแคลนข้าวและราคาข้าวที่พุ่งสูงก็กลับมาอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ได้แจงถึงสาเหตุว่า ปัญหาขาดแคลนอุปทานมาจากผลผลิตที่ตกต่ำเพราะสภาพอากาศร้อนจัดในปี 2566 นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า สาเหตุสำคัญมาจากนโยบายการผลิตข้าวในระยะยาวของรัฐบาลต่างหาก การระบายข้าวออกจากคลังสำรองฉุกเฉินแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ถูกมองว่าเป็นความพยายามแก้ไขปัญหาการจัดจำหน่าย แม้รัฐบาลจะปฏิเสธว่าไม่ได้ตกอยู่ในภาวะขาดแคลนข้าว แต่เจ้าหน้าที่บางคนก็ยอมรับว่า พวกเขาก็ไม่รู้สาเหตุจริง ๆ ว่าทำไมข้าวไปไม่ถึงมือผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางรายได้ย้ำว่า ปัญหาการขาดแคลนข้าวอาจรุนแรงมากกว่าที่คิด และมันก็ค่อนข้างตรวจสอบได้ยาก เพราะระบบการจัดจำหน่ายหรือการกระจายสินค้ามีความซับซ้อนมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้มีการยุติการควบคุมระบบข้าวในปี 1995
อ้างอิง
- https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250521/k10014811531000.html
- https://apnews.com/article/japan-rice-a01060f60874ec7fa8a24edf7917d779
